สังคม

ตร.ขอโทษ ‘หนุ่ม กรรชัย’ ดรามาห้ามเข้าห้องน้ำ – แม่น้องเชื่อมจิตเปิดใจ อำมหิตมาก! เหตุชุลมุน สน.ทองหล่อ

5 มิ.ย. 2567

161 views

ตำรวจ สน.ทองหล่อ เข้าชี้แจงพร้อมขอโทษ 'หนุ่ม กรรชัย' ปม สน.ทองหล่อ กันสื่อไม่ให้เจอเด็ก 8 ขวบ-กันไม่ให้เข้าห้องน้ำ แจง หวั่นเกิดเรื่องไม่ดี ด้านผู้การ 5 แจงขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ ขอโทษ ที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ 

วานนี้ (4 มิ.ย.67) ที่สำนักงานโหนกระแส พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5  พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณัฐกิตติ์ จอกโคกสูง รอง ผกก.ป.สน.ทองหล่อ  และ พ.ต.ต.กฤษฎา ซอประเสริฐ สารวัตรป้องกันปราบปราม สน.ทองหล่อ  ซึ่งเป็นบุคคลในคลิปที่ไม่ให้คุณหนุ่ม กรรชัย เดินผ่านไปเข้าห้องน้ำที่ สน.ได้เดินทางมาพบคุณหนุ่ม กรรชัย เพื่อชี้แจงขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ และขอโทษ ที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ


โดยพล.ต.ต.วิทวัฒน์  ระบุว่า สาเหตุที่มาเพราะต้องการมาอธิบายขั้นตอนเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา  ให้กับคุณหนุ่มกรรชัย และทีมงาน เพราะมีน้องๆ ส่วนหนึ่งที่อาจจะทำงานท่ามกลางความกดดัน และไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่งกันทั้งสองฝ่าย  บางครั้งเรื่องการตัดสินใจอาจจะยังไม่สมบูรณ์ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 อะไรที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจทั้งสองฝ่าย  ในฐานะหัวหน้าหน่วย  ต้องขอโทษแทนน้องๆด้วย


ด้าน คุณหนุ่ม กรรชัย ระบุว่า ส่วนตัวไม่ได้ติดใจ  แต่มีความไม่สบายใจเกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องของมาตรฐาน บรรทัดฐานที่จะเกิดขึ้น ตนเองเข้าใจว่าในส่วนของผู้ต้องหาที่มารับทราบข้อกล่าวหา แต่จริงๆ มันทำให้สังคมมองเรื่องของการดูแลปกป้องเขา ทั้งที่ตนเองเป็นเจ้าทุกข์ ทำให้เกิดความไม่สบายใจว่าคดีความจะถึงตรงไหน


ในฐานะที่ตนเองก็เป็นผู้ถูกกล่าวหาและไปแจ้งความไว้ แต่ได้รับการปฏิบัติไม่ได้เหมือนกับเป็นผู้เสียหาย แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับได้รับการปฏิบัติแบบวีไอพี มีการปกป้องทุกอย่าง สุดท้ายรถออกไปก็ยังมีรถตามไปอีก ในขณะที่ตนเองเป็นผู้เสียหาย ต้องนั่งรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน จึงกังวลว่า ถ้าตาสีตาสาจะทำยังไง รู้สึกเป็นห่วงประชาชน และมองว่าการให้พิมพ์ลายนิ้วมือข้างล่าง จะกลายเป็นบรรทัดฐานในเคสอื่นๆ


คุณหนุ่ม ยังบอกอีกว่า ตอนแรกยอมรับว่าโกรธ และมองว่า แค่เจ้าหน้าที่บิดวิธีการพูดนิดเดียว เช่นจะใช้ห้องน้ำใช่ไหม ผมกลัวจะมีเหตุปะทะ ผมจะให้ตำรวจตามไป แค่นี้ก็จบเลย  


ขณะที่ พ.ต.ต.กฤษฎา ซอประเสริฐ สารวัตรป้องกันปราบปราม สน.ทองหล่อ บอกว่า ตั้งใจมาขอโทษคุณหนุ่ม กรรชัย  ที่ตนเองใช้กิริยาที่ไม่เหมาะสม  และเจตนาของตน ไม่ได้ต้องการที่จะแบ่งเป็น 2 มาตรฐาน เพียงแต่ต้องการจะป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้น  ยอมรับว่า เป็นการปฎิบัติหน้าที่ภายใต้ความกดดันในระดับหนึ่ง ตนก็พยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ปะทะกัน ก็พยายามเต็มที่


ทั้งนี้ พอทราบเรื่องว่ามีกระแสในเชิงลบ ตนก็รับทราบว่ามันไม่ดี แต่ยืนยันว่าเราตั้งใจที่จะทำงานและจะใช้ระยะเวลาที่เหลือในการปรับปรุงแก้ไขการทำงานของตนเอง และลูกน้อง และคิดว่าหลังจากนี้คงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก


 ทางด้าน พ.ต.ท.ณัฐกิตติ์ จอกโคกสูง รอง ผู้กำกับการปราบปราม สน.ทองหล่อ ระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน และไม่เข้าใจกัน ถ้าสื่อสารกันตั้งแต่ตรงนั้น ก็คงไม่มีภาพที่ออกมาแบบนี้ ทางฝ่ายป้องกันปราบปราม และ สน. ทองหล่อ ต้องขอโทษคุณหนุ่ม กรรชัย ซึ่งจะนำไปแก้ไขปรับปรุงและทำให้ดีขึ้น


ส่วนทนายตุ๋ย นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความคุณหนุ่ม หนึ่งบุคคลที่อยู่ที่ สน. ทองหล่อวันเกิดเหตุ  ระบุว่า ตนเองได้กระซิบตำรวจตอนจะขอเข้าห้องน้ำว่า ไปยืนกันหน้าห้องเลย พี่หนุ่มเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ออกมา แต่ไม่มีใครฟังเลย ส่วนตัวมองว่าแทนที่ลูกความตนเองจะได้รับการดูแลในฐานะผู้เสียหาย แต่ผู้ถูกกล่าวหา กลับได้รับการดูแล


 ส่วนทนายอนันต์ชัย ไชยเดช บอกว่าในฐานะที่เป็นทนายมา 38 ปี  สถานการณ์วันนั้นได้ดูตลอด อันดับแรกคือการปั๊มลายนิ้วมือ โดยหลักการแล้วที่ตนเองปั๊มหลายครั้งแล้ว  จะปั๊มด้านบน ไม่เคยมาปั๊มด้านล่าง ไม่ว่าจะดิจิตอล หรือแป้นพิมพ์ การที่หน่วยงานมาปั๊มด้านล่างเป็นมาตรฐานที่มีสองอย่าง


และการข่มขู่ว่าการเอารูปเด็กไปเผยแพร่จะผิดกฎหมาย ตนมองว่าเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชนที่จะต้องปกปิดใบหน้า เบลอใบหน้าอยู่แล้ว


ส่วนการที่หนุ่มกรรชัยไปเข้าห้องน้ำ ตามหลักจิตวิทยาง่ายนิดเดียว เพียงพูดว่าสถานการณ์แบบนี้ผมคิดว่ามันไม่ดี เป็นไปได้ไหมช่วยไปเข้าข้างบน ถ้าหนุ่มจะยืนยัน ก็จะเอาตำรวจไปสองนาย พาเข้าห้องน้ำก็จบ  การตัดสินใจวันนั้น เรื่องนิดเดียวแต่ทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตเพียงแค่พูดไม่กี่คำ

---------------------------------

แม่น้องเชื่อมจิต เปิดใจ เหตุการณ์ที่ สน.ทองหล่อ ลั่น ขอเรียกว่าอำมหิตมาก ระบุ น้องบอกให้แจ้งความกลับเอง เพราะรู้สึกโดนคุกคาม เผย น้องเป็นคนบอกให้ไปโรงพักก่อนกำหนด เหตุรู้ก่อนว่าจะเกิดขึ้น ชี้ สามารถไปใช้ในชั้นศาลได้มัน ก่อนจะเกิดขึ้นจริง ส พร้อมแจงกรณีเด็กตกใจเสียงโห่ ลั่น ไม่ใช่ เพียงหันหลังกลับไปมองพ่อ

วานนี้ (4 มิถุนายน 2567) เวลา 11.30 น.  ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ครอบครัวเด็ก 8 ขวบ และทนายธรรมราช เดินทางมายื่นหลักฐานข้อเท็จจริง กรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และน.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ยื่น ปอท. ตรวจสอบลัทธิเชื่อมจิต โดยกล่าวอ้างว่าเป็นการหลอกลวง บิดเบือนศาสนาให้คนหลงเชื่อ


แม่เด็ก 8 ขวบ เปิดเผยว่า หลังจากยื่นเอกสารที่ พม.แล้ว ก็นำเอกสารชุดเดียวกันมามอบให้ทางกองปราบปราม เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี  ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้แถลงข่าวที่ พม.นั้น เนื่องจากผู้ใหญ่ที่ พม.เป็นห่วงเรื่องการเบียดเสียด นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน จึงแถลงข่าวด้วยตัวเอง  ทางครอบครัวจึงเดินทางมาที่กองปราบปราม  โดยหลักฐานที่มอบเป็นเรื่องเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมาและก่อนหน้านั้น  ซึ่งมีทนายท่านหนึ่งร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับน้อง  ครอบครัว และเพจนิรมิตเทวาจุติ ในข้อกล่าวหา นำข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อแสวงหาประโยชน์


ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเช้าวานนี้  เจ้าหน้าที่ พม.มีโอกาสได้พูดคุยกับน้อง และเจ้าหน้าที่ถามน้องว่า "ความรู้ตรงนี้ ได้มาจากที่ไหน" ซึ่งน้องก็บอกไปว่า "เป็นความรู้ที่ติดตัวมาจากข้างบน" และก่อนที่จะเดินทางกลับ น้องได้สวมกอดเจ้าหน้าที่ พม. ก่อนจะบอกว่า "ฝากเรื่องของน้องด้วยนะ" ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รับปากว่าจะดูแลให้  ซึ่งภาพที่แม่ได้เห็น เป็นความประทับใจระหว่างที่น้องได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ พม.


ขณะเดียวกันแม่เด็ก 8 ขวบ ยังได้เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ สน. ทองหล่อ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ว่า ที่ไป สน.ทองหล่อ เนื่องจากมีหมายเรียกรวมทั้งหมด 3 คน คือ พ่อ แม่ และน้อง ซึ่งจริงๆครอบครัวตั้งใจจะเข้าไปวันที่ 4 แต่อยู่ๆน้องลงเครื่องมา น้องบอกว่าจะไปวันที่ 3 มิ.ย.เลย ปกติน้องจะเป็นคนบอกอยู่แล้วว่าจะต้องทำอะไรบ้าง


และน้องได้บอกกับพ่อแม่ว่า สิ่งที่จะได้เห็นต่อจากนี้ สน.ทองหล่อ จะได้เห็นหมดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับน้องบ้าง  แล้วสิ่งที่ได้เห็น แม่จะสามารถเอาไปใช้ในชั้นศาลได้ แล้วมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆ แต่ใช้คำว่านิมิตร หรืออะไรแม่ไม่รู้ แต่ที่น้องพูดมาไม่มีพลาด และเกิดขึ้นจริงๆ


แม่เด็ก 8 ขวบ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เห็นอะไรหลายอย่าง  และตนเองต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ สน.ทองหล่อ  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ สน.ทองหล่อเป็นความประทับใจ บรรยากาศในช่วงที่สอบสวน ก็เป็นบรรยากาศที่น่ารัก ซึ่งไม่ตรงกับที่มีคนพูดเลย ว่า "น้องก้าวร้าวกับตำรวจ" นั้นไม่เป็นความจริง  และที่สำคัญประโยคบางประโยค ที่มีการแจ้งความไว้นั้น น้องก็ยืนยันว่าน้องไม่ได้พูด และจะมีการแจ้งความกลับด้วย


เมื่อถามย้ำว่า ตัวแม่เอง มองว่าบรรยากาศน่ารัก  แต่ว่าประชาชนตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจ 2 มาตรฐาน แม่  ขยายความว่า ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เป็นการย้ำให้เห็นว่าน้องไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าวตามที่คุณพูด น่ารักในมุมมองผู้ใหญ่กับเด็ก  ส่วน 2 มาตรฐานหรือไม่ ตนไม่รู้


ส่วนเรื่องการปั๊มลายนิ้วมือ ที่ไม่ยอมขึ้นไปชั้น 2 นั้น เพราะมองว่าน้องเป็นเด็ก ไม่ว่าพ่อแม่จะทำอะไร อยู่ตรงไหน น้องจะอยู่ตรงนั้น ส่วนเรื่องการปีนบันไดหนีนั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ทำไมถึงจะต้องปีนหนีด้วย อีกทั้งการพิมพ์ลายนิ้วมือ ไม่มีเฉพาะเจาะจงว่าจะต้องพิมพ์ตรงไหน


ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวเกิดขึ้นมากมาย มองว่าครอบครัวนำน้องมาเป็นโล่กำบัง ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะว่าที่ผ่านมาครอบครัวของเราไม่ว่าจะไปไหนมาไหน จะไปกันแบบครอบครัว พ่อแม่ลูกเสมอ เพราะว่าครอบครัวของเราอบอุ่น พร้อมกับยอมรับว่า ไม่ได้รู้สึกโกรธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มีบางประเด็นที่คาใจ โดยเฉพาะประเด็นที่นำเสนอออกมาแบบไม่เป็นความจริง บางคนยังไม่รู้จักกับน้องเลย แต่ตัดสินไปแล้ว  อยากให้มองว่าน้องเป็นเพียงแค่เด็ก 8 ขวบ ซึ่งถ้าหากว่าเป็นคนธรรมดาก็คงจะรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น  แต่น้องบอกกับครอบครัวเสมอว่า “ความจริงอย่ากลัวการโจมตี” ทางครอบครัวไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร


ทั้งนี้ "แม่ขอให้ความรู้นิดนึง สิ่งที่เกิดขึ้น แค่มีคนคนหนึ่งมาแจ้งความ มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต หรือร้ายแรงอะไรที่จะต้องทำเหมือนเราเป็นอาชญากร  ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ เราแค่มารับทราบข้อกล่าวหา แล้วมาดูว่าตรงนั้นตรงไหม จะปฏิเสธไหมเท่านั้นเอง เป็นแค่คดีหมิ่นประมาท"


พร้อมกันนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ สน.ทองหล่อ น้องเป็นคนบอกเองว่าให้แจ้งความกลับ เนื่องจากน้องมีความรู้สึกว่าโดนคุกคาม ในขณะที่น้องกำลังพูดคุยกันในห้องสอบสวน จะได้ยินเสียงตะโกนเข้ามาในห้องตลอดเป็นคำด่า ตำรวจที่อยู่ที่นั่นก็รู้ดี เพราะอยู่กันหลายคน เหตุการณ์ที่ สน.ทองหล่อ   ตนเองขอเรียกว่าอำมหิตมาก หลังจากข่าวออก ก็มีการปลุกระดมคน ให้ไปปิดล้อมโรงพัก ทำให้น้องไม่ได้กินข้าวเลย จนถึง 21:00 น.


หลังจากนี้สิ่งไหนที่น้องทำ แล้วน้องมีความสุข ในฐานะพ่อแม่ก็จะปล่อยให้น้องทำ เรื่องการสอนธรรมะเป็นเรื่องที่น้องทำแล้วมีความสุข ก็ต้องปล่อยเขาไป แต่ตอนนี้สิ่งที่อยากจะให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแล คือ เรื่องที่เราโดนคุกคาม และเอาอะไรที่ไม่เป็นความจริงของน้องไปเผยแพร่ แล้วสื่อก็ประโคมข่าวกันไม่เลิก


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะให้น้องหยุดหรือไม่นั้น แม่น้องเชื่อมจิต ถามกลับว่า ทำไมต้องหยุด น้องทำอะไรผิด ทำไมต้องไปห้ามน้อง แล้วถามว่า การชวนคนมานั่งสมาธิมันเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์หรือ  ซึ่งพอคุยถึงช่วงนี้ ตำรวจได้เรียกครอบครัวเด็ก 8 ขวบไปยื่นหลักฐานก่อน


หลังจากยื่นหลักฐานเสร็จ ครอบครัวเด็ก 8 ขวบ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อ  ช่วงนี้นักข่าวถามถึงเหตุการณ์ที่ สน. ทองหล่อ ช่วงจะเดินทางกลับน้องมีท่าทีตกใจ ช่วงนั้นเกิดอะไรขั้น แม่เด็ก 8 ขวบ บอกว่า จริงๆไม่ใช่แบบนั้นเลย เดินมาด้วยกัน พอน้องได้ยินเสียงโห่ จึงหันไปมองหาพ่อ เพราะไม่เห็นว่าพ่ออยู่ไหน พ่อจึงบอกว่า พ่อตามมาแล้วก่อนเดินไปขึ้นรถ 

แม่เด็ก 8 ขวบ เล่าต่อว่า น้องรู้สึกว่าน้องโดนคุกคาม แต่น้องก็บอกอีกว่า ในเรื่องของทางธรรม กรรมจะเป็นตัวทำงาน แต่ก็เรื่องของทางโลกกฎหมายจะเป็นตัวทำงาน 


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/LyXFNDF6lzE


คุณอาจสนใจ

Related News