วัยรุ่นเที่ยวงานวัด ขับกระบะหนีตาย ถูกแก๊ง จยย. ตามยิงใส่ 7 นัด บาดเจ็บ 2 ราย

วันที่ 20 สิงหาคม 2567 ร.ต.อ.สุภัทร์ ขุนนุ้ย ร้อยเวร สภ.เมืองพัทลุง เข้าตรวจสอบเหตุยิงกันบนถนนไชยบุรีช่วงแยกช่องโก ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเพียงรองเท้าของผู้บาดเจ็บจำนวน 1 ข้าง พบผู้บาดเจ็บจำนวน 2 ราย ถูกกลุ่มเพื่อนนำส่งโรงพยาบาลก่อนหน้า ทราบชื่อนายไตรรัตน์ อายุ 22 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดเข้านิ้วกลางด้านขวาจำนวน 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ และนางสาววิภาวดี อายุ 18 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดเข้าบริเวณต้นขาขวาจำนวน 1 นัด กระสุนฝังใน 

นายพิชาภพ (ฟลุ๊ค) อายุ 18 ปี คนขับรถกระบะคันเกิดเหตุเล่าว่า ตนและเพื่อนๆอีก 8 คน มาเที่ยวงาน 100 ปี เมืองเสกัก บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง ช่วงที่เดินออกมาบริเวณหน้างานมีวัยรุ่นชายจำนวน 4 คน ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีดำจำนวน 2 คัน จอดอยู่ช่วงจังหวะที่ตนเหลือบไปเห็น 2 ใน 4 คนชักปืน ตนจึงรีบขับรถออกมาจากงาน จนกระทั่งถูกวัยรุ่นดังกล่าวตามมายิงใส่จนเพื่อนได้รับบาดเจ็บ 2 คน

ในขณะที่ ดช.อายุ 14 ปี นั่งมาในกระบะรถเล่าว่า พวกตนมากันทั้งหมด 9 คน มีนายฟลุ๊คเป็นคนขับ นางสาววิภาวดี (บาดเจ็บ) นั่งคู่กับคนขับและมีเพื่อนชายอีกคนนั่งในแคป ส่วนในกระบะด้านหลังนั่งมา 6 คน รวมถึงนายไตรรัตน์ (บาดเจ็บ) ขณะที่พวกตนออกมาบริเวณหน้างานตนเห็นวัยรุ่น 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้างาน วัยรุ่นทั้ง 2 คน ชักปืนออกมา

พวกตนเห็นท่าทางไม่ปลอดภัยจึงรีบขับรถออกมาตามถนนราเมศวร์ มุ่งหน้าถนนเอเชีย แต่มีรถจักรยานยนต์ของวัยรุ่นดังกล่าวจำนวน 2 คัน ขับตามมาพวกตนถึงขับเข้าซอยวกวนจนรถวัยรุ่นตามไม่ทัน จนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุจอดรถเพื่อให้นายไตรรัตน์และนางสาววิภาวดีลงเข้าบ้านเช่า จู่ๆรถจักรยานยนต์วัยรุ่นตามมาประกบยิงใส่พวกตนประมาณ 7 นัด กระสุนถูกเพื่อนบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนพวกตนพากันพากันนอนหมอบในกระบะรถ จากนั้นผู้ก่อเหตุขับรถหนีไป 

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายฟลุ๊ค (คนขับรถกระบะ)ไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองพัทลุง และได้สอบปากคำผู้บาดเจ็บในเบื้องต้น พอจะทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ซึ่งทางกลุ่มเพื่อนที่นั่งมาในรถกระบะต่างบอกว่าไม่ได้มีเรื่องกับใครมาก่อน ช่วงเที่ยวงานพวกตนก็เต้นกันตามปกติ

อย่างไรก็ตามล่าสุดผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ปลอดภัย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมกับไล่กล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป