สังคม

ปู่วัย 81 ถูกแก๊งคอลฯหลอกโอนเงิน-จำนองบ้าน สูญ 22 ล้าน หมดตัว พ้ออยากฆ่าตัวตาย

โดย passamon_a

10 มิ.ย. 2567

675 views

ปู่วัย 81 ปี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน 19 ล้าน จำนองบ้านอีก 3 ล้าน หมดเงิน 22 ล้าน สูญทั้งเงินเสียทั้งบ้าน จนอยากฆ่าตัวตาย


เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นายไพรสัณต์ หรือ อ๊อด อายุ 81 ปี อดีตหัวหน้างานด้านวางแผนธุรกิจสายงานด้านเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หลังถูกมิจฉาชีพใช้กลอุบายหลอกว่าบัญชีของนายอ๊อด พัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมาย ทำให้ตกใจและหลงเชื่อ ถูกมิจฉาชีพที่ปลอมมาในรูปแบบการวิดีโอคอลเป็นตำรวจ ให้ทำตามขั้นตอน มิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีหรืออายัดทรัพย์สิน


ทำให้ตนเองหลงเชื่อโอนเงินให้กับมิจฉาชีพ เป็นเงิน 19 ล้านบาท หลังจากหมดตัวแล้ว ก็ยังถูกมิจฉาชีพใช้อุบายให้เอาบ้านไปจำนองขายฝากอีก 3 ล้านบาท รวมทั้งดอกเบี้ยอีก 450,000 บาท โดยให้ผ่อนชำระดอกเบี้ยเดือนละ 37,000 บาท และให้คืนเงินต้น 3 ล้านบาท ที่เอาบ้านไปจำนองขายฝากไว้ภายในระยะเวลา 1 ปี หลังได้เงินจากจำนองขายฝากบ้านมา ตนก็ได้โอนเงินให้กับมิจฉาชีพไป รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22 ล้านบาท


นายไพรสัณต์ หรือ ปู่อ๊อด เล่าว่า ภรรยาเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว มีลูกชายเพียงคนเดียว ชื่อ นายนีรนาท หรือ โอ๊ต อายุ 43 ปี ทำงานอยู่บริษัทตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศสิงคโปร์ ส่วนตนหลังเกษียณอายุแล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่ เนื้อที่ 83 ตารางวา ที่อยู่ในอำเภอบางกรวย จ.นนทบุรี  


จนเมื่อวันที่ 11 พ.ค.67 เวลา 14.30 น. มีโทรศัพท์มือถือ 098-563-6881 โทรเข้ามาหาตน แนะนำตัวว่าชื่อ นายรณฤทธิ์ ชัยวงศ์ รหัสพนักงาน 593108 แจ้งตนว่าตนถูกแอบอ้างนำข้อมูลส่วนตัวไปเปิดบัญชีธนาคารออมสิน สาขาอยุธยาพาร์ค ซึ่งถูกตรวจสอบบัญชีเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 66 โดยทางธนาคารได้ติดต่อประสานงานไปยัง สภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งใบรับรองการแจ้งความมายังสำนักงานใหญ่ ภายใน 2 ชั่วโมง


ต่อมาได้มีโทรศัพท์อีกเบอร์ 082-717-3028 โทรเข้ามาหาตน แจ้งว่า ชื่อ พันตำรวจตรีกิตติศักดิ์ รักษกุลวิทยา เป็นสารวัตรงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ต้องการสอบปากคำ เนื่องจากตรวจสอบพบการทุจริตในหน่วยงานราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวงเงิน 11 ล้าน โดยมี นายเอนก ตันจรารักษ์ ตำแหน่ง สจ. เป็นหัวหน้าขบวนการ และมีผู้ร่วมทุจริตเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้น้อยกว่าร้อยคน โดยได้นำเงินจากการทุจริตมาฝากผ่านบัญชีธนาคารออมสินของตนเอง


มิจฉาชีพแจ้งว่า ตนจะได้เงินผ่านบัญชี 10% ของเงินทั้งหมด และเงินที่อยู่ในบัญชีจะต้องเป็นของกลางในคดีอาญา โดยผู้ที่แอบอ้างเป็นพันตำรวจตรี เห็นว่าตนมีอายุมากแล้ว หากต้องไปให้ปากคำที่โรงพักจะลำบาก เลยแนะนำให้ตนทำตามขั้นตอน ผ่านทางไลน์


จากนั้นคนที่อ้างตัวเป็นตำรวจรายนี้ ได้บอกกับตนเองว่าคดีนี้เป็นคดีใหญ่ มีผู้ร่วมขบวนการเป็นทั้งตำรวจ ทหาร ทนายความ รวมทั้งยังได้ส่งรูปคำสั่งจากศาลอาญากรุงเทพฯใต้ ให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของตนเองทั้งหมด โดยให้ถือเป็นความลับ ถ้าตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีก็จะออกหนังสือแสดงความบริสุทธิ์ให้ รวมทั้งจะมีการเยียวยาให้ตามขั้นตอนของกฎหมาย


ต่อมาเมื่อวันที่ 12 พ.ค.67 มีหญิงสาวอ้างเป็นนายตำรวจหญิงชื่อ สุพัตรา ได้รับคำสั่งจากสารวัตรกิตติศักดิ์ มาแนะนำขั้นตอน เพื่อให้การตรวจสอบบัญชีง่ายขึ้น โดยให้ตนเปิด E-Banking กับอีก 2 ธนาคาร โดยให้รายงานตัวกับพันตำรวจตรีกิตติศักดิ์ ผ่านทางแชตของ สภ.พระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งมิจฉาชีพบอกให้ตนแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการโอนเงินทรัพย์สินที่มีอยู่ไปให้ตรวจสอบ เป็นเงินสดจำนวน 19 ล้านบาท รวมทั้งบ้านที่ไปจำนองขายฝากอีก 3 ล้านบาท ที่ตนเองกับภรรยา ทำงานเก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่เริ่มก่อร่างสร้างตัว


หลังจากนั้น 2 วัน ก็มีข้อความส่งมาอีก เป็นคำสั่งของ ป.ป.ช. ว่าจะเป็นผู้ตรวจทรัพย์สินของตน พร้อมกับส่งรายชื่อข้าราชการระดับ 9 และระดับ 8 ของ ป.ป.ช. มา เขาก็สั่งให้ตนเริ่มโอนเงินโดยจะกำกับการแสดงทุกอย่าง เพราะตนก็ใช้สมาร์ตโฟนไม่ค่อยเป็น โดย พ.ต.ต.กิตติศักดิ์ ที่อยุธยาจะเป็นคนสั่งทั้งหมดทุกขั้นตอนว่าให้ตนโอนเงินอย่างไร


เริ่มแรกให้ตนโอนเงินจากบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตออกมาทั้งหมด และให้โอนเข้า 2 บัญชีที่เปิดใหม่ และให้โอนไปยัง ป.ป.ช.ที่อ้างไว้ พอเสร็จเรียบร้อย วันต่อ ๆ ไปพอได้สอบสวนตนไปหมดแล้วและรู้ว่าตนมีบัญชีในตลาดหลักทรัพย์อยู่กับ Broker 2 แห่ง เขาก็สั่งให้ไปขายทั้งหมด 2 แห่ง พอตนขายเสร็จก็โอนเงินไปให้เขา


หลังจากนั้นก็สั่งให้ตนไปขายฝากบ้าน ให้กับผู้ที่เขาแนะนำมาให้ ซึ่งมีคนติดต่อมาจริง ๆ และให้ตนไปขายฝากบ้านและที่ดินที่ตนอาศัยอยู่ในปัจจุบัน คือ บ้านเดี่ยวหลังนี้เนื้อที่ 83 ตารางวา ตนจำนองขายฝากไปในราคา 3 ล้านบาท พร้อมกับดอกเบี้ย 450,000 บาท โดยทำสัญญา 1 ปี ต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน เดือนละ 37,000 บาท


จากนั้น 2 วัน ก็ได้มีไลน์จากตำรวจหญิงที่พูดคุยกับตนบ่อย ๆ ให้พูดกับรองผู้กำกับที่อยุธยา รองผู้กำกับได้บอกตนว่า ทางผู้ตรวจสอบได้ตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดแล้วพบว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ก็จะโอนเงินคืนทั้งหมด โดยมีเงื่อนไขอยู่ 1 ข้อ จะต้องเสียเงินอีก 4,200,000 บาท ให้กับทางราชการในการวางค้ำประกันทรัพย์สินที่โอนมา โดยบอกว่า พ.ต.ต. พนักงานสอบสวน และร้อยเวร จะช่วยใช้ตำแหน่งค้ำประกันให้ครึ่งหนึ่ง 2.2 ล้านบาท และให้ตนไปหาเงินมา 2.2 ล้านบาท ซึ่งตนก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนเพราะหมดตัวแล้ว จึงได้ติดต่อลูกชายคนเดียวไป ซึ่งเขาทำงานอยู่ที่ตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์


ลูกก็เลยเอะใจ เชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอกจนหมดตัวแล้ว วันรุ่งขึ้นลูกชายตนก็รีบบินกลับมาหาตน และนำข้อมูลทั้งหมดไปแจ้งความที่ สอท.2 เมืองทองธานี


"ตนสูญทั้งเงินและกำลังจะสูญบ้าน ใน 1 ปี และเสียสุขภาพจิต กินไม่ได้นอนไม่หลับ น้ำหนักลดไป 3 กิโลกรัม จนต้องกินยา แทบจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า อยากจะฆ่าตัวตาย ก็อยากให้ตำรวจช่วยติดตามเงินและบ้านที่เสียไปกลับคืนมาให้ตนด้วย" คุณปู่อ๊อด กล่าวเสียงสั่นเครือ


ขณะที่ นายนีรนาท ลูกชายของปู่อ๊อด เปิดเผยว่า ตนโมโหและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก ทำไมถึงมาหลอกลวงกันได้ขนาดนี้ เอากันให้หมดตัวเลย พอตนทราบเรื่องก็รีบบินกลับมาจากสิงคโปร์ทันที เพื่อมาช่วยพ่อรวบรวมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ไปแจ้งความที่ สอท. ก็อยากขอร้องพวกคอลเซ็นเตอร์ ว่าอย่ามาทำกินบนหลังคนเลย ขอให้มีความเมตตาสงสารผู้คนบ้าง ในเมื่อคนไม่มีแล้ว เสียทั้งสุขภาพจิต สุขภาพกาย ไม่เป็นอันกินอันนอน


คุณพ่อของตนโอนไปให้มิจฉาชีพทั้งหมด 22 ล้านบาท และเป็นหนี้ขายฝากบ้านอีก 3.45 ล้านบาท ก็อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ สอท.เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะว่าคุณพ่อก็อายุมากแล้ว ตอนนี้ไม่มีทรัพย์สินเหลือแล้ว ถ้าเกิดเจ็บป่วยก็จะลำบาก และฝากถึงธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้เกี่ยวข้อง เพราะในกรณีแบบนี้ทางแบงก์ทั้งหลายสามารถใช้ระบบ RIP ในการตรวจสอบได้ จะสามารถสังเกตได้ว่าจำนวนเงินในบัญชีของลูกค้าเข้า-ออก กับรายได้ของลูกค้ามีความแตกต่างกันมาก


เพราะฉะนั้นหากทางธนาคารตรวจจับความผิดพลาด หรือตั้งข้อสังเกตว่ามีเงินเข้า-ออก เป็น 10 เท่าของรายได้ น่าจะทำการหยุดธุรกรรมไว้ จนกว่าทางเจ้าของบัญชีจะมาแจ้งอีกครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันให้ลูกค้า ไม่ให้เจ้าของบัญชีสูญเสียเงิน ทางธนาคารแห่งประเทศไทยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ มิเช่นนั้นก็จะมีประชาชนคนสุจริตที่ทำงานเก็บเงินมาชั่วชีวิต ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอีกไม่มีวันสิ้นสุด


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/q2UzdTJoG4o

คุณอาจสนใจ

Related News