สังคม

ชายซิ่งรถหรูชนดะ บาดเจ็บ 9 รายอ้างนอนน้อยวันละ 3-4 ชม. เกิดอาการวูบหลับใน เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 4 ข้อหา

โดย kanyapak_w

5 ก.ค. 2567

389 views

หลังจากที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนสนสายไหม ได้เชิญตัว ชายวัยกลางคนผู้ก่อเหตุขับรถชนดับจนทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวน 9 รายบนถนนสุขาภิบาล 5 เมื่อคืนที่ผ่านมา มาสอบปากคำ อีกครั้ง ซึ่งปรากฏว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เชิญตัว คนขับรถเข้าไปให้ปากคำและพูดคุยที่ห้องสืบสวนตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา



จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.45 น.ผู้ก่อเหตุได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนที่มาจากรอสัมภาษณ์ โดยผู้ก่อเหตุระบุว่า ตนมีปัญหาทางสุขภาพ เนื่องจากทำงานหนักนอนน้อย นอนวันละ 3-4 ชั่วโมง โดยเมื่อวานนี้ ตนมีประชุมงานเกือบทั้งวันจนเพลียและเหนื่อย เลยขอแวะเข้าห้องน้ำ บ้านแม่ที่หมู่บ้านฝั่งตรงข้ามสุขาภิบาล 5 ซอย 82 เนื่องจากมีอาการท้องเสีย ซึ่งตนได้เข้าห้องน้ำตั้งหลายรอบ หลังจากนั้นตนตั้งใจว่า จะขับออกมาจากบ้านแม่เพื่อกลับไปบ้านแฟน ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 2 กิโลเมตร ย่านสุขาภิบาล 5 เช่นเดียวกัน



ปรากฏว่า ตนเกิดอาการวูบแล้วหลับในระหว่างที่กำลังขับในถนนของหมู่บ้านและไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถควบคุมรถได้อีกเลย จนเกิดเหตุการณ์เกิดขึ้น ที่ตนเองเลี้ยวซ้ายได้คาดว่าน่าจะเป็นเพราะสัญชาตญาณ แม้กระทั่งตอนที่รถพุ่งชนแผงกั้นป้อมยามหมู่บ้านและชนรถของชาวบ้าน ตนก็ไม่รู้สึกตัวเลย เบลอ ๆ ไม่ได้ยินเสียงอะไรใด ๆ เลย มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รถจอดแล้วและมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาให้การช่วยเหลือ



ผู้ก่อเหตุยืนยันว่า ตนไม่ได้ดื่มสุรา ไม่ได้เสพยาเสพติด หรือกินยาออกฤทธิ์ทำให้ง่วงก่อนขับรถ โดยเฉพาะสุราที่ตนเลิกมาแล้วหลายปี ทุกอย่างเกิดจากภาวะอาการ อ่อนเพลีย เครียดและเหนื่อยสะสมจากการทำงานหนัก ยอมรับว่า ตนไม่ได้คิดว่าจะนอนพักบ้านแม่ก่อนหรือประเมินตนเองก่อนขับรถออกมา รู้สึกแค่ว่าตนยังพอขับรถไหว ไม่ได้รู้สึกว่าขับรถไม่ไหวและต้องการรีบกลับ เนื่องจากแฟนรอทานข้าวด้วยกัน ผู้ก่อเหตุระบุอีกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ตนมีอาการลักษณะแบบนี้



ในเรื่องของการรับผิดชอบนั้น ผู้ก่อเหตุระบุว่า ตนพร้อมรับผิดชอบแก่ผู้เสียหาย เพราะตนมีประกันชั้น 1 พร้อมเยียวยาผู้รับบาดเจ็บทุกคน โดยเฉพาะผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ยังคงพักรักษาอาการตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตนจะเข้าไปเยี่ยมและขอให้ผู้เสียหายทุกคนสบายใจได้ว่า ตนจะรับผิดชอบชดใช้เยียวยาทุกคนอย่างแน่นอน ตนขอโทษและสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไปแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัว เมื่อวานนี้ตอนที่เจอผู้เสียหายและผู้บาดเจ็บที่สถานีตำรวจ ตนก็ได้ยกมือไหว้ขอโทษไปแล้ว ส่วนตนเองก็ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณแขนซ้ายเนื่องจากกระแทกกับพวงมาลัย ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะทบทวนตนเองและจะดูแลตัวเองเวลาขับรถให้มากกว่านี้



ด้านแฟนสาวของผู้ก่อเหตุเปิดเผยว่า ตนรู้สึกสงสัยว่า ทำไมเขาถึงใช้เวลานานผิดปกติในการกลับมาที่บ้าน เพราะบ้านของตนและบ้านของแม่เขาก็อยู่ไม่ไกล จึงได้โทรหา แต่ไม่รับสาย เลยได้มาทราบในภายหลังว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ปกติเขามีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันและมีภาวะอ้วน รวมทั้งมีภาระงานที่ต้องรับผิดชอบจนพักผ่อนน้อย โดยเฉพาะการประชุมงานกับต่างประเทศ ซึ่งอยู่คนละช่วงเวลากัน เลยต้องอดหลับอดนอน



ที่ผ่านมาตนก็เคยมีการพูดเตือนให้พักผ่อนบ้าง แต่เข้าใจ เพราะเขาต้องทำงานหรือบางทีก็ต้องไปเลี้ยงและดูแลลูกค้าไม่เป็นเวลา ตอนนี้สภาพจิตใจของครอบครัวย่ำแย่อย่างมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นและไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ โดยเน้นย้ำกับผู้เสียหายว่า จะรับผิดชอบ เพราะยอมรับผิดในสิ่งที่ทำลงไป



ด้าน พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม เปิดเผยภายหลังสอบปากคำตัวผู้ก่อเหตุในช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุจำนวน 4 ข้อหา ได้แก่ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และเพิ่มข้อหาชนแล้วหนีอีกหนึ่งข้อหาด้วย เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมานั้นชนจำนวน 4 จุด มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย รวม 9 ราย และทรัพย์สินเป็นรถยนต์และรถจักรยานยนต์เสียหายรวม 6 คัน จึงต้องแจ้งข้อกล่าวหาต่างกรรมต่างวาระไป แต่ถ้าหากรวมรถของผู้ก่อเหตุแล้ว ถือว่ามีรถที่เสียหายจำนวน 7 คัน



จากการสอบปากคำ ผู้ก่อเหตุเบื้องต้นยอมรับว่าขับรถชนจริง โดยเขาขับรถจากที่ทำงานมาแวะบ้านแม่ที่หมู่บ้านที่อยู่ตรงข้ามสุขาภิบาล 5 ซอย 82 ก่อนจะขับรถกลับบ้านแฟนซึ่งอยู่ห่างออกไป 2 กิโลเมตร แต่อ้างว่าเป็นเพราะเกิดอาการวูบ เท่าที่สอบถามอ้างว่ามีโรคประจำตัวแค่โรคความดัน จากการตรวจสอบไม่พบประวัติรักษาอาการจิตเวช ทั้งนี้ ตรวจไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งเป็นการตรวจเบื้องต้นที่สถานีตำรวจ โดยในวันนี้จะนำตัวไปตรวจร่างกายหาสารเสพติดซ้ำอีกครั้งที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช



โดยหลังจากนี้ จะมีการสอบปากคำแม่ของผู้ก่อเหตุด้วย เพื่อสอบถามพฤติกรรมของตัวผู้ก่อเหตุขณะอยู่ที่บ้าน ส่วนจะมีพฤติการณ์เข้าข่ายพยายามฆ่าหรือไม่จากเหตุการณ์ที่ปรากฏในกล้องหน้ารถ ต้องสอบปากคำอย่างละเอียด แต่เบื้องต้นแจ้ง 4 ข้อหาก่อน ซึ่งถ้าหากผู้บาดเจ็บเสียชีวิตขึ้นมา จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มอย่างแน่นอน



คุณอาจสนใจ