สังคม

เพื่อไทย ฟาด ก้าวไกล “ทวงทุกอย่าง แต่ค้านทุกสิ่ง” ทำให้คนไทยเสียโอกาส

โดย gamonthip_s

3 เม.ย. 2567

54 views

นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกพรรคพร้อมด้วย นางสาวชญาภา สินธุไพร สส. ร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวความพร้อมในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152



โดยนายดนุพร ระบุว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยได้ เน้นย้ำ สส.ให้เข้าร่วมการประชุมสภา ที่จะมีการอภิปรายตามมาตรา 152 ซึ่งเป็นการอภิปรายเพื่อซักถามทั่วไป จึงขอให้ สส.ไปร่วมเป็นองค์ประชุม พร้อมวิงวอนฝ่ายค้านให้อภิปรายในกรอบระเบียบของสภา หลายคนก็รอฟังว่าจะมีการพาดพิงถึงบุคคลภายนอกมากน้อยแค่ไหน ซึ่งตนเชื่อในความเป็นกลางของประธานสภา ไม่ว่าจะเป็นใครขึ้นมาทำหน้าที่บนบัลลังก์ว่าจะใช้ข้อบังคับอย่างเคร่งครัด



นายดนุพร กล่าวอีกว่า รัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ทำงานมาเพียง 7 เดือน และบริหารโดยไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งจะเห็นว่า 7 เดือนที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีทำงานหนักมาก โดยไม่มีงบประมาณ และเป็นการลงพื้นที่อย่างหนัก ยืนยัน เป็นห่วงปัญหาของประชาชนไม่แพ้ฝ่ายค้าน



แต่พรรคที่ใหญ่ที่สุดของฝ่ายค้าน ไม่เคยบริหารราชการแผ่นดินแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นต้องเข้าใจบริบท เวลาที่จะนำนโยบายที่หาเสียง และนำไปสู่การปฏิบัตินั้น อย่างแรกเราต้องใช้งบประมาณ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่ต้องใช้งบอย่างเดียว ขณะที่บางเรื่องต้องใช้เวลาในการแก้ไขกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.แอลกอฮอล์ พ.ร.บ.เกณฑ์ทหาร หรือแม้แต่เรื่องสมรสเท่าเทียม ดังนั้นพรรคที่ไม่เคยบริหารราชการแผ่นดินเลย ย่อมไม่เข้าใจ คิดว่าเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วจะง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง บางนโยบายต้องมีกฎหมายรองรับ เช่น เงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ต้องทำให้รอบคอบ เพราะไม่เคยมีนโยบายนี้ในประเทศไทยมาก่อน หากย้อนไปในอดีตก็มีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเป็นนโยบายใหม่ในขณะนั้น สมัยเป็นพรรคไทยรักไทย เราก็ต้องไปเตรียมกฎระเบียบมารองรับ รวมถึงกฎกระทรวง เพื่อให้สิ่งเหล่านี้ถูกต้องตามกฎหมาย



เมื่อท่านติงเรื่องค่าแรง ค่าไฟ เมื่อนายกฯ เศรษฐาเข้ามาเราก็ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าแรงที่หลายคนบอกว่าเพิ่มบางจังหวัดก็เป็นเรื่องจริง แต่สิ่งที่ตนพูดมาปัญหาจริง ๆ อยู่ที่โครงสร้าง ดังนั้นรัฐบาลได้ลดค่าครองชีพให้ประชาชน เราทราบดีว่าเป็นการชั่วคราว และตนเชื่อว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกำลังปรับโครงสร้างพลังงาน เพื่อช่วยประชาชน แต่การจะเปลี่ยนโครงสร้างก็มีผลกระทบมากมาย ต้องประชุมทุกฝ่ายทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ



นายดุพรกล่าวอีกว่า ฝ่ายค้านต้องทำความเข้าใจใหม่ รัฐบาลยังไม่ได้ใช้งบประมาณแม้แต่บาทเดียว ราคายางพาราสูงสุดในรอบเจ็ดปี ราคาข้าวสูงสุดในรอบ 16 ปี นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศ 14 ประเทศ คาดว่าจะนำรายได้เข้าประเทศ ประมาณ 500,000 ล้านบาท รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่สำเร็จแล้ว 12 จังหวัด 7 เดือนรัฐบาลเศรษฐามีผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยไม่ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี



“จึงอยากไปยังฝ่ายค้าน ว่าท่านทวงทุกอย่าง แต่ค้านทุกนโยบายของรัฐบาล รอสักนิด เรารับทำงานให้ประชาขน เราเข้าใจความเดือดร้อนเหมือนฝ่ายค้านทุกท่าน นี่เป็นเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยไม่ทำตามคำแนะนำฝ่ายค้านว่ารอ 10 เดือน ถ้ารอ ทุกอย่างที่เกิดตอนนี้จะไม่เกิด อีก 3 เดือนจะครบ 10 เดือน พรรคเพื่อไทยเตรียมแถลงผลงาน ว่าทำไมเราจึงเห็นว่าไม่ควรรอ 10 เดือน เราจะทำงานอย่างหนักต่อไป นโยบายของรัฐบาล รวมถึงนโยบายที่หาเสียงไว้ เรามีเวลา 4 ปีที่จะทำให้นโยบายเหล่านั้นเป็นจริง จะช้าจะเร็วก็มี บริบทแตกต่างกันไป



นายดนุพรยังย้ำว่าการอภิปรายในวันที่ 3 และ 4 เมษายนนี้ เป็นการอภิปรายตามมาตรา 152 “เมื่ออภิปรายจบ นายกฯคนที่ 30 ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม เป็นนายกชื่อเศรษฐา ทวีสิน พรรคเพื่อไทยมีนายกเบอร์ 30 เราไม่มีนายกฯครึ่งเบอร์เหมือนบางท่าน ดังนั้นประชาชนไม่ต้องเป็นห่วงมีเวลาอีก 3 ปีกว่า ในการทำนโยบายให้เป็นจริงได้”

คุณอาจสนใจ

Related News