สังคม

รวบกลางสยาม! 2 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวฮ่องกง แบกอุปกรณ์ส่ง SMS หลอกกดลิงก์ดูดเงิน

โดย passamon_a

10 เม.ย. 2567

304 views

รวบกลางสยาม ตำรวจไซเบอร์ร่วมเครือข่าย AIS จับ 2 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวฮ่องกง หลังสะพายเป้ใส่อุปกรณ์ส่งสัญญาณ ตระเวนส่ง SMS หวังลวงข้อมูลประชาชน ในรัศมี 1 กม. เตือนอย่ากดลิงก์เด็ดขาด แนะหากใครมีเครือข่าย 2 จี ให้กดปิดไว้ เหตุมิจฉาชีพใช้สัญญาณนี้ในการก่อเหตุ


เมื่อวันที่ 9 เม.ย.67 เวลา 16.30 น. ที่อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท โทรคมนาคม จำกัด นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วย นายวิสิฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการส่วนงานองค์กรสัมพันธ์ AIS ร่วมกันแถลงกรณีเปิดปฏิบัติการ หักขาแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ ภายหลังจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวฮ่องกง แฝงตัวกลางห้างดังย่านปทุมวัน ตระเวนส่ง SMS หลอกเหยื่อ พร้อมอุปกรณ์กระจายสัญญาณเคลื่อนที่ หรือเครื่องจำลองสถานี (False base station) หากมีคนเข้าใกล้สัญญาณจะได้รับ SMS จากมิจฉาชีพทันที


เรื่องนี้พบว่าผู้ก่อเหตุได้สะพายเป้ไปพร้อมกับเครื่องที่เล็กลง โดยส่งสัญญาณได้รัศมี 1 กิโลเมตร ก่อเหตุที่ห้างสรรพสินค้าพารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์ โดยส่งข้อความว่าคะแนนเอไอเอสของท่านจะหมดอายุ และให้กดลิงก์ ก่อนสามารถจับกุมชาวฮ่องกงได้ 2 คน คือ นายยิป อายุ 44 ปี และนายลี อายุ 26 ปี ซึ่งได้ตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินหลายรายการ เครื่องจำลองสถานี (False base station) 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง กระเป๋าสะพาย 1 ใบ รถจักรยานยนต์ 1 คัน ซึ่งทั้งคู่เดินทางเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา แล้วไปพักอยู่ที่บางรัก


โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ตำรวจไซเบอร์เคยจับกุมลักษณะนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเครื่องขนาดใหญ่ ปล่อยสัญญาณได้ 5 กิโลเมตร แต่เครื่องต้องอยู่บนรถเท่านั้น แต่ล่าสุดมิจฉาชีพมีการโยกขนาดเครื่องลง ซึ่งเครื่องล่าสุดที่สามารถจับกุมได้เป็นเครื่องขนาดเล็ก ปล่อยสัญญาณได้ 1 กิโลเมตร


สำหรับเคสนี้ ตำรวจไซเบอร์ (สอท.3) ได้ข้อมูลจาก AIS ว่ามีประชาชนได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับข้อมูล SMS ปลอม ซึ่งเป็นของกลุ่มคนร้าย เชื่อว่ามีการกระทำความผิดหลอกลวงประชาชน จึงได้ทำการสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการเครือข่าย AIS ของขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ที่มีลักษณะส่งข้อความ (SMS) หลอกลวงประชาชน โดยนำอุปกรณ์เครื่องจำลองสถานี (False base station) ซึ่งเป็นเครื่องที่ไม่ใช่ของผู้ให้บริการโดยถูกต้อง


จากนั้นตำรวจไซเบอร์ (สอท.3) และเจ้าหน้าที่ AIS ลงพื้นที่ติดตามเรื่องนี้ ก่อนได้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 8 เมษายน เวลา 18.00 น. พบชายต้องสงสัยจำนวน 2 คน ทราบภายหลังเป็นชาวฮ่องกง เดินอยู่ที่ห้างสยามพารากอน โดยชายคนหนึ่งนั้นสะพายกระเป๋าเป้เหมือนมีสิ่งของมีน้ำหนักอยู่ภายใน เชื่อว่าน่าจะเป็นเครื่องจำลองสถานีแบบพกพา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการเดินติดตาม จนพบบุคคลดังกล่าวท่าทางมีพิรุธต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวขออนุญาตตรวจค้นสิ่งของที่อยู่ภายในกระเป๋าเป้ของชายคนดังกล่าว


ผลการตรวจค้นพบเครื่องจำลองสถานี (False base station) จำนวน 1 เครื่อง เป็นเครื่องส่งข้อความ (SMS) ซึ่งเป็นในลักษณะของการจำลองเสา (False base station) ส่งสัญญาณปลอมของเครือข่ายเอไอเอส ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวนี้เป็นเครื่องวิทยุโทรคมนาคม ซึ่งจากการตรวจสอบเครื่องดังกล่าวไม่พบข้อมูลผ่านการตรวจสอบหรือได้รับอนุญาตจาก กสทช. แต่อย่างใด


พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวต่อว่า เมื่อมิจฉาชีพลงพื้นที่แล้วมีการปล่อยสัญญาณ สัญญาณดังกล่าวจะถูกปล่อยแล้วไปรบกวนคลื่นสัญญาณโทรศัพท์จริงให้ดรอปลง ก็มีการส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือ ข้อความระบุว่า "บริการคะแนน AIS แจ้งบัญชีคะแนนบัญชีปัจจุบันของคุณว่า (3,022 คะแนน) กำลังจะหมดอายุ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ตามมา แลกคะแนนของคุณทันที : ลิงก์"


จากการซักถามผู้ต้องหาทั้งสองราย ให้การว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน ไปเดินแถวไอคอนสยาม ก่อนที่เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ได้ไปเดินที่เซ็นทรัลเวิลด์ และสยามพารากอน ซึ่งจะเลือกจุดที่มีผู้คนหนาแน่น เพื่อยิงสัญญาณให้ได้เยอะที่สุด


เมื่อถามว่าตามข้อความ SMS มีการระบุว่ามาจาก AIS ในฐานะผู้บริโภคจะทราบได้อย่างไรว่าเป็นข้อความจาก AIS จริงหรือปลอม นายวิสิฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการส่วนงานองค์กรสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า ความจริงแล้วการส่ง SMS ไม่ได้ส่งแค่เครือข่ายนี้อย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจจะมีทั้งธนาคาร หรือรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ด้วย เช่น การไฟฟ้า, การประปา ฯลฯ และผู้บริโภคสามารถยืนยันได้อย่างไรนั้น ขอบอกว่าในขั้นตอนแรกประชาชนไม่ควรหลงเชื่อลิงก์ดังกล่าว


ขณะที่ พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (บช.สอท.) กล่าวว่า เรื่อง SMS คือตัวอันตรายที่สุดที่คนร้ายใช้ในการหลอกลวง ถ้าเราจะดูลิงก์น่าเชื่อถือ ต้องดูภาษาอังกฤษลงท้าย หากลงท้ายด้วย th คือส่งประเทศไทยตัวนี้ไม่มี เช่นของเครือข่าย AIS เป็น AIS.co.th ซึ่งตรงนี้เป็นจุดให้ประชาชนสามารถสังเกตได้ แต่ที่ต้องแนะนำคือห้ามกดลิงก์ใด ๆ เพราะจะนำไปสู่การติดตั้งแอปฯดูดเงินต่อไป


ขณะเดียวกันขึ้นส่งสัญญาณดังกล่าวเป็นการใช้เสาส่งสัญญาณคลื่น 2 จี ดังนั้นประชาชนสามารถป้องกันได้ ด้วยการตั้งค่าโทรศัพท์มือถือด้วยการตั้งค่าเครือข่าย อย่าเปิดรับคลื่นเครือข่าย 2 จี เพียงแค่เราตั้งค่าตรงนี้ก็จะไม่เป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ วิธีการนี้เป็นการป้องกันเบื้องต้น


นายวิสิฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการส่วนงานองค์กรสัมพันธ์ AIS ยังกล่าวอีกว่า การป้องกันที่ดีสุดที่สุดคือการไม่กดลิงก์ แต่หากกดเข้าไปแล้ว ลิงก์ดังกล่าวจะให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงตัวเลขบัตรต่าง ๆ เช่น บัตรเครดิต แต่จากการตรวจสอบลิงก์ดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่ถึงขั้นดูดเงิน หรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่กดลิงก์ เว้นแต่เจ้าตัวกรอกข้อมูลเอง


สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น อยู่ระหว่างกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ ยังไม่มีตัวเลขชัดเจน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า AIS ไม่มีนโยบายขอข้อมูลส่วนบุคคลผ่านการกดลิงก์, แอดไลน์ หรือตอบกลับ SMS รวมถึงงดให้ข้อมูลส่วนบุคคล ทั้ง เลขบัตรประชาชน, เลขบัตรเครดิต และวันเดือนปีเกิด รวมทั้งรหัส OTP ในการทําธุรกรรมใด ๆ แก่แหล่งที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ และหากเป็นลูกค้า AIS หากพบกรณีผิดปกติ สามารถโทรแจ้งผ่านสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ได้ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง โดย AIS จะตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป


เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา 2 ผู้ต้องหา ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม แล้วนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป


ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปถึงตัวผู้จ้างวาน เครือข่ายของขบวนการนี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และให้การป้องกันปราบปรามขบวนการดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและเด็ดขาด


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ukMKHtOPhdQ

คุณอาจสนใจ

Related News