สังคม

เด็ก 6 ขวบ ถูกพ่อเลี้ยงโหด-แม่แท้ๆ เฆี่ยนก้นแตก ต้องวิ่งหนีตายขึ้นรถขยะ แม่อ้างลูกหยิบไม้ให้ตีเอง

โดย nattachat_c

1 ก.ค. 2567

103 views

ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ประสานกรมกิจการเด็กและเยาวชน บ้านพักเด็กและกรุงเทพฯ เข้าช่วยเหลือ ด.ช.วัย 6 ขวบ หลังโดนพ่อเลี้ยงโหด คว้าไม้เรียวเฆี่ยนตีจนก้นแตก-หลังลาย จนเด็กทนไม่ไหว วิ่งหนีตายขอขึ้นรถขยะ จนเพื่อนบ้านเห็นรีบแจ้งขอความช่วยเหลือ

ขณะที่พ่อเลี้ยงและแม่เด็ก รับว่า ตีลูกเลี้ยงจริง เพราะต้องการสั่งสอนไม่ให้โกหกและขโมยของ ก่อนอ้างลูกเลี้ยงหยิบไม้มาให้ตีเอง ตนก็จะตีเพื่อสั่งสอนเท่านั้น ยืนยันว่ารักลูกเลี้ยงเหมือนลูกแท้ ๆ ด้านตำรวจคุมตัวพ่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนแม่และเด็กถูกพาไปงบ้านพักเด็กและครอบครัวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูแลตามกฎหมาย


วานนี้ (30 มิ.ย. 67) น.ส. ชลิดา พะละมาตย์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมกิจการเด็กและเยาวชน / บ้านพักเด็กและกรุงเทพฯ และสายตรวจ สน.ทุ่งครุ ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านวิเศษสุขนคร ซอย 6 ซอยประชาอุทิศ 79 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เพื่อช่วยเหลือเด็กชายอายุ 6 ปี ถูกแม่แท้ ๆ และพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายทุกวัน จนต้องวิ่งตามรถขนขยะเพื่อขอหนีไปด้วย เพื่อนบ้านทนไม่ไหว ร้องมาทางมูลนิธิเป็นหนึ่ง ให้เข้าช่วยเหลือ


โดยจากกล้องวงจรปิด ภายในซอยที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา จะเห็นว่าเด็กชายสวมเสื้อสีเหลือง สวมหน้ากากอนามัย ถูกพ่อเลี้ยงใช้ให้เดินไปซื้อน้ำแข็งที่ร้านขายของในหมู่บ้าน ปรากฎว่า แม่ค้าสังเกตเห็นตอนที่เด็กยื่นเงินให้ พบว่ามีแผลที่มือและที่แขน ลักษณะคล้ายถูกเฆี่ยนตี แม่ค้าพลเมืองดี จึงสอบถามเด็กว่า ไปโดนอะไรมา เด็กบอกว่าถูกตี จึงถามว่าถูกตีที่ไหนบ้าง เด็กจึงเปิดเสื้อให้ดู และเห็นบาดแผลเต็มตัว มีแผลเป็นริ้ว ๆ เต็มแผ่นหลัง แม่ค้าพลเมืองดีจึงถ่ายรูปบาดแผลไว้ และบอกว่าให้นั่งกินขนมรอก่อน จะไปตามคนมาช่วย แต่เด็กมีท่าทางหวาดกลัว และบอกว่ากลัวพ่อเลี้ยงจะรู้ จึงต้องยอมปล่อยให้เด็กกลับบ้านไปก่อน แล้วจึงติดต่อไปยังกู้ภัย ก่อนจะประสานส่งหลักฐานไปให้มูลนิธิเป็นหนึ่ง


เมื่อมูลนิธิเป็นหนึ่งลงพื้นที่ไปช่วยเหลือเด็ก และสอบถามเด็กชายถึงบาดแผลตามตัว เด็กบอกว่า เคยถูกพ่อเลี้ยงเอาหม้อต้มน้ำร้อน ๆ มาวางนาบที่แขน  ส่วนแผลที่หลัง โดนเข็มขัดเฆี่ยนตี และยังเคยโดนเอาเศษอาหารปาใส่หัวด้วย


น.ส.ชลิดา เปิดเผยว่า จากการสอบถามแม่ของเด็กชาย พบว่า แม่เอาแต่พูดโยนความผิดให้ลูกเพียงอย่างเดียว อ้างว่าลูกเป็นคนเอาไม้มาให้แม่ตีด้วยตัวเอง ซึ่งแม่ก็ยอมรับว่า ทั้งแม่ และพ่อเลี้ยง ร่วมกันทำร้ายเด็ก โดยแม่อ้างว่าลูกเป็นเด็กนิสัยไม่ดี มีพฤติกรรมชอบขโมยของ และดื้อ จึงต้องตีเพื่อสั่งสอน โดยการตี จะใช้ทั้งเข็มขัด และไม้ฟาด รวมทั้งเพื่อนบ้านยังเล่าว่า เคยเห็นน้องถูกจับเอาหัวโขกกำแพงด้วย หนักสุดเด็กเคยถึงขั้นวิ่งตามรถขยะ รถเก็บของเก่า เพื่อจะขอให้พาหนีไป


จนเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นวันเกิดน้อง แต่พ่อเลี้ยงใช้ให้ไปซื้อน้ำแข็งมาดื่มกับเหล้า เด็กจึงเดินไปที่ร้านขายของ จนแม่ค้าพลเมืองดีสังเกตเห็นบาดแผล และแจ้งทางมูลนิธิ


น.ส.ชลิดา ยังเปิดเผยว่า กว่าที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปช่วยเด็กได้ ต้องเจรจากับแม่เด็กอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากแม่ไม่พอใจและอาย ตนจึงต้องถามกลับไปว่า ตอนทำร้ายลูกทำไมไม่อาย นอกจากนี้ จากการสอบถามแม่เด็กยังทราบว่า สามีไม่เคยทำร้ายลูกตอนเมา แสดงว่าทำร้ายเด็กในตอนที่มีสติดี และแม่ก็ยังร่วมกับพ่อเลี้ยงทำร้ายลูกตัวเองด้วย แต่แม่เด็กยืนยันว่า พ่อเลี้ยงไม่ได้เสพยา ดื่มแค่เหล้าเท่านั้น


ซึ่งจากการสังเกตท่าทางของเด็ก พบว่ากลัวแม่และพ่อเลี้ยงอย่างมาก ตามร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยถูกทำร้าย ระหว่างที่พูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ พบว่าแม่ยังส่งสายตาข่มขู่เด็กเป็นระยะ


ขณะที่พ่อเลี้ยง ยอมรับว่าตีเด็กจริง แต่เพราะเด็กดื้อ ส่วนใหญ่จะตีสั่งสอนแค่ที่หลัง และที่ก้น ตีจนกว่าน้องจะยอมรับความผิด จึงหยุดตี แต่ยืนยันว่ารักเด็กเหมือนลูกแท้ ๆ เพราะดูแลลูกมาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ส่วนที่ลูกหัวบวมปูด พ่อเลี้ยงบอกว่า เนื่องจากเด็กตกบันได แต่เมื่อซักถามว่า ได้จับเด็กเอาหัวโขกพื้นหรือไม่ พ่อเลี้ยงตอบแบบเลี่ยง ๆ ว่า เป็นจังหวะเหวี่ยง ก็อาจจะมีบ้าง และสัญญาว่า หลังจากนี้จะไม่ตีเด็กอีก


ส่วนกรณีที่เพื่อนบ้านบอกว่า เคยแจ้งตำรวจไปแล้ว แต่ตำรวจไม่ได้ดำเนินคดีใด ๆ น.ส.ชลิตา บอกว่า ได้สอบถามทางตำรวจแล้ว ชี้แจงว่า เนื่องจากเมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ สอบถามแม่และตัวเด็กเอง แต่น้องบอกตำรวจว่าไม่ได้ถูกทำร้าย แต่บาดเจ็บจากการเล่นซนที่โรงเรียน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ แต่เพื่อนบ้านในพื้นที่ทราบพฤติกรรมของพ่อเลี้ยงมาตลอด


ด้าน พ.ต.อ.จุมพล สินศิริพงษ์ ผกก.สน.ทุ่งครุ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว เป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ เมื่อมีการแจ้งความร้องทุกข์แล้ว ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ  รวมทั้งรอผลตรวจร่างกายเด็กเพื่อประกอบการดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย


ส่วนจะดำเนินคดีทั้งพ่อและแม่ที่ทำร้ายเด็กหรือไม่นั้น ต้องรอผลการสอบปากคำพ่อและแม่ของเด็กอย่างละเอียดก่อน โดยระหว่างนี้ เด็กจะอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ จนกว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้น  


ขณะที่ เพจ เป็นหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า จากการสอบปากคำแม่เด็ก พบว่า ตัวแม่เองก็ถูกสามีทำร้ายเช่นกัน  โดยเฉพาะในวันพระ จะถูกทำร้ายรุนแรง เนื่องจากสามีจะอ้างว่าเป็นคนมีองค์


บางครั้งที่สามีจะตีลูก แม่ก็ต้องชิงตีก่อน เพื่อลดความรุนแรงที่พ่อเลี้ยงจะทำกับน้อง  เพราะหากพ่อเลี้ยงตีแล้วแม่ไปห้าม แม่ก็จะถูกทำร้ายด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก แยกตัวแม่ และเด็ก ไปอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากประเมินแล้วว่า หากปล่อยให้กลับไปอยู่บ้าน ต้องถูกสามีซ้อมแน่นอน  

---------------------

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/SNHHWVx902g

คุณอาจสนใจ

Related News