คนร้ายป่วนบาเจาะ หวังจุดชนวนระเบิดสังหารนาวิกโยธิน

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 10 พ.ค.67 พ.ต.ต.อรรถพล สลับเพชร สว.สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุระเบิดเกิดขึ้น ที่โคนเสาไฟฟ้าริมถนน 4168 สายต้นไทย-กะพ้อ ช่วงบริเวณบ้านบาตู ม.6 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมร่วมเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุกับ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบบริเวณโคนเสาไฟฟ้าริมถนน ห่างจากป้ายบอกเส้นทางประมาณ 5 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิด มีซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ถังแก๊สปิกนิก หนัก 20 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจายคลุกเคล้ากับเศษดินริมถนน ที่กระเด็นตกเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้าริมทาง โดยที่บริเวณโคนเสาไฟฟ้า มีหลุมลึก 50 ซม. กว้าง 80 ซม. เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีฝนตกลงมาตั้งแต่ในช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะนำระเบิดแสวงเครื่องไปวางไว้แบบเร่งด่วนในช่วงใกล้รุ่ง เพื่อลอบจุดชนวนดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารพรานนาวิกโยธินที่ 1 ซึ่งตั้งฐานอยู่ในวัดเชิงเขา แต่วันนี้มีฝนตกลงมา เจ้าหน้าที่จึงได้งดปฏิบัติหน้าที่ในการเดินลาดตระเวน ตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งคาดว่ากลุ่มคนร้ายประเมินแล้วเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว งดออกปฏิบัติหน้าที่ จึงได้กดวิทยุสื่อสารซึ่งเป็นตัวจุดชนวนระเบิด เพื่อทำลายระเบิดทิ้ง เนื่องจากเกรงว่าหากทิ้งไว้เจ้าหน้าที่อาจจะตรวจสอบพบ หรือ คนร้ายอาจจะอยู่ในละแวกดังกล่าว เกรงสมาชิกในเครือญาติหรือคนที่รู้จักมักคุ้นจะได้รับอันตรายจากวงจรระเบิดที่ตั้งไว้ เกิดขัดข้องจากความชื้นที่ฝนได้ตกลงมาตั้งแต่ในช่วงคืนที่ผ่านมา

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือการกระทำของสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ แต่โชคดีที่มีฝนตกลงมา ทำให้เจ้าหน้าที่งดการเดินลาดตระเวนจุดดังกล่าว

ด้าน น.อ.บดินทร์ นิธิอุทัย ผบ.ฉก.ทพ.นย.ทร. หลังเกิดเหตุได้สั่งผู้ใต้บังคับบัญชา จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการ ใช้กฎอัยการศึกในการปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักต้องสงสัย ในพื้นที่บ้านบาตู และหมู่บ้านเขตรอยต่อกับจุดเกิดเหตุ แต่ไม่ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมบุคคลต้องสงสัยได้หรือไม่