สังคม
เช็กมือถือ 9 ตำรวจน้ำ เอี่ยวเรือน้ำมันเถื่อน - สายข่าวแจ้ง ‘เสี่ยโจ้’ เข้าบ่อนประเทศเพื่อนบ้านสบายใจ
โดย nattachat_c
25 มิ.ย. 2567
28 views
'บิ๊กเต่า' เร่งตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ 9 ตำรวจน้ำ พิสูจน์ข้อสงสัยปมเอี่ยวเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย ขอเวลาอีก 1 สัปดาห์ ขยายผลออกหมายจับเพิ่ม ขีดเส้น 1 ก.ค.นี้ ยันขณะนี้ยังไม่พบ จนท.เกี่ยวข้อง หากพบว่าผิดจริง ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น รวมไปถึงประเด็นเรือที่มารับถ่ายโอนน้ำมันกลางทะเลน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นของใคร
วานนี้ (24 มิ.ย. 67) เวลา 10:00 น. ตำรวจคณะพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ จัดการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีสำคัญ โดยมี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นประธานการประชุม ซึ่งคาดว่าเป็นการประชุมติดตามความคืบหน้า 'คดีเรือน้ำมันเถื่อนหาย' จากสัตหีบ 3 ลำ
ต่อมา ภายหลังจากการประชุม โดยใช้เวลาประชุมนานถึงชั่วโมงครึ่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งนั่งเป็นหัวโต๊ะการประชุม ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน ว่า เบื้องต้นได้มีการสอบปากคำพยานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรือหายไปแล้วจำนวน 13 ปาก ซึ่งในจำนวนนี้ มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง
จากการพูดคุยในที่ประชุมเชื่อว่า ไม่มีตำรวจไปเกี่ยวข้องกับเรือหาย แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในทีเดียว จึงสั่งให้เก็บโทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับผู้กำกับการ สารวัตรที่สั่งการในระดับหัวหน้าดูแลของกลางและตำรวจที่เข้าเวรทุกนาย รวมแล้ว 9 นาย ส่งให้ตำรวจ บก.ปอท. นำไปตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์ว่า มีการพูดคุยเรียกรับหรืออำนวยความสะดวกให้เรือทั้ง 3 ลำออกจากท่าหรือไม่ อีกทั้งยังต้องตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนว่า ตำรวจที่เข้าเวรในวันดังกล่าวอยู่ประจำสถานีตรวจการหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ทางคณะพนักงานสอบสวนได้รับผลการตรวจพิสูจน์จากตำรวจ บก.ปอท. แล้ว แต่ได้นำข้อมูลที่ได้ส่งไปวิเคราะห์ข้อมูลโทรศัพท์ที่กองบังคับการปราบปรามอย่างละเอียด คาดว่าในวันจันทร์หน้า (1 กรกฎาคม 67) จะทราบผลการวิเคราะห์ข้อมูล
หากพบว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือปล่อยปละละเลยไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องดำเนินการตามวินัยร้ายแรงและอาญา โดยจะนำไปเปรียบเทียบกับคดีของกำนันนกที่ภายหลังเกิดการยิงขึ้น มีตำรวจเดินทางกลับบ้านโดยไม่กลับมาช่วยเหลือหรือเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน จึงจะใช้บรรทัดฐานเดียวกันว่า ในส่วนที่เรือน้ำมันหาย มีตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157 หรือไม่ หากพบว่ามีการกระทำความผิด จะเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และตั้งคณะกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรงต่อไป
เบื้องต้นพบว่า มีตำรวจน้ำอย่างน้อย 3 นาย ตั้งแต่ระดับสารวัตรลงไป ที่อาจจะเข้าข่ายในเรื่อง ม.157 ในส่วนปล่อยปละละเลยให้เรือน้ำมันหายนี้ แต่ต้องรอผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากกองปราบปรามเสียก่อน คาดว่าวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม จะมีความชัดเจนมากขึ้นในเรื่องนี้
นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า มีข้อมูลทางการข่าวจากสายลับว่า เสี่ยโจ้กบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีภาพหลักฐานเป็นเจ้าตัวขณะกำลังเล่นพนันอยู่ภายในบ่อนอย่างสบายใจ จึงประสานข้อมูลไปตรวจสอบยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงพบว่า เสี่ยโจ้มีสัญชาติกัมพูชาอยู่ด้วย แต่เชื่อว่า ไม่ยากหากจะประสานให้ตำรวจสากลออกหมายแดงติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย
อีกทั้งยังเชื่อว่า การที่เรือทั้ง 3 ลำหายออกไป มีเสี่ยโจ้อยู่เบื้องหลัง เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจน เห็นได้จากเรือหลังออกจากท่าก็มุ่งหน้าเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเสี่ยโจ้กบดานอยู่ในประเทศเดียวกัน อีกทั้ง ยังพบข้อมูลการพูดคุยทางโทรศัพท์จากเสี่ยโจ้มายังลูกเรือ
ยืนยันว่า คดีนี้หลังจากเริ่มดำเนินการสืบสวนสอบสวน ไม่มีอุปสรรคขัดขวางใด ๆ ในการทำคดี และไม่มีใครโทรมาขอความช่วยเหลือให้ช่วยเหลือทางคดี
ส่วนกรณีที่มีแชทไลน์หลุดการพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย 3 นาย และเสี่ยโจ้ เรื่องการเลือกรับเงินและจ่ายส่วย เรื่องนี้ได้มีการหารือในที่ประชุม โดยจะเรียกบุคคลที่ปล่อยแชทและบุคคลที่อยู่ภายในแชททั้งหมดมาสอบปากคำ โดยจะรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จสิ้นพร้อมกันกับทุกคดีในวันจันทร์
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ยืนยันว่า ในการสืบสวนสอบสวนชั้นนี้ ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรืออำนวยความสะดวกทำให้เรือน้ำมันเถื่อนหาย แต่พบพลเรือน และภาคเอกชน ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เรือหายอย่างน้อย 4-5 คน ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานและหากข้อมูลชัดเจน ก็จะขอออกหมายจับภายในวันจันทร์หน้า (1 กรกฎาคม)
ประกอบกับข้อมูลการตรวจสอบทางโทรศัพท์ของตำรวจทั้ง 9 นาย บก.ปอท. ก็จะส่งผลให้ทราบภายในวันจันทร์ (1 กรกฎาคม 67) ด้วยเหมือนกัน หากพบว่า ทั้ง 2 ส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการออกหมายจับหรือแจ้งข้อกล่าวหาในคราวเดียวกัน
ทั้งนี้ ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่า หลังจากเรือทั้ง 3 ลำออกจากท่าแล้ว ได้ไปจอดในน่านน้ำประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนจะมีการติดต่อเรือมาขนถ่ายน้ำมันออกจากเรือทั้ง 3 ลำ ซึ่งตอนนี้ตำรวจทราบข้อมูลของเรือทุกลำแล้ว และอยู่ระหว่างการประสานข้อมูลระหว่างประเทศเพื่อนำข้อมูลของเรือแต่ละลำมาประกอบในสำนวนคดี
สำหรับสำหรับคดีลักลอบขนน้ำมันเถื่อนตั้งแต่เดือนมีนาคมก่อนที่จะเป็นของกลาง ขณะนี้ อยู่ในการดูแลของอัยการสูงสุด และ บก.ปอศ. เนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งจากใน และต่างประเทศ
------------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/otpW5gck7kI