สังคม
‘วราวุธ’ ขออำนาจศาลเยี่ยม ‘เด็กเชื่อมจิต’ – แม่เด็กยัน พร้อมให้ความร่วมมือหน่วยงาน หากไม่มีการคุกคาม
15 พ.ค. 2567
13 views
'วราวุธ' เผย พม. ขออำนาจศาลเข้าเยี่ยม ‘เด็กเชื่อมจิต’ หลังไม่ได้รับความร่วมมือ - 'พิชิต' ชี้ 'เด็กเชื่อมจิต' เป็นความเชื่อ สำนักพุทธฯ ไม่มีอำนาจตรวจสอบ ด้าน 'ลัทธิเชื่อมจิต' ขึ้นศาลไต่สวนนัดแรกกรณีฟ้องสื่อ
เมื่อวานนี้ (14 พ.ค.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ด.ช.อายุ 8 ขวบ และลัทธิเชื่อมจิต ว่าขณะนี้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ส่งสหวิชาชีพ ทั้งในส่วนของนักจิตวิทยา ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แบ่งเป็นทีมเข้าไปตรวจเยี่ยมที่บ้านของน้อง 8 ขวบ ไปดูทั้งสภาพครอบครัว การประเมินสุขภาพจิต ทั้งครอบครัวรวมถึงตัวน้อง 8 ขวบเอง แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปพูดคุยกับน้องโดยตรงได้
เจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ได้ทำเรื่องไปยังศาลฯ ถ้าหากว่ายังไม่รับความร่วมมือก็คงต้องขออนุญาต โดยการใช้อำนาจศาล ที่จะเข้าไปพิจารณาถึงสภาพจิตใจของน้องไนซ์เองและผู้ปกครองด้วย
รัฐมนตรี พม. ระบุว่า เรามีหน้าที่ปกป้องสิทธิ์และดูแลสวัสดิภาพ ของตัวเด็ก ว่าที่ผ่านมาได้มีการเลี้ยงดู ดำเนินการตามสิทธิ์เด็กคนหนึ่งพึงที่จะได้รับหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลสภาพครอบครัว หรือการเลี้ยงดู ซึ่งถ้าหากว่าเป็นไปตามกรณีที่กระทรวงฯ ดูแลอยู่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในขอบเขตกฎหมายที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร
แต่ในส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงว่าเขาจะทำผิดกฎหมายทั้งเรื่องการหลอกลวง กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ยังไม่มีความรู้พอที่จะไปตัดสินว่าสิ่งที่ได้เผยแพร่ไปทางสาธารณะชนนั้นเป็นการหลอกลวงหรือไม่อย่างไร
ด้านนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่สำนักพุทธฯ ออกมาระบุว่าไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบกรณีเด็กเชื่อมจิตว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ในขณะที่รัฐธรรมนูญได้ให้ความคุ้มครองเรื่องความเชื่อ แต่ตอนนี้สังคมมาถึงจุดขัดแย้ง ซึ่งจากการตรวจสอบกับสำนักพุทธฯ พบว่าครอบครัวของน้องคนดังกล่าว มีภาคเอกชนเข้าไปตรวจสอบ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำและได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับการกระทำที่กองบังคับการตำรวจปราบปราม จนกลายเป็นเรื่องระหว่าง 2 ฝ่าย
ตนมองเพียงว่าศรัทธาอยากแกว่ง เพราะเรามีพระไตรปิฎกทั้งนี้หากความเชื่อดังกล่าวไปล่วงเกินกฎหมายบ้านเมืองแล้วเกิดความเสียหาย ซึ่งขณะนี้มีการแจ้งให้ดำเนินคดี ถือว่าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นายพิชิต ยังเปิดเผยว่าได้กราบนมัสการพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม และพูดคุยกับผอ.สำนักพุทธฯ จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบความเชื่อที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะและหาผู้รู้ผู้เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณะ ซึ่งผอ. สำนักพุทธฯ หนักใจ เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ หากเป็นเรื่องของพระสงฆ์จะดำเนินการได้เร็วกว่านี้ แต่ตนก็ได้กำชับว่าสำนักพุทธฯต้องทำความจริงว่าพระไตรปิฎก พระธรรมวินัยว่าอย่างไร แม้จะเป็นความเชื่อก็ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์อีกไม่นานสำนักพุทธฯ จะทำให้กระจ่าง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักพุทธฯ ใช่หรือไม่ นายพิชิต ยอมรับว่าไม่อยู่ในกรอบอำนาจของสำนักพุทธฯ แต่ตนก็ไม่ละเลยในเรื่องพระพุทธศาสนา
ขณะที่ จ.สุราษฎร์ธานี ช่วงเช้าวานนี้ (14 พ.ค.) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี (พม.) ได้ประชุมคณะทำงาน โดยมีพนักงานอัยการร่วมประชุมด้วย เพื่อที่จะดำเนินการทำหนังสือเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิ์เด็ก เป็นผู้ลงนามในหนังสือดังกล่าว เพื่อนำเสนอต่อศาลเด็กและเยาวชน ขอใช้คำสั่งศาลในการเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเด็ก 8 ขวบ เชื่อมจิต เนื่องจากพ่อและแม่ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบนั้น
ส่วนเย็นวันเดียวกันที่ศาลเด็กเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนของศาลที่ได้มีการนัดไต่สวนกรณีครอบครัวเด็ก 8 ขวบฟ้องสื่อแห่งหนึ่ง โดยแม่ของเด็กกล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวตนเห็นข้อมูลผ่านทางสังคมออนไลน์แต่ยังไม่เห็นและไม่ทราบว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ เนื่องจากเบื้องต้นได้คุยกับทาง พม.สุราษฎร์ฯ รับแจ้งว่ายังไม่มีข้อสรุปใดๆ
ส่วนในเรื่องของเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่มีหน่วยงานต่างๆ เข้าไปที่บ้าน โดยมีการไลฟ์สดก็จะเห็นว่าได้เปิดโอกาสให้คุยกับน้อง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีบางคำเป็นการข่มขู่ อย่างเช่นถามว่า ไม่กลัวผิดกฎหมายอย่างนั้นเหรอ ซึ่งจะได้มีการรวบรวมคลิป และจะไปแจ้งความดำเนินคดี และตนเองมองว่าไม่มีส่วนไหนที่ไม่ให้ความร่วมมือ อีกทั้งยังมองว่าการมาครั้งนี้รู้สึกว่ามันแปลกๆ โดยครั้งแรกที่มาก็ได้คุยกับน้อง และสรุปจบว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่การมาครั้งนี้มีลักษณะเหมือนกับการฟันธงไปว่ามาแล้วต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ อีกทั้งยังได้เปิดโอกาสให้นั่งคุยกับน้องแต่ไม่ยอมถามอะไร แล้วจะนำตัวน้องไปทำการเทสต์หรือการประเมินก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอะไรเพราะยังไม่ได้คุยกับน้องเลย
ส่วนคุณหมอที่มาก็ได้เปิดโอกาสให้ไปคุยกับน้องในห้องแต่จะต้องมีการอัดคลิป โดยไม่มีการนำไปเผยแพร่ แต่คุณหมอก็ไม่สะดวก ซึ่งก่อนคุณหมอจะกลับไปน้องยังชวนให้คุณหมอมาอยู่ด้วยกันสักวัน จะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ส่วนทางด้านนายอำเภอก็ไม่ได้อยู่ตลอดเหตุการณ์จะรู้ได้อย่างไร ว่าคุยอะไรกัน ด้วยทางครอบครัวพร้อมที่จะให้ความร่วมมือแต่ไม่ใช่มาในลักษณะคุกคาม อย่างเช่นนายอำเภอมาแล้วจะต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ไม่ให้เราพูดอะไรเลย
ด้านทนายธรรมราช กล่าวว่า การมาไต่สวนฝ่ายผู้ร้องวันนี้ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยแม่เด็กเป็นพยานปากแรก ส่วนเด็ก 8 ขวบเป็นพยานปาก 2 โดยมีความเข้าใจกันว่าน้องถูกสอนโดยพ่อแม่ แต่วันนี้ที่มาศาลก็ได้เปิดโอกาสให้น้อง 8 ขวบ เบิกความด้วยตัวเองโดยมีทนายฝั่งผู้ถูกร้องเป็นผู้ซักค้าน โดยไม่ได้ผ่านนักจิตวิทยา ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็น ว่าเด็กสามารถเบิกความได้ ส่วนเรื่องการที่ พม.จะยื่นต่อศาลขอแยกเด็กมาทำการประเมินนั้นศาลจะต้องมีหมายเรียกไปยังพ่อแม่ ให้มาชี้แจงว่าเป็นจริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ แต่การจะมาแยกพ่อแยกแม่คงจะทำไม่ได้ถึงขนาดนั้นเพราะเด็กไม่ได้ถูกคุกคาม ซึ่งศาลจะต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการไม่เหมือนกับการออกหมายจับ ส่วนเรื่องที่ตนโดนแจ้งความไปเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมานั้น ก็เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ต้องว่ากันไปตามกระบวนการและไม่มีความกังวลใดๆ
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/_9D8EyrsNsc
แท็กที่เกี่ยวข้อง เชื่อมจิต ,ลัทธิเชื่อมจิต