สังคม
ยังดับไม่ได้! ไฟไหม้โรงงาน เก็บกากสารเคมีระยอง แฉโรงงานเคยถูกสั่งปิด แต่ยังเก็บสารอันตราย
โดย nattachat_c
23 เม.ย. 2567
369 views
ไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีระยอง คพ.แจ้งอพยพประชาชน คนงานเผยต้นเพลิงเกิดจากโกดังเก็บโซเว่นปนเปื้อน 20,000 ลิตร ด้าน 'พิมพ์ภัทรา' สั่งกำชับสืบหาข้อเท็จจริง เผย สั่งปิดบริษัทไปแล้วแต่ยังมีการเก็บสารเคมีอันตรายไว้ในโรงงาน ขณะที่ 'เอ้ สุชัชวีร์' เผยเจ้าของคนเดียวกันกับที่อยุธยาชี้ไม่ชอบมาพากล
วานนี้ (22 เม.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. เกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรม และสารเคมีอันตราย ในพื้นที่ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ม.4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
โดยจุดเกิดเหตุ เป็นโกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรม อาคาร 5 ซึ่งมีพื้นที่มากที่สุด ฝั่งติดสวนลุงเทียบ ได้มีการระดมรถดับเพลิงจากหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ข้างเคียง และได้มีการวางแผนเตรียมการดับเพลิง เนื่องจากมีการจัดเก็บสารเคมีอันตรายเป็นจำนวนมาก ทั้งกากของแข็ง สารเคมีเสื่อมสภาพ น้ำมันดำ และโซลเวนท์ (น้ำยาล้างทำความสะอาด)
ทั้งนี้ พบว่า เพลิงได้ลุกลามไปยังอาคารเก็บวัสดุในพื้นที่ข้างเคียง และมีการระเบิดของถังสารเคมีเป็นระยะ ๆ ซึ่งน่าจะเป็นถังน้ำมันดำ และโซลเวนท์ ที่โดนความร้อน และมีการขยายตัว
จากการตรวจสอบ ทิศทางลมพัดไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณด้านท้ายของโกดัง
ขณะที่ ทีมข่าวลงพื้นที่ พบว่า ได้กลิ่นไหม้แต่ไม่มาก โดยกลุ่มควันไฟจำนวนมากได้ลอยอยู่สูง และลมแรง จึงลอยไปไกลตามทิศทางลม เลยห่างจากหมู่บ้านรอบโรงงาน เจ้าหน้าที่จึงต้องเฝ้าระวังพื้นที่ใกล้เคียง คือ ที่ อ.ปลวกแดง ที่ควันลอยไปถึง
-------------
เจ้าหน้าที่ของโรงงาน เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ไม่ได้มีการทำงานหลายวัน เนื่องจากติดวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ เพิ่งมาทำงานเมื่อวานนี้ (22 เม.ย. 67) เป็นวันแรก โดยเป็นการคัดแยกสารเคมี และวัสดุในโรงงาน ไปกำจัด ตามคำสั่งศาล หลังจากที่โรงงานแห่งนี้หยุดกิจการไปนานแล้ว
สำหรับต้นเพลิง เกิดขึ้นที่บริเวณโกดังเก็บสารโซลเวนท์ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20,000 ลิตร บรรจุอยู่ในถัง 200 ลิตร ประมาณ 30,000 ถัง สาเหตุคาดว่า เกิดจากอากาศที่ร้อนจัด
โดยช่วงที่เกิดเหตุเห็นกลุ่มควัน ก่อนที่จะระเบิดลุกไหม้อย่างรุนแรง และลามไปติดโกดังเก็บกากของเสีย สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ เกรงว่าไฟจะลามไปถึงโกดังที่เป็นบ่อเก็บกากตะกอนน้ำมันปนเปื้อน ที่มีอยู่อีก 30 บ่อ
-------------
เวลา 14.00 น.
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องถอนกำลังออกมาพักทีมก่อน เพราะเจออุปสรรคคือ ไฟโหมเเรง เเละสู้กลิ่นสารเคมีไม่ได้ จึงยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้
มีรายงานว่า ไฟลุกลาม ไป 3 อาคารเเล้ว จากทั้งหมด 5 อาคาร โดยเจ้าหน้าที่มีความกังวลเรื่องน้ำมันข้างในโรงงาน ซึ่งเป็นน้ำมันเครื่องเก่า เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานจึงประชุมทีมเพื่อวางเเผนสกัดเพลิง ที่วัดหนองพะวา ซึ่งตั้งเป็นศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ โดยมีการนำรถดับเพลิง และรถโฟม เข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าหากไฟลามไปติดบ่อเก็บกากตะกอนน้ำมัน อาจจะเกิดเหตุรุนแรงยากต่อการควบคุม
ขณะเดียวกัน ได้มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารมาช่วยอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่ ไปอยู่ที่สำนักงาน อบต.บางบุตร ชั่วคราว
เวลา 15.00 น.
นายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า สามารถควบคุมเพลิงได้ในวงจำกัด กระทั่งเกือบ 1 ทุ่ม เพลิงยังไม่สงบ เจ้าหน้าที่ต้องใช้โฟมและน้ำฉีดเพราะไฟอาจประทุขึ้นมาอีก ทั้งนี้ได้มีการประชุมเจ้าหน้าที่แบ่งงานทั้งการอพยพคนให้ความช่วยเหลือที่พักชั่วคราว ดูแลสุขภาพ เบื้องต้นได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบเหตุอัคคีภัยตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และจะมีการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุที่ทำให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านค่าย ได้เตรียมดำเนินการแล้วในเรื่องนี้
เวลา 17.00 น.
ครบ 9 ชั่วโมง ยังพบ กลุ่มควันพวยพุ่งออกมาเป็นระยะ ทีมข่าวสำรวจบริเวณหน้าโรงงาน พบชาวบ้านบางส่วนยังใช้ชีวิตปกติ บางส่วนอพยพไปแล้ว
นายมนัส ดวงจันทร์ อายุ 66 ปี ชาวบ้าน ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้อพยพไปไหน ตอนนี้ เสียงระเบิดไม่มีแล้ว มีเพียงกลิ่น เท่าที่รู้ ในโรงงานไม่มีสารเคมีอันตรายแล้ว จึงไม่กลัว ไม่ได้วิตกกังวลอะไร
เวลา 21.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผ่านไปกว่า 13 ชั่วโมงแล้ว แต่ว่า ยังไม่สามารถดับไฟทั้งหมดได้ มีเพียงบางจุดที่ควบคุมเปลวไฟได้ แต่ก็ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยง เพื่อลดอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการปะทุขึ้นมาอีก
โดย ศูนย์ควบคุมภาวะฉุกเฉิน (NPC) ได้จัดส่งกำลังพล 15 นาย พร้อมอุปกรณ์ Fire Pump 2000 GPM, Fire fighting Robot,Trailer Foam และโฟมดับเพลิง AR-AFFF จำนวน 2,000 ลิตร ร่วมควบคุมเพลิง
โดยเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. เศษ ได้เกิดการปะทุขึ้นมาอีก 2 ครั้ง และมีเปลวเพลิงเกิดขึ้นอีก เจ้าหน้าที่เร่งควบคุมสถานการณ์
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า กลุ่มควัน และกลิ่นเหม็นของสารเคมี ได้ถูกกระแสลมพัดไปถึงอำเภอปลวกแดง ซึ่งเป็นอำเภอติดต่อกับอำเภอบ้านค่ายแล้ว โดยมีชาวบ้านหนองไร่ บึงตาต้า และ หมู่ 4 ตำบลตาสิทธิ์ ของอำเภอปลวกแดง ได้กลิ่นเหม็น จนได้รับผลกระทบต่อทางเดินหายใจ และเวียนศีรษะกันหลายคน ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบ และให้ความช่วยเหลือ ดูแลสุขภาพของประชาชน
ส่วนประชาชนที่มีที่พักอาศัยอยู่รอบโรงงาน คืนที่ผ่านมา ได้อพยพชาวบ้าน ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียงออกจากบ้าน ไปพักอาศัยอยู่ที่ อบต.บางบุตร ชั่วคราว เพื่อรอจนกว่าสถานการณ์ดีขึ้น จึงจะกลับเข้าบ้าน
เวลา 22:30 น.
นายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เปิดเผยหลังประชุมเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ว่า สถานการณ์ไฟไหม้โรงงานกากอุตสาหกรรม ขณะนี้ สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัดแล้ว แต่ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ บางจุดยังมีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่บ้างภายในโกดัง แต่เป็นเพียงจุดเล็ก ๆ เท่านั้น เจ้าหน้าที่ยังคงต้องใช้น้ำฉีดหล่อเลี้ยงต่อไปอีก
แต่เชื่อว่า หลังจากนี้ จะไม่มีการลุกลามเกิดขึ้นอีก ขณะที่กลุ่มควันสีขาว ก็ยังพอมีอยู่บ้าง ขณะที่ความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ทุกโกดังมีความเสียหายทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเจ้าหน้าดับเพลิงจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุนในพื้นที่จำนวนมาก โดยจะสแตนด์บาย และพยายามดับไฟที่ยังลุกไหม้ตลอดทั้งคืน
ซึ่งวันนี้ (23 เม.ย. 67) จะส่งทีมสำรวจ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าไปในที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบความเสียหาย และสาเหตุของเพลิงไหม้
ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบขณะนี้ มีอยู่สองตำบลคือ ตำบลบางบุตร และ ตำบลหนองบัว ซึ่งจะต้องมีการสำรวจ และช่วยเหลือตามลำดับ
สำหรับในค่ำคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เปิดศูนย์ช่วยเหลือที่บริเวณสำนักงาน อบต. บางบุตร โดยมีการจัดเตรียมเตียงสนาม และนำผู้ป่วยติดเตียงออกมาดูแลที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยมีเจ้าหน้าที่แพทย์ และพยาบาล คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ส่วนชาวบ้านโดยทั่วไป นอกจากจะอพยพไปอยู่ยังศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว บางส่วนได้ไปอาศัยอยู่กับญาติ เพื่อรอดูสถานการณ์อีกครั้ง จากเหตุการณ์นี้ มีผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด 67 คน
ขณะที่ ปภ.จังหวัดระยอง รายงานว่า ศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ได้ติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศโดยรอบบริเวณพื้นที่โรงงาน โดยเฉพาะบริเวณทางด้านท้ายลม คือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศเหนือของพื้นที่โรงงาน ปรากฎว่า ผลการตรวจสอบคุณภาพอากาศเบื้องต้น ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ยังไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ พบไอระเหยสารเคมีเล็กน้อย บริเวณห่างจากโรงงานไปทางด้านทิศเหนือ ประมาณ 4 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามตรวจสอบ และเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องจนกว่าเหตุการณ์จะยุติ
ทั้งนี้ นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้สั่งการให้กองตรวจมลพิษ ประสานเจ้าหน้าที่ อบต.บางบุตร ให้พิจารณาอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โรงเรียน หรือศูนย์เด็กเล็ก ไปยังจุดที่ปลอดภัย
เบื้องต้น หน่วยงานท้องถิ่นได้มีการตั้งศูนย์อพยพบริเวณวัดหนองพวา พร้อมทั้งให้ศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 (ชลบุรี)
นอกจากนี้ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพอากาศ เข้าตรวจสอบคุณภาพอากาศในชุมชนโดยรอบพื้นที่โรงงานดังกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่ด้านท้ายลม และพื้นที่อ่อนไหว เช่น ศูนย์เด็กเล็ก และชุมชนหนาแน่น โดยได้มีการเตรียมการหน่วยตรวจสอบเหตุฉุกเฉินสารเคมี จากส่วนกลาง คพ. เข้าร่วมสนับสนุนในการตรวจสอบ และให้ข้อเสนอแนะทางวิชาการร่วมแล้ว
--------------
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า สำหรับโรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานที่เคยถูกดำเนินคดี ความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย และ พ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งทรัพย์สิน และที่ดินถูกอายัด
โดยเมื่อ วันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา (5 วันก่อน) เจ้าหน้าที่กรมอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เพิ่งเข้าตรวจสอบ และมีคำสั่งให้โรงงาน เก็บ รักษา ดูแลถังสารเคมี หลังพบว่า ถูกย้ายออกมาตั้งกลางลานโล่งแจ้งอย่างผิดปกติ จากที่ควรอยู่ในโกดัง
จากการตรวจสอบข้อมูลที่ผ่านมา พบว่า ผู้ถือหุ้นบางรายของบริษัทในโรงงานที่เพลิงไหม้นี้ เคยถือหุ้นที่บริษัทรีไซเคิล ที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และโรงงานรีไซเคิลที่ อ.อุทัย ที่ถูกดำเนินคดีในกรณีเกี่ยวข้องกับโกดังเก็บกากสารเคมี ที่ อ.ภาชี จังหวัดเดียวกัน (จ.พระนครศรีอยุธยา) ที่ถูกวางเพลิง เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมาด้วย ซึ่งคดีวางเพลิง แม้จะมีหลักฐาน แต่อยู่ระหว่างสืบหาผู้วางเพลิง และผู้เกี่ยวข้องอยู่ในขณะนี้
------------
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการไปยังปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ระยอง ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรายงานให้ทราบเป็นระยะ
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการไปยังอธิบกรมโรงงานอุตสาหกรรม ให้สืบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากบริษัทดังกล่าวได้สั่งปิดไปแล้ว แต่ยังมีการเก็บสารเคมีอันตรายไว้ในบริเวณโรงงาน เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ จึงลุกลามเป็นวงกว้าง ดังนั้น จึงขอให้เร่งหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
------------
ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ก้าวไกล ระยองเขต 4 ลงพื้นที่ พบข้อกังวลคือ สารเคมีในโรงงานซึ่งมีจำนวนมาก ปนเปื้อนอยู่ในควันไฟ
โดยศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ตรวจพบสารเคมีอันตรายบริเวณหมู่ 11 ต.หนองบัว ต้องแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ และบริเวณใกล้เคียง ให้เร่งอพยพออกก่อน รวมถึงหากยังควบคุมเพลิงไม่ได้ จะต้องเตรียมเรื่องที่พักให้ประชาชนที่อพยพด้วย
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกล ได้ทำแบบจำลอง (Simulation) รัศมีเตือนภัยพื้นที่ที่คาดว่า จะได้รับผลกระทบจากเหตุไฟไหม้นี้รัศมี 10 กิโลเมตร และคาดการณ์จากทิศทางลมที่พัดขึ้นเหนือ และจากคำบอกเล่าของคนพื้นที่ ระบุตรงกันว่า บริเวณวัดหนองกรับ วัดปิปผลิวนาราม และวัดหินโค้ง รู้สึกได้ถึงผลกระทบต่อทางเดินหายใจจากควันไฟที่ลอยมา
ส่วนพื้นที่ที่เริ่มได้รับผลกระทบบ้างแล้วคือ ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย, อ.ปลวกแดง และ ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง สำหรับก๊าซพิษที่เกิดขึ้นนั้น ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นสารพิษประเภทใดบ้าง แต่เชื่อว่า เป็นสารพิษที่มีอันตรายต่อระบบหายใจ
จึงขอเตือนภัยประชาชนในบริเวณดังกล่าว และใกล้เคียง เร่งอพยพออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย โดยขณะนี้ มีศูนย์อพยพ 2 จุดที่พร้อมรับ คือ ศูนย์อพยพวัดหนองพะวา และศูนย์อพยพ อบต.บางบุตร
ส่วนผู้ที่อยู่นอกพื้นที่เตือนภัย หรืออยู่ภายในพื้นที่ แต่ไม่สามารถอพยพได้นั้น สามารถหลีกเลี่ยงการสูดควันพิษได้โดยการอยู่ในบ้านเรือน ปิดประตูหน้าต่างไม่ให้อากาศจากภายนอกเข้าได้ และปิดจมูก ปิดปาก เพื่อป้องกันการสูดควันพิษให้มากที่สุด เท่าที่เป็นไปได้
ทั้งนี้ กรณีโรงงานวินโพรเสสไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นคดีความที่ภาคประชาชนต่อสู้มานาน ชุติพงศ์เองก็เคยพูดในสภาฯ หลายครั้ง ถึงกรณีปัญหาที่โรงงานจัดเก็บสารเคมี แล้วไม่ขนย้ายออกไป ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ เช่น เมื่อเกิดน้ำท่วมก็มีสารเคมีรั่วไหล แต่ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่จัดการ จนเกิดเหตุไฟไหม้ในครั้งนี้
------------
ด้าน ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทวีตว่า
โรงงานสารเคมี กากอุตสาหกรรมไฟไหม้ (อีกแล้ว) ที่ระยอง ควันดำสารพิษปกคลุมเป็นวงกว้าง น่ากลัว อันตราย เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมผู้รับผิดชอบ ต้องปกป้องดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพราะผลกระทบจากสารพิษมีผลต่อสุขภาพถึงชีวิต
ที่น่าสงสัยคือ โรงงานที่เกิดเหตุไฟไหม้ในวันนี้ มีผู้บริหารที่มีความเกี่ยวข้องกับโรงงานเก็บสารเคมี ที่เพิ่งเกิดเหตุไฟไหม้ที่โรงงานสารเคมีที่อยุยา ไปเมื่อปลายเดือน ก.พ. นี้เอง ผู้รับผิดชอบต้องเร่งหาคำตอบ "ไฟไหม้เกิดได้อย่างไร ผิดปกติหรือไม่?" หรือต้องการปกปิดอะไร?
ผมเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของชาวบ้าน เพราะมีเรื่องเกี่ยวกับอันตรายจากสารเคมี และกากอุตสาหกรรม ต่อเนื่องกันหลายเหตุการณ์ ตั้งแต่ 'กากแคดเมียม และ 'แอมโมเนีย' ทั้งทุกเหตุการณ์มีความไม่ชอบมาพากล ซ่อนอยู่ ทำให้เกิดข้อกังวลถึง 'มาตรฐานความเข้มงวด' ในการตรวจสอบ และเฝ้าระวัง ของหน่วยงานรัฐในเรื่อง 'สารเคมีอันตราย' ข้อสงสัยในเรื่อง 'การทุจริต คอรัปชั่น' ในกลไกของรัฐ ที่รัฐบาลต้อง 'ค้นหาความจริง' และให้คำตอบประชาชน
-----------------
ทั้งนี้ มีรายงานล่าสุดว่า ยังดับไฟไม่ได้ 100%
-----------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/SZNyw3Gn4kw