สังคม

พายุฝนถล่มกรุง! ประตู-ต้นไม้ล้มเกลื่อนสภาหมื่นล้าน / ถ.บางนา-ตราด รถติดสะสม 25 กม.

โดย nattachat_c

14 พ.ค. 2567

338 views

วานนี้ (13 พ.ค. 67) ช่วงบ่าย เกิดพายุฝนฤดูร้อนพัดกระหน่ำหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร-ปริมณฑล


ในกลุ่มโปรกอล์ฟ  มีการแชร์ภาพเหตุการณ์พายุพัดถล่มโครงเหล็กขนาดสูง ที่ขึงตาข่ายกั้นลูกกอล์ฟ ของสนามไดรฟ์กอล์ฟแห่งหนึ่ง ย่านคันนายาว กรุงเทพฯ โดยภาพเหตุการณ์ในคลิปนั้น ได้แสดงให้เห็นความแรงของกระแสลมที่กระโชกพัดตาข่าย และโครงเสาเหล็ก พังลงมาอย่างน่าตกใจ

----------------
ที่รัฐสภา เวลาประมาณ 15.00 น. มีฝนตกลงมาอย่างหนัก  ประกอบกับมีลมกระโชกแรงมาก จนสร้างความเสียหายให้แก่ต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้


โดยต้นไม้บริเวณริมทางเดินบริเวณหน้าสำนักการคลัง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร ถูกลมพัดจนล้ม และต้นไม้ที่อยู่ฝั่งวุฒิสภา ก็ถูกลมพัดล้มขวางทางเดินหลายต้น แม้จะมีสลิงค้ำยันต้นไม้ไว้หลายเส้น แต่ไม่สามารถรั้งต้นไม้ไว้ได้  สร้างความฮือฮาให้กับเจ้าหน้าที่ แม่บ้าน และสื่อมวลชน จนถึงขนาดแซวกันว่า สว.ชุดเก่า หมดวาระไปแล้ว ต้นไม้ล้มทันที


นอกจากนั้น ยังพบอีกว่าประตูกระจกทางเข้าออกอาคาร บริเวณชั้น 9 แตก เนื่องจากลมแรง จนทำให้ประตูหลุดล้มลงพื้น สร้างความตระหนกตกใจให้กับข้าราชการอย่างมาก


ส่วนช่วงครึ่งวันเช้า อากาศร้อนค่อนข้างอบอ้าว เนื่องจากเครื่องปรับอากาศเสียทั้งอาคาร  ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐสภา รวมทั้งสื่อมวลชนที่ไปทำข่าว ต้องอาศัยพัดลมส่วนตัว ขณะที่ภายในโรงอาหาร แม่ค้าต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ร้อนอบอ้าวเป็นพิเศษ  


เมื่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ ได้รับรายงานว่า เกิดความเสียหายที่อุปกรณ์ทำความเย็น (Chiller) ซึ่งเครื่องปรับอากาศอาคารรัฐสภาเป็นแบบแอร์รวม เมื่อเสียจะทำให้ใช้การไม่ได้เป็นวงกว้าง


นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการรัฐสภา ว่า ระบบแอร์คอนดิชั่นฝั่งอาคารสภาผู้แทนราษฏรเสียทั้งระบบ ทำให้ภายในอาคารมีอากาศร้อน ไม่คุ้มค่ากับงบประมาณการก่อสร้างอาคาร 12,280 ล้านบาท
----------------

วานนี้ (13 พ.ค. 67) พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง เขตบางขุนเทียน / ทุ่งครุ / ประเวศ / สะพานสูง / ลาดกระบัง / คลองสามวา / สายไหม ฝั่งพระนคร และฝั่งธนบุรี


ฝนรวมสูงสุด 6 ชั่วโมงที่เขตหนองจอก 124.0 มม. ส่วนฝนรวมสูงสุดก็ยังเป็นที่เขตหนองจอก 127.0 มม. (ณ เวลา 18.30 น.)


บางพื้นที่ฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง เป็นไปตามคาดที่กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า วันที่ 13 พ.ค. 67 เวลา 14.00 - 17.00 น. ควรเตรียมรับมือกลุ่มฝน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.41 น. บนถนนวิทยุ มุ่งหน้าแยกเพลินจิต หน้าโรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อกฯ ลมกระโชกแรง ทำให้กิ่งไม้ใหญ่หักทับรถเก๋ง กระโปรงหน้ารถ และหลังคารถถูกกิ่งไม้ทับ กระจกหน้ารถแตก / รถสามล้อเครื่อง (ตุ๊กตุ๊ก) ได้รับความเสียหาย หลังคายุบ / รถกระบะอีก 1 คัน ถูกกิ่งไม้ทับ ประกันมาเคลียร์ก่อนขับออกจากที่เกิดเหตุไป


การจราจรติดเป็นแถวยาวท้ายสะสมถึงหน้าสวนลุมพินี เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตปทุมวัน เร่งเคลียร์พื้นที่ นำเลื่อยไฟฟ้ามาตัดกิ่งไม้ เพื่อเปิดเส้นทางจราจร ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ลุมพินี มาอำนวยความสะดวกโบกรถ โดย เวลาประมาณ 17.00 น. ก็สามารถเคลียร์พื้นที่ และเปิดเส้นทางรถกลับมาใช้ได้ตามปกติ


นายสถาพร ยอดยิ่ง อายุ 32 ปี คนขับรถตุ๊กตุ๊ก เล่าว่า ตนเองรับผู้โดยสารหญิง เป็นชาวต่างชาติมาจากถนนหลังสวน จะไปส่งผู้โดยสารที่ถนนสุขุมวิท ซอย 23 เวลา 15.30 น. เป็นช่วงที่รถติดไฟแดงพอ ขณะนั้น รถติดไฟแดงได้ไม่นาน อยู่ ๆ ก็มีลมพัดแรง และฝนเริ่มตก จากนั้น ก็มีกิ่งต้นจามจุรีขนาดใหญ่ หักโค่นลงมาใส่บริเวณกลางรถตุ๊กตุ๊ก ตนเองจึงรีบลงจากรถ และรีบไปดูผู้โดยสาร พบว่า ผู้โดยสารปลอดภัยดี ไม่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้น ผู้โดยสารจึงเรียกรถแท็กซี่เดินทางไปยังถนนสุขุมวิท ซอย 23 ต่อไป


ส่วนในซอยลาดพร้าว 91 เข้าซอย 50 เมตร ลมแรงแผ่นสังกะสีปลิวไปติดค้างที่สายไฟ รวมถึงติดค้างบนอาคารและหลังคาบริเวณดังกล่าว เช่นเดียวกับถนนพระราม 4 ใกล้กับตลาดคลองเตย แผ่นสังกะสีปลิวตกลงมาบนพื้นผิวจราจรและติดอยู่บนสายไฟ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตคลองเตย มาเก็บ และเร่งเคลียร์พื้นที่ไม่ให้กีดขวางการจราจร


เวลา 16.00 น. นายชัชชญา ขำจันทร์ ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง พร้อมด้วยผู้ช่วยผู้อำนวยการเขต และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเสี่ยงน้ำท่วมถนนลาดกระบัง บริเวณแยกกิ่งแก้ว มีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 30 ซม. ระยะทางประมาณ 60 เมตร สามารถใช้การจราจรได้ 2 ช่องทาง


เวลา 17.00 น. ฝนตกนานหลายชั่วโมง ส่งผลให้การจราจรถนนบางนา-ตราด ขาเข้า ช่วง กม. 11 รถติดเคลื่อนตัวได้อย่างช้า ๆ 


เวลา 18.00 น. ถนนบางนา-ตราด รถชะลอตัวสะสม 25 กิโลเมตร ท้ายอยู่ กม.27 หัวแถวอยู่สะพานกลับรถเซ็นทรัลบางนา เป็นผลให้รถอีกฝั่งกลับรถไม่ได้ เรียกว่าติดอย่างหนัก กระทบถนนศรีนครินทร์ พาดขึ้นไปบน ทล.9 วงแหวนกาญจนาฯ ส่วนบนทางทางด่วนหลายจุด การจราจรก็ติดหนึบ


ที่เขตหนองจอก นายไพโรจน์  จันทรอด ผู้อำนวยการเขตหนองจอกพร้อมเจ้าหน้าที่เทศกิจ และฝ่ายรักษาความสะอาด ลงพื้นที่ตรวจสอบต้นไม้ใหญ่ล้มกีดขวางการจราจร เนื่องจากมีฝนตก และลมพัดกระโชกแรง บริเวณถนนคู้-คลองสิบ แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก จึงได้สั่งการให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อคืนช่องทางจราจร และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้เส้นทางดังกล่าวสัญจร

---------------

ขณะที่ บก.จร. เผยถึงสภาพการจราจรทั่วกรุงเทพหลังฝนตกลงอย่างหนัก เมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. พบว่า ขณะที่ จุดที่การจราจรอยู่ในภาวะวิกฤติ คือ บริเวณถนนวิทยุ หน้าโรงแรมออลซีซัน มุ่งหน้าไปทางแยกเพลินจิต เนื่องจากมีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับรถยนต์กีดขวางการจราจรช่องกลางทั้งเส้น ซึ่งอยู่ในระหว่างการเคลียร์ต้นไม้ออก ทำให้ท้ายแถวยาวไปถึงบริเวณทางแยกตัดกับถนนสารสิน ยาว 1 กิโลเมตรโดยประมาณ


นอกจากนี้ ยังพบต้นไม้ล้มทับกีดขวางการจราจรบริเวณถนนนราธิวาส 2 ช่องการจราจร ด้านหน้าตึกเอมไพร์ บริเวณสี่แยกนราธิวาส-สาธร ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างเคลียร์เส้นทางเช่นกัน แต่สภาพการจราจรยังไม่ติดสาหัสมาก


เวลา 15.40 น. เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ จ.นนทบุรี นานกว่า 2 ชั่วโมง จนทำให้ถนนศรีสมาน ขาออก มุ่งไปดอนเมือง และขาเข้ามุ่งตรงไปถนนแจ้งวัฒนะ มีน้ำท่วมสูงประมาน 40 เซนติเมตร การจราจรติดขัด เพราะเครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำไม่ทัน


พ.ต.ต.ฐาปนพงษ์ พึ่งมี สว.จราจร สภ.ปากเกร็ด สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรประจำจุดต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้รถใช้ถนน


พ.ต.ต.ฐาปนพงษ์ กล่าวว่า ฝนที่ตกลงมาเป็นเวลานาน ทำให้น้ำท่วมขังที่ถนนศรีสมานหน้า สภ.ปากเกร็ด ทั้ง 2 ช่องทาง จึงให้ตำรวจจราจรเร่งอำนวยความสะดวกในส่วนที่ติดขัด  


ส่วนในเรื่องของน้ำท่วม ก็ได้ประสานกับทางเทศบาล มาติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่หน้า สภ.ปากเกร็ด และยังมีเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งที่ประตูระบายน้ำเร่งสูบน้ำออก โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเข้าสู่ภาวะปกติ

----------------

มีรายงานว่า ภายในหมู่บ้านเคซี ซอยนิมิตใหม่ 40 เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ห่างจากปากทางเข้าหมู่บ้าน 2 กิโลเมตร ต้นก้ามปูขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างทาง ล้มพาดสายไฟ ดึงเสาไฟลงล้ม 16 ต้น รถยนต์ได้รับความเสียหาย 6 คัน (แท็กซี่ 2 คัน /กระบะ 1 คัน / เก๋ง 1 คัน / รถบรรทุก 6 ล้อ 1 คัน / รถตู้ 1 คัน)


เบื้องต้น ได้รับรายงานว่า คนขับรถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง ถูกเสาไฟฟ้าหักโค่นล้มทับ โชเฟอร์ติดอยู่ในรถออกมาไม่ได้ และฝนก็ตกหนักมาก เจ้าหน้าที่เร่งเข้าช่วยเหลือ ส่วนทาง MEA ได้ทำการปลดสวิตซ์ และระดมทีมงานเข้าดำเนินการอย่างเร็วที่สุด สามารถช่วยคนขับรถแท็กซี่ออกมาได้อย่างปลอดภัย


เวลา 19.30 น. ทีมข่าวลงพื้นที่ซอยนิมิตใหม่ 40 พบว่า รถที่ได้รับความเสียหายยังจอดอยู่กลางถนนไม่สามารถขึ้นย้ายออกได้ เนื่องจากถูกเสาไฟ และสายไฟสายสื่อสารทับพาดรถไว้ เจ้าของรถบางคันต้องมายืนเฝ้ารถของตัวเองรอให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง ดำเนินการยกเสาไฟออก และตัดสายไฟสายสื่อสาร


ทีมข่าวได้คุยกับนายดำรงค์ศักดิ์ โพธิ์น้อย อายุ 53 ปี  คนขับแท็กซี่ (คันที่เสาไฟล้มทับหลังคารถ) เดินทางมาขับรถกลับบ้าน ภายหลังที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ ยกเสาออกจากรถแล้ว เล่าว่า ตนไปทำธุระกับภรรยา กำลังจะกลับบ้านซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งใกล้กับที่เกิดเหตุ  สังเกตเห็นต้นไม้ล้มพาดสายไฟ ตนจึงเบรก และชะลอรถ ก่อนที่เสาไฟจะล้มมาทับรถ และมีไฟฟ้าช็อต โดยเสาไฟล้มเรียงกัน 10 กว่าต้น รถยนต์ที่ขับตามหลังมา ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน


ทั้งนี้ ตนและภรรยานั่งรออยู่ภายในรถแท็กซี่นาน 1 ชั่วโมง ออกจากรถไม่ได้ เพราะฝนตกหนัก และขณะนั้น ยังไม่ตัดกระแสไฟ ตนปรับเบาะรถ และพาภรรยาไปนั่งเบาะหลัง เนื่องจากเสาไฟล้มทับกระจกหน้ารถแตก ทำให้น้ำฝนไหลเข้ารถ กลัวไฟลงรถเพราะรถติดแก๊ส กลัวระเบิด


จากนั้นโทรแจ้ง สวพ.91 ช่วยประสานเจ้าหน้าที่มาตัดกระแสไฟฟ้า ไม่นานเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มาช่วยนำตนกับภรรยาออกจากรถ โชคดีปลอดภัยไม่เป็นอะไร ส่วนค่าเสียหายทางการไฟฟ้าฯ บอกจะรับผิดชอบ และให้ตนไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.นิมิตรใหม่


นางสาวเพ็ญนภา ด้วงฉืด อายุ 59 ปี (ภรรยานายดำรงค์ศักดิ์ คนขับแท็กซี่) ซึ่งนั่งอยู่รถกับสามีเบาะข้างคนขับ เล่าว่า ทำอะไรไม่ถูกเลย กลัวไม่รู้จะทำยังไง พยายามเอาตัวรอดให้ได้ก่อน ตนกับสามียกเท้าขึ้นไปไม่ให้โดนน้ำ เพราะกลัวไฟช็อต ได้แต่นั่งในรถภาวนาเมื่อไหร่จะออกไปได้ กลัวแก๊ซจะระเบิด ตนกับสามีก็นั่งภาวนา “พุทโธขอให้รอดปลอดภัย รอดมาได้เหมือนพระคุ้มครองเรา” ได้แต่ช่วยเหลือตัวเองว่าต้องอยู่ในรถให้ได้


ด้าน นายหนึ่ง วงษ์เนตร อายุ 39 ปี คนขับรถบรรทุก 6 ล้อ ขนตู้ออฟฟิศ เล่าว่า ฝนตกลมแรงมากจนน่ากลัวมองไม่เห็นทาง ต้นไม้ล้ม แล้วดึงเสาไฟโค่นล้ม โดยเสาไฟล้มมาโดนรถบรรทุกของตน จากนั้นทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งอยู่บนรถอย่างเดียว รอให้ฝนหยุดตก ได้แต่นั่งภาวนาไฟอย่ารั่ว


พอฝนซา เจ้าหน้าที่ก็มาตัดไฟ อีก 300-400 เมตร จะถึงหน้างานแล้ว มาเกิดเหตุเสียก่อน ตนเองปลอดภัย คิดว่าเป็นบุญของเรา “กลัวอย่างเดียวคือกลัวไฟ ลงจากรถก็ไม่ได้ไม่รู้ว่าไฟรั่วหรือไม่ ลงไปก็เสียวไฟดูดเพราะพื้นเปียก นั่งเกร็งรอความช่วยเหลืออย่างเดียว”


อีกรายคือ นายผดุง เงินเทศ อายุ 63 ปี คนขับแท็กซี่อีกคัน เกือบถูกเสาไฟล้มทับรถ โดนสายไฟตกมาพาดรถอย่างแรงได้รับความเสียหายหลังคายุบ เล่าว่า รับผู้โดยสารมาจากแฟชั่นฯ จังหวะนั้น เห็นเสาไฟกำลังจะโค่นล้ม แต่เบรกทัน อีกนิดเดียวเสาไฟจะล้มทับรถตนแล้ว  ทั้งนี้ ตนกับผู้โดยสารปลอดภัยดี หลังฝนหยุดตก ตนกับผู้โดยสารก็ออกมาจากรถ จากนั้น ผู้โดยสารก็ให้คนมารับไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา บ้านเรือนละแวกดังกล่าว ไม่มีไฟฟ้าใช้มืดสนิททั้งซอย ยกเว้นบางหลังที่มีไฟสำรอง


ทีมข่าวได้คุยกับ นายณัฐพงศ์ โพธิ์เจริญ อายุ 27 ปี ชาวบ้าน เผยว่า ตนอาศัยอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งยังใช้ไฟได้ โดยที่บ้านของญาติซึ่งมีลูกน้อยวัย 4 เดือน อาศัยอยู่ในบ้านซึ่งไม่มีไฟฟ้าใช้เนื่องจากถูกตัดกระแสไฟ จึงมารับหลานและญาติไปอยู่ด้วย เพราะอากาศในบ้านร้อน เช่นเดียวกับชาวบ้านบางครอบครัวก็ขนของใช้จำเป็นออกไปพักที่อื่นชั่วคราว


นายณรงค์ศักดิ์ พิมพ์หนู ผู้อำนวยการการไฟฟ้านครหลวง เขตมีนบุรี เผยว่า ทางการไฟฟ้าฯ ได้เข้ามาเคลียร์ร์พื้นที่ และกู้ระบบไฟ ตัดสายไฟฟ้าสายสื่อสารที่ระโยงระยางออก และยกเสาไฟฟ้าที่หักโค่นออกจากพื้นผิวถนน ทำการเดินสายไฟ และตั้งเสาไฟใหม่ เสร็จภายในคืนที่ผ่านมา (13 พ.ค. 67) ก่อนจ่ายกระแสไฟให้กับประชาชนต่อไป

-------------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/rPTM40DNhw8


คุณอาจสนใจ

Related News