เผยสาเหตุ 'รถไฟฟ้าสายสีเหลือง' ชิ้นส่วนรางนำไฟฟ้าร่วง คมนาคมขู่พิจารณาสัมปทาน

จากกรณี วานนี้ (28 มี.ค. 67) เวลาประมาณ 08.30 น. เกิดเหตุอุปกรณ์รางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองร่วง จนขบวนรถไฟฟ้าต้องจอดกลางทาง ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ มีเสียงระเบิดดังสนั่น ก่อนจะมีเศษวัสดุตกจากรางรถไฟฟ้าช่วงระหว่างสถานีกลันตัน - สถานีศรีอุดม

จากนั้น นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายสุมิตร ศรีสันติธรรม ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) // การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) // กรมการขนส่งทางราง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรุ ดตรวจสอบตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น.

ต่อมา เวลาประมาณ 13.00 น. นายสรวุฒิ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า ได้รับรายงานเหตุจาก กรมการขนส่งทางราง (ขร.) และ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ว่า เมื่อเวลา 08.30 น. ตรวจสอบพบว่า รางนำไฟฟ้า (conductor rail) ซึ่งเป็นพลาสติก และพบว่า บางชิ้นเป็นอะลูมิเนียม มีขนาดประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งอยู่ฝั่งด้านในของคานทางวิ่ง ที่ติดกับทางเดินตรงกลาง ระหว่างสถานีกลันตัน-ถึงสถานีศรีอุดม ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสถานีสำโรง หล่นบนคานทางวิ่ง  และมีอะไหล่ตัวยึดรางหล่นลงบนพื้น จึงจำเป็นต้องหยุดให้บริการเดินรถทั้งระบบเป็นการชั่วคราว โดยสรุปได้ว่า สถานีที่เศษวัสดุหล่นมีทั้งหมด 5 สถานี ความยาวรวม 5.46 กม.

ทีมข่าวได้ภาพที่แสดงเห็นว่า ชิ้นส่วนใดที่หล่นลงเต็มพื้นถนน โดยจะเห็นว่ามีรางนำไฟฟ้า หรือท่อนำไฟฟ้า ซึ่งเป็นเหล็ก ซึ่งปกติแล้วจะติดอยู่กับตัวยึดรางนำไฟฟ้า ตัวยึดตัวนี้จะมีคลิปล็อกที่จะยึดตัวรางนำไฟฟ้าให้อยู่เป็นเส้นตรง  แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลให้รางนำไฟฟ้าหล่นลงมาจากตัวยึด

ส่วนชิ้นส่วนที่หล่นบนพื้นคือ ตัวคลิปสีเทาที่ยื่นออกมา และตัวคลิปล็อกที่เป็นสีดำ ซึ่งเป็นพลาสติกสีดำ แต่ที่มีอลูมิเนียมหล่นมาด้วยนั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นวัสดุอะไร

ส่วนกรณีมีการเผยแพร่ภาพในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นภาพมีเส้นเหล็กบางอย่างโค้งงอ พร้อมบอกว่า “สรุป รถไฟฟ้าสายสีเหลืองวันนี้ รางหลุด” ประเด็นนี้ทีมข่าวได้รับการยืนยันจากนายสรวุฒิ ว่า ภาพดังกล่าวที่มีเส้นเหล้กโค้งงอ ไม่ใช่รางรถไฟ แต่เป็นรางนำไฟฟ้า ไม่มีผลกับการเดินรถ ซึ่งเหล็กที่งอตรงนี้ เกิดจากที่มีแรงภายนอกมากระทำ ไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของชิ้นส่วน ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างตรวจสอบโดยละเอียด

นอกจากนี้ยังมีอีกชิ้นส่วน ซึ่งเป็นเหล็กขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายหวี มี 5 ซี่ แต่ว่าตกลงมาบนพื้นถนนในลักษณะเหลือเพียง 4 ซี่ หลายคนตั้งคำถามว่านี่อาจจะเป็นต้นตอของสาเหตุที่แท้จริงหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลทีมข่าวว่า ประเด็นชิ้นส่วนหวีชิ้นนี้ กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยละเอียด

นายสรวุฒิ ยังกล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้รับสัมปทานฯ ได้ดำเนินการอพยพผู้โดยสารจากขบวนรถลงสู่ทางเดินกลางทางวิ่งจาก 2 ขบวนที่อยู่ตรงกลางทาง ไปที่สถานีศรีอุดม และสถานีศรีนุช โดยเริ่มอพยพ เมื่อเวลา 09:11 น. และอพยพแล้วเสร็จเมื่อเวลาประมาณ 09.30 น.

พร้อมทั้งได้ประสาน องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อเตรียมรถโดยสารรับ-ส่ง ผู้โดยสารตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง

โดยในเบื้องต้น ขสมก. ได้เตรียมจำนวนรถเพิ่มไว้ในช่วงเช้าประมาณ 10-15 คัน และช่วงเย็นประมาณ 10 คัน เนื่องจากว่า การปิดการเดินรถจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่สัญจรด้วยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งเฉลี่ยแต่ละวันพบว่ามีประมาณ 40,000 คน

ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบ ยืนยันว่า บริษัท อีสเทิร์นบางกอก โมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้รับสัมปทาน จะต้องดูแลรับผิดชอบเยียวยา และค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม หากประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว สามารถไปดำเนินการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสามารถประสานรับการเยียวยาได้เต็มที่

นายสรวุฒิ กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ไปดำเนินการวิเคราะห์หาสาเหตุร่วมกับ รฟม. ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบราง และผู้รับสัมปทาน เพื่อหาแนวทางการป้องกันต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความมั่นใจต่อผู้ใช้บริการ กรมการขนส่งทางราง (ขร.) จึงประสาน รฟม. และผู้รับสัมปทานเดินรถไฟฟ้า หยุดให้บริการจนถึงเวลา 24.00 น. เพื่อตรวจสอบ และแก้ไข ให้มีความมั่นคงแข็งแรงต่อไป

อีกทั้งให้ประสาน ขสมก. จัดรถให้บริการรองรับผู้โดยสารตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ตามที่กล่าวไป

เมื่อถามถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากอะไร เนื่องจากประชาชนที่ประสบเหตุ และเห็นเหตุการณ์ และระบุว่า มีเสียงดังคล้ายระเบิดเกิดขึ้นก่อนจะมีวัสดุร่วงหล่นลงมา นายสรวุฒิ บอกว่า ยังไม่ขอด่วนสรุป เพราะเป็นปัญหาใหญ่ และมีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน อีกทั้ง ขณะนี้ รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้ส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบ และจะมีการนำวิศวกรจากต่างประเทศ ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน ให้เดินทางมาตรวจสอบอย่างเร่งด่วน

นายสรวุฒิ ยังกล่าวว่า เสียงดังที่เกิดขึ้นคิดว่าไม่ใช่การระเบิด แต่เป็นการร่วงหล่นแล้วเกิดความเสียงดัง หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นเสียงระเบิด แต่เป็นความบกพร่องของชิ้นส่วน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องแก้ไขต่อไป

ส่วนประชาชนที่ได้รับความเสียหายทั้งทรัพย์สิน และร่างกาย ผู้รับสัมปทานต้องเป็นคนเยียวยาทั้งหมด 100% ไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะเป็นสิ่งที่ผู้รับสัมปทานบกพร่อง และมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้นในการบริการประชาชนสำหรับขนส่งมวลชนขนาดใหญ่

ทั้งนี้ ทางกระทรวงคมนาคมมีการตรวจสอบบริษัทผู้รับสัมปทาน ค่อนข้างเข้มงวดอยู่แล้ว แต่อุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องคิดต่อไปคือ เราจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

เมื่อถามว่า ในปีนี้ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเคยเกิดเหตุล้อรถไฟล่วงใส่รถแท็กซี่ เมื่อเดือน ม.ค. 67 รวมถึงเหตุการณ์ล่าสุด หลายคนกังวลเรื่องความปลอดภัย นายสรวุฒิ กล่าวว่า “เมื่อกี้ ผมขับรถมาก็ลุ้นเหมือนกัน กลัวของตกใส่ ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในใจพวกเราอยู่แล้วว่า ทางกระทรวงฯ ต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ และต้องเข้มงวดกับผู้รับสัมปทาน เพราะพี่น้องประชาชนไม่สบายใจ

ถามว่า จะมีการเอาผิดผู้รับสัมปทานหรือไม่นั้น นายสราวุฒิ ยืนยันว่า ต้องมีการพิจารณาเอาผิดอย่างแน่นอน แต่อาจยังไม่ถึงขั้นตัดสิทธิ์การประมูล เพราะต้องให้โอกาสชี้แจงด้วย แต่เบื้องต้น ตามนโยบายของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม มีเรื่องของสมุดพกตัดคะแนนอยู่แล้ว ซึ่งอาจส่งผลต่อเรืองการประมูลในอนาคต

ทั้งนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เน้นย้ำด้านความปลอดภัยสูงสุด และสั่งการว่า จะต้องไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

และยังได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องดำเนินการทุกกระบวนการอย่างละเอียด โดยหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก จะพิจารณาถึงสัญญาสัมปทานของโครงการฯ และบทลงโทษที่ระบุไว้ เนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อประชาชน และความปลอดภัยในการเดินทาง

-------------

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า แผ่นเหล็ก (Finger Plate) ที่ติดตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของทางวิ่ง (Expansion Joint) ได้มีการเลื่อนออกจากตำแหน่ง เมื่อขบวนรถเคลื่อนที่ผ่าน ทำให้แผ่นเหล็กดังกล่าวเคลื่อนตัวไปกระแทกรางจ่ายกระแสไฟฟ้าหลุดออกจากตำแหน่ง ระหว่างสถานีกลันตัน (YL12) – สถานีศรีอุดม (YL16)
-------------