ผกก.เมืองนนทบุรี ตัวจริง แจ้งจับ ผกก.ปลอม นำชื่อแอบอ้าง ส่งใบแจ้งความหลอกเหยื่อโอน 9 ล้าน

ที่ สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.ไพรัตน์ นวนตะคุ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ว่าถูกแก๊งมิจฉาชีพแอบอ้างนำชื่อนามสกุล ไปทำเอกสารราชการปลอม หลอกลวงประชาชน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 67 พื้นที่ สน.วัดพระยาไกร พร้อมนำหลักฐานเป็นเอกสารปลอมใบแจ้งความจาก สภ.เพชรบูรณ์

โดยรายละเอียดในใบแจ้งความปลอม สภ.เพชรบูรณ์ ระบุข้อความว่า "เมื่อเวลา 09.49 น. วันที่ 18 มิ.ย. 67 บริษัท ทรัพย์มั่งมี สินเพิ่มพูน จำกัด ต.ตาลเดี่ยว อ.หล่มสัก จ.เพรชบูรณ์ 67110 มาสถานีตำรวจเพื่อแจ้งว่า เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 เวลาประมาณ 09:49 น. ผู้แจ้ง แจ้งว่า น.ส.ลัดดา (นามสมมุติ) ได้ทำการขอสินเชื่อ จำนวนวงเงิน 50,000 บาท มีเจตนาเข้ามาเพื่อก่อกวนบริษัท ทำให้บริษัทเกิดความเสียหาย เนื่องจาก น.ส.ลัดดา (นามสมมุติ) ได้กรอกข้อมูลในการทำธุรกรรมเข้ามา และเกรงว่าจะนำข้อมูลบริษัท ไปใช้ในทางที่เสียหาย เป็นการฉ้อโกงทรัพย์ มีความผิดร้ายแรง บริษัทจึงมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน และดำเนินคดีให้ถึงสุด พ.ต.อ.จาตุรนด์ อนุรักษ์บัณฑิต พงส. - พงส.ผู้เชี่ยวชาญ สภ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งความไว้แล้ว จึงให้ผู้แจ้งลงนามของบริษัทไว้เป็นหลักฐาน ลงลายมือชื่อ พ.ต.อ.จาตุรนด์ อนุรักษ์บัณฑิต พนักงานสอบสวน"

จากการสอบถาม น.ส.ลัดดา อายุ 40 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเกิดปัญหาต้องรีบใช้เงิน จึงได้เข้าไปหาข้อมูลในเน็ต จึงเจอการกู้เงินออนไลน์ ซึ่งตนได้ทำไปตามขั้นตอนระบบ แต่เงินไม่เข้าบัญชี ตนจึงทักบริษัทกลับไป ซึ่งทางบริษัทบอกว่าตนใส่บัญชีผิด โดยทางบริษัทแจ้งว่าให้ตนหาเงินจำนวน 25,000 บาท ไปให้ทางบริษัท ถ้าไม่หาเงินจำนวนดังกล่าวไปคืน ทางบริษัทจะฟ้องตนจำนวน 9 ล้านบาท ตนจึงแจ้งกลับไปว่าตนไม่มีเงิน จากนั้นทางบริษัทได้ทักไลน์และส่งเอกสารเป็นใบแจ้งความกลับมาให้ ทำให้ตนตกใจว่าจะต้องถูกฟ้องร้องแน่นอน ตนได้นำเรื่องนี้ไปคุยกับญาติพี่น้องและมีการเตือนตนให้ใจเย็นๆ และให้ตั้งสติ

หลังจากฟังญาติพี่น้องเตือน ตนจึงนำรายชื่อในใบแจ้งความมาตรวจสอบ โดยนำชื่อร้อยตำรวจเอก มาค้นหาในโซเชียล จนกระทั่งได้เบอร์ท่านผู้กำกับมา จึงได้ทักไปหา ซึ่งท่านผู้กำกับก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าโดนแอบอ้างชื่อ เรื่องที่เกิดขึ้น ตนยังไม่ได้แจ้งความ แต่ได้มีการปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงทราบว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ ตนได้มีการตรวจสอบทุกวิถีทาง ทั้งแจ้งศูนย์ดำรงธรรม ทั้งโทรไปหาตำรวจไซเบอร์ ทุกหน่วยงานยืนยันว่ามันเป็นมิจฉาชีพแน่นอน

ตอนนี้ตนกังวลใจมาก เพราะมิจฉาชีพใช้ชื่อตำรวจจริงนามสกุลจริงในการหลอกประชาชน และมีตัวตนจริง ตนเป็นคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ได้ยินเรื่องเหล่านี้มาเยอะ ยังพลาดไปกู้เงิน แล้วคนอยู่ต่างจังหวัดที่ไม่รู้เรื่องจะทำยังไง น่าจะมีคนโดนแบบนี้เยอะ อยากฝากเตือนคนที่ได้รับเอกสารในลักษณะแบบนี้ ตนเข้าใจว่าต้องตกใจ ถ้าคนที่ไม่ได้เจอมากับตัวเองก็จะว่าคนที่โดนหลอกว่าโง่ แต่ตนโดนเองจึงรู้ว่ามันตกใจกลัว มันทำให้เราขาดสติ ซึ่งจะนำไปสู่ขั้นตอนที่ทำตามแก๊งมิจฉาชีพทุกอย่าง อยากแนะนำให้ทุกคนมีสติ ปรึกษาคนรอบข้างก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น และให้แจ้งความ ซึ่งตนยังไม่ได้เสียเงินให้แก๊งมิจฉาชีพ

ด้าน พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักบัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายผ่านทางไลน์ ว่ามีคนแอบอ้างเอาชื่อไปใช้ โดยเป็นชื่อจริง นามสกุลจริง แต่ตำแหน่งตำรวจไม่ถูกต้อง โดยผู้เสียหายส่งรูปมาให้ดูทางไลน์ เป็นเอกสารสำเนาประจำวัน ซึ่งลงชื่อตนเป็นพนักงานสอบสวน สภ.เพชรบูรณ์ เนื่องจากผู้เสียหายต้องการจะกู้เงิน จึงไปกู้เงินผ่านทางเว็ปไซต์ในโซเชียล แต่ปรากฏว่าเงินไม่ได้เข้าบัญชี

จากนั้นมิจฉาชีพได้มีการข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินไปให้ ถ้าไม่โอนเงินไปให้จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 9 ล้านบาท หลังจากตนทราบเรื่องก็เตือนสติไปว่าอย่ากู้เงินนอกระบบ เพราะมันจะเกิดปัญหาตามมา และต้องมีสติ เพราะมิจฉาชีพใช้วิธีปลอมเอกสารราชการมาหลอกเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ถ้าได้รับเอกสารในลักษณะนี้ ให้ตรวจสอบกับต้นทางของเอกสารให้ดีก่อน ว่ามีบุคคลจริงในเอกสารหรือไม่ ตอนนี้มิจฉาชีพเปลี่ยนวิธีแบบใหม่ ขอให้ตรวจสอบจนพบตัวตนเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวก่อน อย่างกรณีผู้เสียหายคนนี้ได้ติดต่อมาหาตนก่อน ซึ่งตนก็ยืนยันไปว่าไม่มีกรณีดังกล่าว และตนก็ไม่เคยไปประจำที่เพชรบูรณ์ด้วย สำหรับคดีนี้ตนจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้ตรวจสอบเอกสารดังกล่าวไปที่ สภ.เพชรบูรณ์ พบว่าเป็นเอกสารปลอม ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ลัดดา และเอกสารดังกล่าวพบว่ามีจุดที่ไม่ถูกต้องหลายจุด เช่น สภ.เพชรบูรณ์ ไม่มี มีแต่ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบผู้ที่ส่งเอกสารดังกล่าวเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป