เหยื่อโผล่เพิ่มอีก! หนุ่มอ้างเป็น CEO คลินิกหลอกกักขังข่มขู่ โดนซ้อมจนน่วม เผยมีพฤติกรรมรุนแรง-เคยใช้ปืนขู่

จากกรณีเมื่อวานนี้มีเหยื่อหนุ่มอ้างเป็น CEO คลินิกแห่งหนึ่ง ได้เข้าร้องเรียนที่เพจสายไหมต้องรอด วันนี้มีผู้เสียหายเพิ่มเติมจากกรณีดังกล่าวออกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ราย วันนี้ทีมข่าวได้พูดคุยกับหนึ่งผู้เสียหาย ที่เคยถูกหนุ่ม CEO ทำร้ายร่างกายเช่นกัน แต่เจ้าตัวไม่กล้าเข้าแจ้งความ



ทีมข่าวนาย สิทธิกร ปรักกัมนนท์ ได้พูดคุยกับ นายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 24 ปี นักศึกษา มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เหยื่ออีกหนึ่งรายของหนุ่ม CEO เปิดเผยให้ทีมข่าวฟังว่า เรื่องของตนเองเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่ตนอายุ 23 ปี ตนได้มีการนัดดีลกับนาย เอส (นามสมมุติ CEO ผู้ก่อเหตุ) ผ่านแอปฯ หนึ่ง ทางโทรศัพท์ ซึ่งตนเคยนัดเจอกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนหน้านี้เขาเทคแคร์ตนเองดีมาก แต่ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว จึงนัดกันอีกรอบหนึ่ง ตนจึงเดินทางไปหาเขาที่ คอนโด เวลาประมาณ 21.00 น. พอไปถึง นายเอส ได้โยนคีย์การ์ดให้ตนเอง (เหมือนผู้เสียหายอีกคนหนึ่ง) ตนเองก็หยิบคีย์การ์ดขึ้นไปให้เขา ระหว่างนั้นเขาได้ฝากเอาของที่สั่งจากร้านสะดวกซื้อขึ้นไปด้วย



หลังจากที่ขึ้นไปถึง นายเอส ให้ตนเองไปนั่งรอที่เตียง ตนจึงไปนั่งรอ นายเอส มีการชักชวนให้ตนเองเล่นไฮ โดยถามว่า "อยากลองไหม อยากลองเล่นไฮไหม" ตนจึงตัดสินใจลองเล่นไฮด้วย แต่ขอเป็นจำนวนน้อยที่สุดเพราะที่ผ่านมาตนเองไม่เคยลอง หลังจากที่ลองไป ด้วยฤทธิ์ยา ทำให้ตนเองล่องลอย

จากนั้นนายเอสได้ให้ตนเองนำมือไปเล้าโลมให้ (ถูนม จับเป้า) แล้วขึ้นคร่อม นายเอสบอกว่าอย่ายุกยิก ให้ตนเองอยู่นิ่งๆ ถ้าไม่นิ่งจะตบนะ จากนั้นนายเอสก็ตบที่หน้าของตน ตนรู้สึกตกใจ แต่ด้วยฤทธิ์ยา ทำให้ไม่รู้จึกเจ็บมาก จากนั้นทำกิจกรรมต่อกันสักพักนึง นายเอส ต่อยตนเองรอบหนึ่ง ตอนนั้นตนเริ่มรู้สึกตัวแล้ว เริ่มเจ็บ เริ่มกลัว ตัวสั่น นายเอสจึงชวนไปนั่งคุยกันที่โต๊ะ คุยกันเพื่อปรับความเข้าใจ ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น แต่นายเอสกลับใช้โทรศัพท์ตนมาที่หน้าของตน จนเลือดไหล นายเอสจึงเดินไปเอาที่พันแผลมาให้ หลังจากนั้นก็ทำกิจกรรมร่วมกันอีก ตั้งแต่เวลา 21.00 น. จนถึง 19.00น. ของอีกวันหนึ่ง ซึ่งตนถูกว่าทำร้ายร่างกายซ้ำไปซ้ำมา



สาเหตุมีไม่กล้าหนีออกจากห้อง เนื่องจากนายเอสอ้างว่าเป็น CEO มีปืน มีคนรู้จักใหญ่ๆ โตๆ หากหนีไปจะใช้ปืนยิง ให้เลือกได้เลยว่าจะให้ยิงจุดไหน ถ้าตนหนีออกไปตนเองถูกยิงแน่นอน



หรือถ้านายเอส มีรสนิยมทางเพศรุนแรง หรือ bdsm จะทำอะไรก็ต้องมีการตกลงกันก่อน หรือทำแค่รอยแดง รอบจั้มนิดเดียว ไม่ได้ถึงขั้นเลือดตกยางออก ไม่น่าจะโหดถึงขนาดนี้ ใช้อารมณ์ แล้วยังมีการด่าทอ บูลลี่อีกด้วย



หลังจากที่ตนเองออกมาได้ ตนเองได้ไปแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ แต่ไม่ได้ไปหาหมอเนื่องจากรู้ตัวว่า ได้เสพสาเสพติดในวันนั้น จึงตัดสินใจไม่ไปหาหมอ



สิ่งที่ตนออกมาพูดในวันนี่เนื่องจาก อยากให้ นานเอส ออกมาพูดความจริง ว่าคุณรู้สึกอย่างไร และเห็นว่ามีผู้เสียหายออกมาหลายคน คิดว่าเป็นบุคคลอันตราย ให้คนอื่นได้ระมัดระวังตัวเอง เพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับการนัดดีล