ประธานมูลนิธิเพชรเกษม สั่งพักงานเจ้าหน้าที่กู้ภัยขับรถย้อนศร 7 วัน

ช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายสหชาติ ลิ้มเจริญภักดี ประธานมูลนิธิเพชรเกษม เดินทางมายังสถานีตำรวจนครบาลบางเขน เพื่อเข้าพบตำรวจในฐานะประธานมูลนิธิเพชรเกษม ซึ่งถือเป็นผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ที่ขับรถตู้ย้อนศร จนเกิดเป็นคลิปในโลกโซเชียล

โดย นายสหชาติ ระบุว่า เบื้องต้นในส่วนของความผิดที่เกิดขึ้น ตนเองในฐานะประธานมูลนิธิเพชรเกษม ขอน้อมรับความผิดทั้งหมด และยินยอมให้ตำรวจดำเนินคดีในทุกความผิดที่เกิดขึ้น ตนเองอยากตั้งคำถามไปถึงรถพยาบาลของอีกมูลนิธิหนึ่ง ที่เป็นผู้บันทึกคลิปดังกล่าวเอาไว้ว่า พฤติกรรมลักษณะแบบนี้ถือว่าเป็นการเหมาะสมหรือไม่ ที่มีการใช้คำพูดในเชิงดูถูกเยาะเย้ย ซ้ำยังไม่มีการลงไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ

และยังมีการนำออกมาเผยแพร่ในโลกโซเชียล จนทำให้สังคมต้องออกมาตำหนิมูลนิธิของตนเอง ตนเองมองว่าในส่วนของรถพยาบาลของมูลนิธิคู่กรณี ก็มีการกระทำความผิดเช่นเดียวกัน การทำงานในลักษณะแบบนี้ ควรคำนึงถึงผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นที่ตั้ง และมุ่งเน้นในการช่วยเหลือผู้จะรับบาดเจ็บ ไม่ใช่การมาพยายามแทงข้างหลัง ตนเองมองว่าการกระทำแบบนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย

ยืนยันว่าในวันนี้จะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดกับทางเพจที่มีการนำคลิปไปโพสต์และระบุโพสต์ในข้อความ ทำให้มูลนิธิของตนเองเสียหาย รวมถึงตัวเจ้าของกล้องหน้ารถด้วยเช่นกัน

ตนเองยังอยากฝากถึงผู้บริหารหรือหน่วยงานรัฐ ที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับควบคุมดูแลระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อยากให้เข้ามาดำเนินการแก้ไขป้องกันปัญหาแบบนี้ และอยากให้คำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก เพราะการที่มาอ้างว่า 8 องค์กร ที่ร่วมลงนามไม่ยินยอมรับมูลนิธิเพชรเกษม ทั้งๆที่เป็นมูลนิธิที่มีความพร้อมไม่ควรเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เพราะหากมูลนิธิของตนเองได้รับการเข้าระบบ เชื่อว่าปัญหาแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น และพี่น้องประชาชนจะได้ประโยชน์จากการมีองค์กรหน่วยงานที่มีความพร้อมในการเข้าไปช่วยเหลือ เพราะปัจจุบันมูลนิธิเพชรเกษม มีการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเฉลี่ยเดือนละกว่า 300 เคส

ประธานมูลนิธิเพชรเกษม ยังระบุอีกว่า ในส่วนของการดำเนินการลงโทษเจ้าหน้าที่คันที่ก่อเหตุขับรถย้อนศรในครั้งนี้ มีการสั่งให้พักงานเป็นเวลา 7 วัน และให้ไปดำเนินการเก็บธูปที่ศาลเจ้าของทางมูลนิธิแทน ซึ่งถือเป็นการทำโทษขั้นสูงสุดของพนักงานมูลนิธิ และจะกำชับไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต