สังคม
เปิดชื่อคนบันเทิง เอี่ยว 'ดิไอคอน' - 'กบ ไมโคร' รับเป็นแม่ข่าย มีลูกทีม 8 คน เสียหาย 2 ล้าน
โดย nattachat_c
16 ต.ค. 2567
812 views
จากกรณี บริษัท The iCon Group ได้ทำธุรกิจที่อาจเข้าข่าย 'แชร์ลูกโซ่' โดยมีดารานักแสดงดังหลายคนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยบางคนมีคำว่า 'บอส' นำหน้าด้วย เช่น บอสกันต์ บอสมิน บอสแซม โดยมี 'บอสพอล' เป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่จับตามองของประชาชนจำนวนมาก เนื่องจากตอนนี้ มีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนแล้วมากกว่า 740 ราย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 266 ล้านบาท
ตอนนี้ มีข้อมูลเท่าที่ได้รับการเปิดเผยถึง 'คนบันเทิง' ที่ร่วมงาน หรือเคยร่วมงาน ดังนี้
ผู้ก่อตั้ง
วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ 'บอสพอล'
พรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์
กันต์ กันตถาวร
มิน-พีชญา วัฒนามนตรี
แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี
อดีตพรีเซนเตอร์
บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์
โดม-ปกรณ์ ลัม
ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์
เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ
ลิเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน
พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร
ผู้เสียหาย-เคยเป็นสมาชิก
ไกรภพ จันทร์ดี (กบ ไมโคร)
ลีซอ-ธีรเทพ วิโนทัย
อ๊อฟ-ศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ
สมพงษ์ คุนาประถม (อี๊ด โปงลางสะออน)
อาทิตย์ สมน้อย (เบิ้ล ปทุมราช)
ไอซ์-ณธษา เวชประสิทธิ์
ปู-มัณฑนา หิมะทองคำ
ตั้ม-วราวุธ โพธิ์ยิ้ม
วานนี้ (15 ต.ค. 67) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เวลา 10.30 น. นายไกรภพ จันทร์ดี หรือ กบ ไมโคร เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)
หลังให้ปากคำเสร็จ นายไกรภพ จันทร์ดี หรือ กบ ไมโคร เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า วันนี้มาแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะมีประเด็นที่เป็นไวรัลอยู่ในกระแสอินเทอร์เน็ตว่าตนเป็นผู้ร่วมขบวนการ หรือเป็นผู้เสียหายกันแน่
เมื่อถามว่า ในวันที่มีการขึ้นเวที นายไกรภพ ระบุว่าคลิปที่หลุดออกมาตอนขึ้นเวทีตนเข้าร่วมประมาณถึง 4-5 เดือน เป็นการขึ้นไปในหัวข้อ Rising Star วัน ยืนยันว่า ไม่มีสคริปต์ มีกรอบให้เชียร์อัพ บอกให้คนอื่นรู้ว่าธุรกิจนี้เปลี่ยนชีวิตอย่างไร
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ร่วมลงทุนในธุรกิจนี้ เพราะว่าเชื่อมั่นในตัวเลขผลประกอบการของบริษัทที่มียอดขาย 4000 กว่าล้านบาท ภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี ซึ่งตนมาทำธุรกิจออนไลน์ ยืนยันว่า ตอนนั้นที่ขึ้นเวที ไม่ได้รับค่าจ้าง โดยในบริษัทเรียกสิ่งนี้ว่า 'การแบ่งบัน'
ส่วนกรณีที่มีภาพปรากฎว่า ตนไปท่องเที่ยวทริปฝรั่งเศส นายไกรภพ ชี้แจงว่า เป็นทริปโปรโมชั่นสำหรับ 10 ดีลเลอร์ ซึ่งตนเองเปิดไว้ 5 ดีลเลอร์ ภรรยา 2 ดีลเลอร์ และคนในบ้าน 3 ดีลเลอร์ มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท
เมื่อถามว่าเปิด 10 ดีลเลอร์ ได้กำไรบ้างหรือไม่ นายไกรภพ ระบุว่า ช่วงแรกขายพอได้ แต่ช่วงหลังนั้นขายไม่ได้ ขายได้เฉพาะกับคนที่รู้จัก สุดท้ายพอสินค้าใกล้หมดอายุ ก็เริ่มลดราคา จนถึงขั้นนำไปถวายพระ หรือคนรู้จัก
นายไกรภพ ยอมรับว่า ตนเองเป็นแม่ทีม โดยอยู่ในบริษัทดังกล่าวประมาณหนึ่งปีนิด ๆ ซึ่งตอนที่ตนทำธุรกิจ ไม่มีคำว่าแม่ทีมด้วยซ้ำรู้ เพียงแค่ว่าเป็นธุรกิจแบบแฟรนไชส์ หลังมาร่วมธุรกิจนี้ก็ได้มีคนที่รักตน มาร่วมเปิดบิลทั้งหมด 8 ดีลเลอร์ มีลักษณะการทำงาน 'ไม่เถียง ไม่ถาม ทำตามอย่างเดียว' เมื่อมีดีลเลอร์สั่งคำสั่งออกมาเราก็ต้องทำตามที่เขาสั่ง
ส่วนสาเหตุที่ต้องออกจากธุรกิจนี้เป็น เพราะทั้ง 8 คน ที่ตามมานั้น ไม่สามารถขายของได้ทั้งที่ 8 คน พยายามทุกความสามารถ ในทุกช่องทางในการขายสินค้า แต่ก็ไม่สามารถที่จะขายได้ จึงตัดสินใจที่จะออกจากธุรกิจนี้ช่วง กรกฎาคม-สิงหาคม 2566 และออกมาศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนี้อย่างจริงจัง จึงพบว่า มีความไม่ชอบมาพากล ย้ำหากรู้ว่าเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ หรือเครือข่ายก็บอกว่าไม่มีใครที่อยากจะทำธุรกิจแบบนี้
ด้าน ลีซอ-ธีรเทพ วิโนทัย นักฟุตบอลชื่อดัง ที่มีภาพถ่ายคู่กับ 'บอสพอล' ซึ่งลีซอ เคยโพสต์ชี้แจงว่าตนเองก็ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน
ลีซอ เปิดใจผ่านสื่อ ยืนยันว่า ตนเองคือผู้เสียหาย เริ่มแรก ตนรู้จักกับน้องคนหนึ่ง รู้จักกันมาก่อนที่เขาจะไปทำดิไอคอน ตอนนั้น น้องคนนั้นรู้ว่าตนกับภรรยา ขายที่ตรวจ ATK เขาก็พยายามจะซื้อที่ตรวจ ATK จากเรา ก็เลยมีการติดต่อกัน เพราะเขาก็จะซื้อในจำนวนที่เยอะ จึงต้องเข้าไปคุยที่ออฟฟิศเขา ตนก็ตกลงไป แล้วก็เลยได้มีโอกาสเจอคุณพอล ซึ่งตอนนั้น ตนไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าเขาเพียงแค่ต้องการซื้อ ATK ตอนที่ไปถึงออฟฟิศ ก็มีการเจรจาซื้อขาย ATK กัน เป็นเพียงบทสนทนาสั้น ๆ
จากนั้นฝ่ายเขา ก็แนะนำบริษัทเขา แนะนำสินค้าของเขา เหมือนกับเป็นการโน้มน้าวใจ ตนคิดว่า คงอยากให้เห็นความดีความชอบของบริษัทเขา เพราะตนคิดว่าเขาจะซื้อ ATK จากตน
ตอนนั้นตนมองว่า โควิดกำลังระบาด วงการฟุตบอลและตนเองก็ได้รับผลกระทบ เลยมองว่า นี่อาจจะเป็นอีกธุรกิจที่เลี้ยงชีพเราได้ และเขาก็โน้มน้าวใจเรา เหมือนที่ผู้เสียหายคนอื่น ๆ เจอ ตนเลยตกลงซื้อไป 250,000 บาท ซึ่งหลังจากนั้น ก็มีมาสอบถามแนะนำให้ซื้อเพิ่มเรื่อย ๆ แต่ตนจบที่ 250,000 บาท และทางบริษัทไม่มีสินค้าให้ แต่เขาบอกว่า เป็นบริการของทางบริษัท หากตนต้องการเบิกของไปขาย ก็ให้แจ้งมา ทางบริษัทจะส่งของให้ โดยที่เราไม่ต้องสต็อกของไว้ที่บ้าน จะเบิกสินค้าตัวไหนก็แจ้งไป และจะได้ผลตอบแทนคืนมา ลักษณะคล้ายเป็นชิป ซึ่งตนก็ไม่มั่นใจส่วนนี้
หลังจากเปิดดีลไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนไม่ได้ขายต่อ เพราะรู้สึกว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ถนัด เพราะเหมือนเป็นการขายตรง ต้องแนะนำคนที่มาซื้อสินค้ากับเรา หรือลงคอร์สเรียนการทำธุรกิจออนไลน์ แต่ตนไม่ชอบการขายตรง ไม่ชอบเวลาคนอื่นมาขายตรงกับเรา แล้วจะให้เราไปขายตรงกับคนอื่น คิดว่ามันไม่เหมาะ และสินค้าที่ต้องมานั่งขายปลีกเป็นชิ้น ๆ มันก็ไม่มีทางรวยอยู่แล้ว ยากมาก
ลีซอ บอกว่า ส่วนตัวไม่ได้สานต่อหรือไปชักชวนใครต่อ ไม่มีเครือข่ายของตน ส่วนภาพที่เห็นว่าถ่ายกับบอสพอล คือวันที่เข้าไปในออฟฟิศและคุยกันแค่นิดหน่อย จากนั้นก็ถ่ายรูปด้วยกัน แล้วบอสพอลก็เอาไปโพสต์ ซึ่งตนถือว่า ตัวเองเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย และไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/EBgXGsmZDhE