เปิดผลตรวจทอง 'แม่ตั๊ก' ลูกค้าแห่ขายคืน เดือดโยนกล่องทอง-ของแถม ทิ้งหน้าร้าน

เปิดผลตรวจสอบลูกปัดทองคำ ปี่เซียะทองคำ ลูกค้าซื้อจากร้าน แม่ตั๊ก ลูกค้าโยนกล่องทอง-ของแถม ทิ้งหน้าร้าน หลังทราบว่าต้องมีปี่เซียะถึงได้เงินคืนเต็ม ลั่นใครจะเอาก็เอาไป เสียเวลา ด้าน ตร.จัดกําลังดูแลตลอดทั้งวัน ไร้เงาแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์


เมื่อวันที่ 25 ก.ย.67 ในรายการโหนกระแส เชิญลูกค้าผู้เสียหาย ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ สคบ. มาพูดคุยในประเด็นซื้อทองออนไลน์ ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก โดยรายการให้ส่งทองที่ซื้อจากร้านแม่ตั๊กไปตรวจสอบหาปริมาณทองคำและเปอร์เซ็นต์ทองคำ ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยผลการตรวจสอบทองคำออกมาแล้ว โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT พบว่า ปี่เซียะ 8 ตัว หนักรวมประมาณ 25 สตางค์ หรือ 3.79 กรัม ทองที่พบ 99.83 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในไลฟ์บอก 99.99 เปอร์เซ็นต์ ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์


ลูกปัดสีทองในกำไลข้อมือคั่นปี่เซียะ พบเป็นทองคำ 71.38 เปอร์เซ็นต์ ต้องตรวจสอบว่าในไลฟ์บอกว่ากี่เปอร์เซ็นต์ แต่ 71.38 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าทอง 18K (75%)


สร้อยคอทองหนัก 50 สตางค์ หรือ 7.58 กรัม (ของแถม) ทองที่พบ 92.08 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่ามาตรฐาน หรือไม่ถึงตามเกณฑ์ที่ สคบ.กำหนดไว้ ที่ต้องเป็นทองคำ 92.50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย


แผ่นทองมงคล (ของแถม) ไม่พบเปอร์เซ็นต์ทอง ซึ่งในไลฟ์บอกเป็นทอง 99.99 เปอร์เซ็นต์


ตามกำหนด สคบ. ทองน้ำหนักน้อยกว่า 10 กรัม ต้องมีเปอร์เซ็นต์ทอง 92.5 เปอร์เซ็นต์ ทองน้ำหนักมากกว่า 10 กรัม ต้องมีเปอร์เซ็นต์ทอง 93.5 เปอร์เซ็นต์ และอาจจะโดนอีกเรื่องคือ ฉลากรายละเอียดทองที่ร้านแม่ตั๊กไม่มี


ส่วนที่หน้าห้างเพชรทองเคทูเอ็น ของนางกรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก ย่านหทัยราษฎร์ วานนี้ เปิดให้บริการ ก็มีประชาชนจำนวนมากทยอยนำทองหรือปี่เซียะมาที่ร้าน เพื่อขายทองคืนเป็นวันที่สอง คนทยอยมาตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนแน่นร้าน และมีการรับบัตรคิวถึง 4 โมงเย็น จำนวน 314 คิว โดยทางร้านได้ตั้งเต็นท์และจัดเตรียมเก้าอี้ให้นั่งรอคิวอยู่บริเวณหน้าร้าน เนื่องจากในร้านคนแน่นขนัด


โดย นายสิทธิศักดิ์ อายุ 37 ปี พร้อมด้วย นายธนพร อายุ 36 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางมายังร้านทองแม่ตั๊ก เพื่อจะนําทองมาขายคืน แต่จู่ ๆ ทั้งคู่ได้หอบกล่องทอง ของแถมทั้งหมด ที่เป็นแผ่นทองมงคล ปี่เซียะตั้งโต๊ะ เดินมาที่บริเวณหน้าร้านและโยนทิ้ง พร้อมกล่าวว่า "ใครจะเอา ก็เอาไปเลย" ก่อนที่นายสิทธิศักดิ์ จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนได้ลางานเพื่อเดินทางมาจากย่านพระราม 4 เพื่อมาต่อคิวตั้งแต่เวลา 09.00 น. ก่อนร้านเปิดหนึ่งชั่วโมง


โดยทองที่ตนนำมา เป็นทองที่แม่ของตนซื้อมาเก็บไว้ตั้งแต่ปี 64 แต่เมื่อรอคิวแล้วตนทราบมาว่า จะต้องนำปี่เซียะมาด้วยถึงจะได้เงินคืนเต็มจำนวน แต่ตนไม่ได้พกมาด้วย เนื่องจากเเม่ของตนจำไม่ได้ว่านำปี่เซียะไปเก็บไว้ที่ไหน แต่ของอย่างอื่นตนนํามาครบ ก่อนที่จะตัดสินใจโยนทิ้งเพราะรอไปก็เสียเวลา อย่างไรก็ตามตนยังไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับทางพนักงานแต่อย่างใด แต่คาดว่าคุยไปก็คงไม่ได้เงินคืน


นายสิทธิศักดิ์ เล่าเพิ่มเติมว่า แม่ของตนได้ซื้อสร้อยข้อมือทองคำปี่เซียะไป 1 ชิ้น หวังว่าจะเก็บไว้ให้ลูกหลานในอนาคต แต่ในระหว่างที่แม่ใส่ในชีวิตประจำวัน ได้ทำขาดไปแล้ว พอหลังรู้ข่าวก็เกิดความโมโห และไม่พอใจอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าสร้อยข้อมือจะขาด แต่ถ้าเป็นสร้อยทองคำมาตรฐานทั่วไป ก็ยังสามารถที่จะขายได้ตามร้านทองทั่วไป


จึงไม่ได้นำสร้อยปี่เซียะมาคืน เนื่องจากมันขาดไปแล้ว แต่ก็ขอนำของแจกที่ได้ไปพร้อมกันมาคืนให้กับทางร้านด้วย พร้อมกับพูดประชดว่า ใครไม่มีของแถมก็ให้มาหยิบเอาไปได้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอยากให้เจ้าของร้านทองดังกล่าวโดนลงโทษอะไรหรือไม่ นายสิทธิศักดิ์ ตอบทันทีว่า "ฉ้อโกงประชาชน" แต่ส่วนตัวยืนยันว่าจะไม่มีการฟ้องดำเนินคดีอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรกรรม


ทีมข่าวได้คุยกับ นางบุญชอบ อายุ 52 ปี เดินทางจาก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ตนนำกำไลข้อมือปี่เซียะ 8 ตัว มาขายคืน ได้เงินเต็มจำนวน 37,777 บาท ส่วนของแถมแผ่นทองมงคล ปี่เซียะตั้งโต๊ะ ทางร้านไม่รับคืน มอบให้ตนกลับไป ทางร้านบอกว่า "ถ้าจะเอากลับ ก็เอากลับได้ เอาไปบูชา" เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่มาขายคืน ก็พากันหอบของแถมกลับบ้าน ทางร้านถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนไว้ และให้เซ็นว่าจะไม่ดำเนินคดีใด ๆ

ทั้งนี้ ตนสั่งซื้อปี่เซียะผ่านไลฟ์เฟซบุ๊กของแม่ตั๊ก เพราะศรัทธา สามีไม่รู้ เก็บไว้ 3 ปี ยังไม่เคยนำมาใส่ ทางร้านคืนเงินให้เต็มจำนวนก็ดีใจ "ทีแรกเห็นข่าวไม่เอะใจ เห็นคลิปในติ๊กต็อกร้านทองร้านนี้ก็คิดว่า กูโดนล่ะ อยากฝากถึงร้านว่า กินกำไรเกินไปมั้ย คุณรวยเพราะคนที่ลำบาก ถึงคุณจะคืนให้ครบทุกบาท เราก็ดีใจ แต่คุณก็ไม่สมควรทำ"


ขณะที่ พ.ต.อ.ยิ่งยศ ฉลาดปรุ ผกก.สน.นิมิตรใหม่ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจ ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่เพื่อมาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย รวมถึงดูแลเรื่องการจราจร เนื่องจากถนนหทัยราษฎร์เป็นถนน 2 เลน ส่งผลให้การจราตรติดขัด อย่างไรก็ตามเข้าใจว่าประชาชนหลายคนเดินทางมาไกลและไม่รู้ว่าจะจอดที่ไหนได้บ้าง เบื้องต้นตอนนี้อนุโลมให้จอดเลนซ้ายไปก่อนทั้งสองฝั่งของถนน ส่วนเรื่องการแจ้งความดําเนินคดีเกี่ยวกับร้านทอง ตอนนี้ยังไม่มี โดยตํารวจจะลงพื้นที่ทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/4yoP8utb2OA