ศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุก 12 ปี 'ลูกสาวอาม่าฮวย' ลักทรัพย์บุพการี 24 ล้าน

เมื่อวันที่ 3 เม.ย.67 ที่ศาลอาญาพระโขนง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่ นางฮวย ศรีวิรัตน์ หรือ อาม่าฮวย อายุ 86 ปี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางมาวดี ศรีวิรัตน์ ลูกสาว อายุ 57 ปี กรณีเมื่อปี 2560 ขณะนางฮวยนอนพักฟื้นรักษาตัวด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ที่โรงพยาบาล นางมาวดีได้ทยอยถอนเงินในบัญชีของอาม่าฮวย ออกไปกว่า 24 ล้านบาท และถ่ายโอนทรัพย์สินอื่น ๆ อีก โดยมีทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เป็นทนายความให้ฝั่งอาม่าฮวย


ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ว่า นางมาวดี จำเลย มีความผิดเป็นการทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม รวมให้จำคุก 6 กระทง กระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 12 ปี โดยพิเคราะห์ว่า การกระทำความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุพการี โดยใช้โอกาสที่จำเลยเป็นผู้ดูแลระหว่างโจทก์เจ็บป่วย ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ อีกทั้งเงินที่ลักไปเป็นเงินจำนวนสูงมาก นับเป็นเรื่องร้ายแรง ดังนั้นแม้ปรากฏว่าจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ก็ไม่เป็นเหตุให้รอการลงโทษ พิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญา


ต่อมา นางมาวดียื่นอุทธรณ์ ต่อมา 1 พฤศจิกายน 2565 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกนางมาวดี 12 ปี ไม่รอลงอาญาเช่นกัน ระบุเหตุผลว่า จำเลยอาศัยความป่วยเจ็บของโจทก์ พาโจทก์ไปเบิกเงินยังธนาคารต่าง ๆ โดยที่โจทก์ไม่ยินยอม ทั้งการซื้อกองทุนในนามจำเลย ซื้อประกันชีวิตในนามจำเลย และนำเงินเข้าบัญชีในนามของจำเลยเอง การยักย้ายถ่ายโอนเงินของโจทก์เพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว ผิดวิสัยของผู้เป็นบุตรผู้พึงกตัญญูรู้คุณมารดา พฤติการณ์จำเลยมีเจตนาเอาเงินของโจทก์ไปโดยทุจริต และคำพิพากษาครั้งนี้ ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนางมาวดี แล้วนางมาวดียื่นฎีกาอีกครั้ง จนเป็นที่มาของการอ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 3 เม.ย.


ทนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า ในการฎีกา นางมาวดี จำเลย ขอต่อสู้ในข้อกฎหมาย ประเด็นว่าคดีลักทรัพย์บุพการี เป็นคดียอมความได้ รวมถึงจะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน ซึ่งนางฮวย โจทก์ก็ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน คดีจึงไม่ขาดอายุความ ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนจำคุกนางมาวดี จำเลยเป็นเวลา 12 ปี โดยไม่รอลงอาญา และยังถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ในคดีเกี่ยวกับการลักทรัพย์บุพการี ที่จะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนด้วย


ทนายอนันต์ชัย ยังบอกด้วยว่า สำหรับคดีของอาม่าฮวย ยังมีคดีที่ฟ้องเจ้าหน้าที่ธนาคาร และลูกสาว รวม 5 คน ฐานร่วมกันลักทรัพย์ ปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม หลังร่วมกันลักเงินไปจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาสุขุมวิท 101 และสาขาถนนศรีนครินทร์ กม.9 มูลค่าความเสียหายกว่า 238 ล้านบาท คดีนี้ศาลแพ่งมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 ให้ธนาคารและลูกสาวร่วมกันชดใช้ โดยระบุว่า การกระทำของจำเลยได้ละเมิดสิทธิการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเบิกถอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้คดีนี้ยังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ แต่เชื่อว่าจะชนะคดีแน่นอน

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/odb6KoVJvrw