สังคม

ฉาว! เรือของกลาง 3 ลำ คดีน้ำมันเถื่อน หายชั่วข้ามคืน คาดเข้าทะเลประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

โดย thichaphat_d

13 มิ.ย. 2567

383 views

เรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำ 3.3 แสนลิตร หายจากอ่าวสัตหีบเพียงชั่วข้ามคืน ด้านตำรวจน้ำ อ้างเพิ่งรู้เมื่อช่วงเช้า พบโผล่กลางทะเลเกาะช้าง จ.ตราด คาดเข้าทะเลประเทศเพื่อนบ้านแล้ว มีสารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 3 เร่งนำเรือออกไล่ล่า พร้อมแจงย้ายเรือของกลางจากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ ไปยังจุดเรือหายเพราะคลื่นลมแรงเพราะหวั่นสะพานพัง

เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย.67) เวลา 10.30 น. พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน  สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ (สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน.) สั่งเจ้าหน้าที่นำเรือตำรวจน้ำ ออกปฏิบัติการไล่ล่าจับกุมผู้ต้องหา พร้อมเรือขนน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ที่หลบหนีออกจากพื้นที่ควบคุม บริเวณอ่าวสัตหีบ จ.ชลบุรี  

โดยเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำนี้ เป็นเรือของกลางในคดี  “ร่วมกันพยายามนำเข้ามาในหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งของที่ยังไม่ผ่านพิธีทางศุลกากร” เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา  โดยทางตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (กก.2 บก.ปอศ.)  ได้ขอความร่วมมือจากตำรวจน้ำ ในการจัดกำลังดูแลรักษาเรือและทรัพย์สินของกลางในคดี โดยควบคุม  ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา  

แต่เมื่อกลางดึกของวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนลักลอบแล่นเรือของกลางออกจากพื้นที่ควบคุม คาดว่าน่าจะมุ่งหน้าไปทาง จ.ตราด และเข้าไปในเขตทะเลประเทศเพื่อนบ้านแล้ว

พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สารวัตรตำรวจน้ำสัตหีบ เปิดเผยว่า เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนชุดที่ถูกจับกุมมาเมื่อวันที่ 19 มีนาคม มีจำนวน 5 ลำ  โดยเรือของกลางทั้งหมด ได้จอดเก็บรักษาไว้ที่สะพานเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จนกระทั่งวันที่ 9 มิ.ย. เกิดคลื่นลมแรงอย่างมาก จนเกรงว่าสะพานที่มีสภาพเก่าอาจจะได้รับความเสียหายจากแรงกระแทกของเรือ  จึงสั่งการให้นำเรือของกลางออกไปทอดสมอในอ่าวสัตหีบ ซึ่งสามารถมองเห็นด้วยสายตาได้ จนถึงเวลาประมาณ 21.00 ของวันที่ 11 มิ.ย.มีคนเห็นว่าเรือทั้ง 3 ลำยังจอดอยู่ตามปกติ แต่พอเช้าวานนี้ (12 มิ.ย.67) ก็ไม่เห็นว่ามีเรือจอดทอดสมออยู่ในที่เดิม จึงได้ตรวจสอบจนพบว่า เรือหายโดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำไปหรือหายไปที่ใด

จึงได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่นำเรืออกติดตามไล่ล่า รวมทั้งประสานไปยังหมู่เรือตรวจการณ์ของทัพเรือภาคที่ 2  และเรือตำรวจน้ำในพื้นที่ จ.จันทบุรี ออกลาดตระเวนตรวจสอบ โดยมีรายงานว่า มีผู้พบเห็นเรือทั้ง 3 ลำนี้กำลังแล่นอยู่บริเวณหลังเกาะช้าง จ.ตราด  ซึ่งปัจจุบันอาจเป็นไปได้ว่า แล่นเข้าไปในเขตน่านน้ำของประเทศเพื่อนบ้านไปแล้ว โดยทางตำรวจน้ำสัตหีบ ได้เข้าแจ้งความกับ สภ.สัตหีบ เพื่อบันทึกเป็นหลักฐานและตั้งข้อหาดำเนินคดีกับเรือที่หลบหนี

ขณะที่ สภ.สัตหีบ ตรวจสอบข้อมูลกับทางตำรวจน้ำ พบว่า พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สารวัตรตำรวจน้ำ ได้รับแจ้งว่าเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลางหายไป เมื่อเวลาประมาณ 6.00 น.วานนี้ (12 มิ.ย.67)  โดยเรือของกลางทั้ง 3 ลำ ประกอบด้วย

1. เรือ เจ.พี. พร้อมของกลางน้ำมันเถื่อนประมาณ 80,000 ลิตร  ลูกเรือ จำนวน 7 คน

2. เรือซีฮอต พร้อมน้ำมันเถื่อนประมาณ 150,000 ลิตร พร้อมลูกเรือ จำนวน 6 คน

3. เรือดาวรุ่ง พร้อมน้ำมันเถื่อนประมาณ 100,000 ลิตร พร้อมลูกเรือ จำนวน 5 คน

ทั้งหมดหายไปจากจุดทิ้งสมอที่อยู่ห่างจากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ ประมาณ 100 เมตร  เนื่องจากวันที่ 9 มิ.ย.มีคลื่นลมแรง เกรงว่าสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ จะไม่สามารถรองรับน้ำหนักเรือของกลางได้ จึงมีคำสั่งให้นำเรือของกลาง ออกไปลอยลำทิ้งสมอในระยะปลอดภัย ตำรวจที่เข้าเวรยังมองเห็นเรือดังกล่าวเปิดไฟเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 11 มิ.ย. กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. เรือทั้งหมดได้ดับไฟ จนกระทั่งช่วงเช้า จึงพบว่าเรือหายไปแล้ว  

ต่อมาเวลา 8.00 น. (12 มิ.ย.67) ตำรวจน้ำสัตหีบ นำเรือตรวจการณ์ 815 และเรือตรวจการณ์ 632  ออกค้นหา แต่ยังไม่พบร่องรอย  ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดกำลังค้นหาทั้งทางเรือและทางอากาศ  เนื่องจากของกลางหายเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะอยู่ในความควบคุมของตำรวจ โดย พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) สั่งตั้งกรรมการสอบสวน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด และหาผู้กระทำผิดมารับผิดชอบต่อไป

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือทั้ง 3 ลำที่หายไปครั้งนี้ เป็นเครือข่ายของ “โจ้ น้ำมันเถื่อน” หรือ “โจ้ ปัตตานี” ซึ่งเป็นขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในภาคใต้ ที่หลบหนีหมายจับคดีน้ำมันเถื่อนหลายคดีอยู่ในต่างประเทศ

ขณะที่ตำรวจสอบสวนกลาง ชี้แจงว่า เรือของกลางในคดีดังกล่าว มีทั้งหมด 5 ลำ ซึ่ง กองบังคับการปราบปราม, ปอศ. และตำรวจน้ำ ร่วมกันสืบสวนจับกุมและยึดไว้ เมื่อวันที่ 19 มี.ค.67 ส่งมอบให้ตำรวจน้ำสัตหีบ เป็นหน่วยเก็บรักษาของกลาง ที่ท่าเรือสัตหีบ ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.เป็นต้นมา

ระหว่างการเก็บรักษาของกลาง ได้สั่งให้สถานีตำรวจน้ำ 3 จัดเวรยามดูแลของกลางตลอด 24 ชม.และรายงานให้ทราบเป็นประจำทุกวัน  รวมทั้งให้ระมัดระวังสถานการณ์คลื่นลมแรงและน้ำเข้าเรือที่อาจทำให้ของกลางเกิดความเสียหาย จึงจำเป็นต้องมีคนเรืออยู่ประจำเครื่องเรือแต่ละลำอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เรือเกิดความเสียหาย โดยให้สถานีตำรวจน้ำ 3 วางแผนป้องกันไว้และรายงานให้ทราบเป็นประจำทุกวัน

จนวันที่ 9 มิ.ย. เกิดคลื่นลมแรง สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 3 สั่งให้นำเรือของกลางไปจอดทอดสมอห่างจากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ 100 เมตร และให้มีตำรวจดูแลอย่างใกล้ชิด สังเกตได้จากบนฝั่ง จนวันที่ 11 มิ.ย.เวลา 20.00 น. ตำรวจที่เข้าเวรยังเห็นแสงไฟจากเรือ และเวลา 22.00 น เรือทั้งหมดดับไฟ  

เช้าวันที่ 12 มิ.ย.เวลา 06.00 น. เวรยามพบว่าเรือของกลาง เหลืออยู่เพียง 2 ลำ หายไป 3 ลำ จึงรายงานผู้บังคับการตำรวจน้ำ ทันที และนำเรือที่เหลืออยู่ เข้ามาจอดเทียบท่าตามปกติ  ก่อนที่ผู้บังคับการตำรวจน้ำ จะสั่งให้ทุกสถานีตำรวจน้ำ ช่วยกันสกัดกั้นในตำบลที่ตั้งเรือ ที่คาดว่าเรือของกลางจะเดินทางไปถึง รวมถึงประสานงานหน่วยงานข้างเคียงในพื้นที่ และเรือประมงรับฟังในวิทยุโดยต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ประสานกองบินตำรวจ (บ.ตร.) ในการตรวจทางอากาศ และแนวทางการสืบสวนทุกช่องทางที่เกี่ยวข้อง จนปัจจุบันยังไม่พบการเคลื่อนไหว  

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดย พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช รองผู้บังคับการตำรวจน้ำ เป็นประธานกรรมการ และสั่งให้สถานีตำรวจน้ำ 3 ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมมอบหมายให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะ เพื่อตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/kFa38PJlnfA

คุณอาจสนใจ

Related News