สังคม

"อัจฉริยะ" ร้องสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษี "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์"

โดย gamonthip_s

26 ก.ย. 2567

397 views

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เดินทางมาที่กรมสรรพากร สำนักงานใหญ่ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนอธิบดีกรมสรรพากร ขอให้ตรวจสอบการเสียภาษีของ แม่ตั๊ก กรกนก และ ป๋าเบียร์ กานต์พล 


นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วทนดูไม่ได้ กรณีที่แม่ตั๊กและสามีไลฟ์สดโฆษณาใช้ข้อความเท็จหลอกลวงขายทองกับประชาชน ซึ่งมองว่าการกระทำที่ผ่านมาทั้งหมด เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และฐานสมคบกันฟอกเงินด้วย


โดยที่มายื่นเรื่องวันนี้ตนต้องการให้กรมสรรพากรตรวจสอบว่า แม่ตั๊กและสามี มีการตกแต่งงบการเงินของบริษัท ยื่นเอกสารเท็จต่อกรมสรรพากรในการเสียภาษีหรือไม่เพราะจากการตรวจสอบ พบว่าแม่ตั๊กมีบริษัททั้งหมด 3 บริษัท ส่วนสามีมี 7 บริษัท ซึ่งทั้ง 10 บริษัทนี้ ตั้งแต่ก่อตั้งมา มีการจ่ายภาษีรวมกันไปแค่ประมาณ 16.6 ล้านเท่านั้น


เมื่อไปดูเอกสารงบการเงินที่มีการยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า แต่ละบริษัทมีการยื่นงบการเงินว่าได้กำไรน้อยบ้าง หรือขาดทุนบ้าง บางบริษัทก็ปิดไปแล้ว ทำให้เสียภาษีน้อย หรือบางปีก็มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีเลย ซึ่งตนเชื่อว่า เอกสารงบการเงินดังกล่าวที่ยื่นไป ต้องเป็นเอกสารเท็จ เพราะมันสวนทางกับทรัพย์สินที่แม่ตั๊กและสามี โอ้อวดลงในโซเชียล


ซึ่งตนได้แนบหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอเหล่านี้มาด้วย ทั้งการถือครองทรัพย์สินที่เป็นรถหรูจำนวน 9 คัน มูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท, อาคารสำนักงานมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมถึงที่ดิน, กระเป๋าแบรนด์เนมกว่า 50 ล้านบาท, นาฬิกาหรู 100 ล้านบาท, ธุรกิจที่มีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี, ซื้อทองครั้งละ 200 ล้านบาท, ตกแต่งออฟฟิศอีก 120 ล้านบาท รวมๆ แล้วแม่ตั๊กและสามี ต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งการร่ำรวยได้ขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ทำธุรกิจแล้วจะขาดทุนหรือได้กำไรน้อยตามที่มีการยื่นเอกสารงบการเงิน โดยจากการตรวจสอบข้อมูล ตนยังพบอีกว่าการร่ำรวยของแม่ตั๊กและสามีมาจากการฟอกเงิน


สำหรับการฟอกเงิน ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล แต่เบื้องต้นพบว่ามีหลายธุรกิจ ทั้งเว็บพนันออนไลน์ และการแลกเงินแบบผิดกฎหมาย ซึ่งต้องมีตำรวจระดับสูง และนักการเมืองหนุนหลังอยู่ จึงจะสามารถทำได้


โดยในการยื่นให้ตรวจสอบครั้งนี้ ตนได้ขอให้กรมสรรพากร ทำการเรียกผู้ตรวจสอบบัญชีของทั้ง 10 บริษัท และเจ้าหน้าที่สรรพากรที่รับชำระภาษีของทั้ง 10 บริษัทนี้ มาตรวจสอบด้วย เพราะเชื่อว่าต้องมีการสมรู้ร่วมคิดกัน ในการสร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ



นายอัจฉริยะ ยังได้ฝากบอกผู้เสียหายว่า อย่านำทองไปคืน เพราะถ้าคืน จะได้แค่เศษเงิน แต่ถ้าไปแจ้งความกับตำรวจ ก็อาจจะเรียกค่าเสียหายได้มากกว่าเป็น 10 เท่า ตนเชื่อว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า ตำรวจจะออกหมายจับดำเนินคดีกับทั้งคู่ได้ ซึ่งมั่นใจว่ายากที่จะรอด ทางเดียวที่จะรอด คือทางช่องทางธรรมชาติ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ทองแม่ตั๊ก ,กรมสรรพกร

คุณอาจสนใจ

Related News