ยายน้ำตาตก เงินหาย 6 พัน สงสัยหลานสาว โมโหใช้สากตีหัวหลานแตก เจอหลานใช้มีดแทงหัวเจ็บ

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 10 มิถุนายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายกันภายในครอบครัว มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ภายในห้องเช่าแห่งหนึ่ง ซอยด่านสำโรง 20 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุพบ นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี มีแผลแตกที่ศีรษะเลือดไหลนองใบหน้า เจ้าหน้าที่มูลนิธิให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาล ใกล้กันพบ นางมีณา (สงวนนามสกุล) มีบาดแผลเล็กน้อยที่กลางศีรษะ เจ้าหน้าที่มูลนิธิให้การช่วยเหลือเบื้องต้น แต่เจ้าตัวไม่ประสงค์จะไปโรงพยาบาล

นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นหลานสาวของนางมีณา บอกว่า ตนโดนสากกะเบือฟาด ยายเป็นคนฟาด เพราะว่าเงินเขาหาย แต่ยายมาโทษตน ตนก็เลยพูดกับยายไปว่า ถ้าตนไม่ได้เอาไป มากราบเท้าตนไหม ของาม ๆ นะ แล้วเขาก็มาพูดต่อว่าตนอีก ก่อนจะหยิบสากกะเบือมาฟาดหัวตนมา 1 ที ตนก็เลยผลักตัวยายออก แล้วพูดว่าทำทำไม ก่อนที่ตนจะหยิบมีดมาตีเขา ไม่ได้แทง แต่ยายบอกว่าตนแทงยาย มันเป็นเรื่องเงิน เงินเขาหาย 6,000 บาท เขาบอกว่าเอาไว้ใต้ที่นอน แล้วเขาก็โทรเรียกตน ตนเองไม่ได้นอนอยู่กับเขา จะนอนแยกห้องกัน ตนก็บอกกับยายว่าตนไม่ได้อยู่บ้าน จะเอาเวลาไหนไปหยิบ เพราะทำงานทุกวัน จะมีวันหยุดแค่วันอังคาร วันหยุดก็ไม่ได้อยู่บ้าน

นางมีณา เล่าทั้งน้ำตา บอกว่า ตนเองทำงานรับจ้างรายวัน จนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง จำนวน 6,100 บาท แล้วเอาซุกไว้ใต้ที่นอน เพื่อตั้งใจว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อรถเข็นมาไว้ค้าขายหารายได้เลี้ยงครอบครัว เพราะตนเองต้องหาเงินส่งเสียหลานทั้งหมด 3 คน ทั้งบ้านพักกันอยู่รวม 4 คน มีตนเองและหลาน ๆ พอมาวันนี้ตั้งใจจะเอาเงินก้อนนี้ไปจ่ายค่ารถเข็นแต่พอมาเปิดใต้ที่นอน ก็ถึงกับเข่าทรุดหมดแรง เพราะเงินหายไปหมดเกลี้ยง พอเอ่ยปากถามหลานทั้งสามคนก็ไม่มีใครยอมรับ เค้นถามก็ไม่มีใครยอมรับ แต่ก็สงสัยหลานสาวคนกลาง ซึ่งคนอื่นจะไม่เคยขโมย หากไม่มีจะมาขอตลอด จึงตัดสินใจไปหาตำรวจที่โรงพักสำโรงเหนือ เพื่อลงบันทึกประจำวัน และให้ทางตำรวจช่วยเค้นสอบถามหลานสาวคนกลางที่ต้องสงสัย แต่ฝ่ายหลานสาว กลับมีอารมณ์โมโหใส่ แถมพูดจาถากถางตนเอง ด้วยคำว่า หากตัวเองไม่ได้เป็นคนเอาไป ยายต้องก้มกราบเท้าหลานนะ ซึ่งคำนี้ทำให้ตนเองเจ็บช้ำน้ำใจ และน้อยใจหลานแท้ ๆ ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดจนเติบใหญ่ กลับไม่สำนึกในบุญคุณที่มีให้ หลังจากที่ลงบันทึกประจำวันเสร็จก็พากันกลับบ้าน พอมาถึงบ้าน หลานสาวยังพูดตอกย้ำซ้ำ ๆ ว่า หากตนเองไม่ได้ขโมยไปยายต้องกราบเท้าด้วยนะ ทำให้ตนเองทั้งโกรธและโมโหหลาน จึงคว้าสากกะเบือไม้ฟาดไปที่หัวหนึ่งครั้ง แต่หลานกลับคว้ามีฟันมาที่กลางหัวตน และมีเพื่อนบ้านเข้ามาช่วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำประวัติและเรื่องราวทั้งหมดไว้แล้ว รอสอบปากคำอีกครั้งว่าประสงค์จะดำเนินคดีหรือไม่หรือจะหาทางออกในเรื่องนี้อย่างใด