เปิดใจคนเจ็บ รฟฟ.สีเหลืองขัดข้องวัตถุร่วงใส่ บอกไม่พร้อมใช้อย่าเปิด - สาวเปิดคลิป จนท.พาเดินบนรางกลับสถานี

ระทึกกลางกรุง! รถไฟฟ้าสายสีเหลือง เกิดเสียงดังสนั่น ก่อนพบเศษวัตถุหล่นเกลื่อนถนน  พบ ปชช.ได้รับผลกระทบ 14 ราย เจ็บ 2 ราย คนเจ็บเล่านาทีเกิดเหตุ บอกเกิดเสียงดังสนั่นคล้ายระเบิด ด้าน ปชช. ติดบนรถไฟฟ้าเล่านาทีเกิดเหตุ  ก่อน จนท. พาเดินบนรางไปยังสถานี ด้าน จนท. เผย เดินบนราง ปลอดภัย ชี้ เป็นแผนรองรับในสถานการณ์ฉุกเฉิน

วานนี้ (28 มี.ค.67) เวลาประมาณ 08.30 น. มีรายงานว่าเกิดเหตุอุปกรณ์รางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองร่วง จนขบวนรถไฟฟ้าต้องจอดกลางทาง ซึ่งยังคงจอดต่อไปจนกว่าจะตรวจสอบเสร็จ และก่อนเกิดเหตุพบว่ามีเสียงระเบิดดังสนั่น ก่อนจะมีเศษวัสดุตกจากรางรถไฟฟ้าช่วงสายสถานีกลันตัน - ศรีอุดม ส่งผลให้ประชาชนที่สัญจรไปมา ได้รับผลกระทบ 14 คน โดยพบว่ามีรถยนต์ได้รับความเสียหาย 12 คัน ส่วนใหญ่ถูกเศษวัสดุ หล่นใส่บริเวณหลังคารถ  กระโปรงรถ  และกระจกรถได้รับความเสียหายแตกและเป็นรอย ส่วนเจ้าของรถทั้ง 12 คันนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บ

ส่วนอีก 2 รายเป็นหญิงทั้ง 2 ราย ขับรถจักรยานยนต์ผ่านจุดเกิดเหตุได้รับบาดเจ็บ รายแรก ถูกวัสดุตกใส่บริเวณศีรษะ ส่วนอีกรายถูกวัสดุตกใส่บริเวณไหล่ซ้าย  ซึ่งทั้งหมดนี้หอบหลักฐานที่เป็นเศษวัสดุที่หล่นลงมาจากรางรถไฟฟ้าเข้าลงบันทึกประจำวันที่ สน.ประเวศแล้ว

โดยหลังจากเกิดเหตุนี้ เวลา 09.01 น. เพจเฟซบุ๊ก “รถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง” ชี้แจงทันทีว่า รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลืองเกิดเหตุขัดข้อง  ขณะนี้ปิดให้บริการชั่วคราวทุกสถานี เจ้าหน้าที่เร่งทำการแก้ไข ผู้โดยสารโปรดพิจารณาการเดินทาง ขออภัยในความไม่สะดวกครับ

 ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดบริเวณแยกสวนหลวงใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ระหว่างสถานีศรีนุช-กลันตัน บันทึกภาพเหตุการณ์ช่วงเวลา 08.30.20 น. จะได้ยินเสียงดังสะนั่นคล้ายเสียงระเบิด ซึ่งตรงกับที่ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าเสียงดังมากเช่นเดียวกัน

หลังจากเกิดเสียงดังขึ้นตามคำบอกเล่าของประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ ก่อนที่จะมีเศษวัสดุหล่นจาก รางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ทีมข่าวได้พูดคุยกับ 1 ในคนที่ได้รับบาดเจ็บคือ นางสาวอมรรัตน์ เสนา หรือคุณหมู อายุ 30 ปี เล่าให้ฟังว่า วานนี้ (28 มี.ค.67) ประมาณ 08.30 น. ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนศรีนครินทร์ เลยสถานีศรีนุช และกำลังจะรอยูเทิร์นรถไปบริษัท  จู่ๆ มีวัตถุบางอย่างร่วงลงมาโดนศีรษะ แต่ก่อนที่จะมีวัตถุหล่นลงมาได้ยินเสียงดัง คล้ายระเบิด  ตอนเกิดเหตุตกใจมากขนาดนั้นไม่รู้ว่าเป็นวัตถุอะไร แต่รู้แค่ว่ามันคือของแข็งหล่นใส่ศีรษะ ตอนนั้นรู้สึกเจ็บและชามาก แต่ว่าไม่สามารถจอดรถได้พบมีรถขับตามหลังมา ตนจึงตัดสินใจขับรถยูเทิร์นไปบริษัทเนื่องจากว่าอยู่อีกไม่ไกลเพื่อไปสแกนหน้าที่ทำงาน

พอมาถึงตนก็สอบถาม รปภ. ของบริษัทว่าเกิดอะไรขึ้นก็จะรับคำตอบว่ามี อะไรบางอย่างหล่นมาจากข้างบนจากนั้นตนจึงเปลี่ยนเป็นรถยนต์ขับไปดูตรงจุดเกิดเหตุก่อนจะเห็นว่ามีวัตถุซี่งบางส่วนเป็นเหล็ก บางส่วนเป็นพลาสติกหล่นเกลื่อนพื้น  แต่เท่าที่สัมผัสไม่ได้หนักมากแต่พอหล่นใส่ร่างกายเราก็ทำให้บาดเจ็บได้ ตอนแรกตนไม่คิดเลยว่าเป็นวัตถุที่โหลดมาจากรางรถไฟฟ้า  แต่คิดว่าเป็นอุบัติเหตุรถชนกันแล้วมีอะไรบางอย่างกระเด็นมาโดน จากนั้นได้กลับมาที่ทำงาน เห็นว่าศีรษะเริ่มปูด เพื่อนๆในที่ทำงานเลยให้รีบไปเอกซเรย์ ทำซีทีสแกน ตนจึงไปโรงพยาบาล ก่อนจะมาลงบันทึกประจำวัน

ทั้งนี้ ยอมรับว่า ตนต้องใช้เส้นทางดังกล่าวทุกวัน จึงค่อนข้างกลัว และที่ผ่านมาก็พยายามระมัดระวัง เพราะกรณีนี้ไม่ใช่เคสแรก ที่เกิดกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง  ก่อนหน้านี้ระหว่างสร้างก็มีเกิดขึ้นมีเหล็กร่วงหล่นลงมาเช่นกัน  ตอนนี้กังวลเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างมาก จากนี้หากขับรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกทุกวันแล้ว

พร้อมกันนี้แต่ไม่รู้จะฝากอะไรถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะมองว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก  ควรป้องกันเรื่องความปลอดภัยมากกว่านี้ หากยังไม่พร้อมก็ควรไม่เปิดใช้งาน เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาเจ็บตัวไม่พอเราต้องเสียเวลาด้วย  ขนาดเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นชิ้นส่วนชิ้นเล็กแล้วหากเป็นชิ้นส่วนใหญ่จะเป็นอย่างไรกับชีวิตของคนๆ นึง ต้องมาจบชีวิตเพราะแบบนี้มองว่ามันไม่ใช่

ขณะที่ผู้บาดเจ็บอีกราย คือ น.ส.จารุวรรณ ทิพย์ดี อายุ 25 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บบริเวณไหล่ซ้าย เนื่องจากถูกวัตถุร่วงหล่นลงมาใส่ เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนขี่รถจักรยานยนต์และจอดติดไฟแดงอยู่ เมื่อไฟเขียวก็ออกรถ และเบี่ยงซ้าย  ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิด ก่อนที่จะมีเศษวัตถุบางอย่างหล่นลงมาใส่จำนวนหลายชิ้น แต่เนื่องจากว่าตนใส่หมวกกันน็อคและเสื้อคลุม ทำให้วัตถุดังกล่าวตกใส่ไหล่จนรู้สึกเจ็บ  จากนั้นจึงรีบจอดรถดู เห็นชิ้นส่วนจำนวนมากตกลงมายาวตลอดแนวไกลพอสมควร

หลังเกิดเหตุตนเองไปโรงพยาบาลแล้ว แพทย์ระบุว่าเอ็นไหล่อักเสบ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก โดยให้หยุดงานรักษาตัวก่อน ซึ่งตนเองก็ยังรู้สึกเจ็บและมีอาการชา พร้อมยอมรับว่าก่อนหน้านี้ก็รู้สึกกลัวอยู่แล้ว เพราะต้องขับรถเส้นทางดังกล่าวทุกวัน หลังเกิดเหตุก็กลัวมากกว่าเดิม ตอนนี้ยังตกใจ พลางคิดว่าถ้าตนเองไม่ได้สวมหมวกกันน็อคไว้ก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ อาการน่าจะแย่ เพราะวัตถุดังกล่าวหล่นลงมามากพอสมควร

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับคนที่รถยนต์เสียหาย ซึ่งเหตุการณ์นี้มีรถยนต์เสียหายทั้งหมด 12 คันส่วนใหญ่กระจกหน้ารถแตก หลังคารถและกระโปรงรถเป็นรอย โดยหนึ่งในนั้น คือ น.ส.กัญฐมณี สุคะมะโนช (คนขับรถผู้เสียหาย)  ซึ่งเดินทางเข้ามาลงบันทึกประจำวันพร้อมคุณแม่ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุมีเศษอะไรเล็กๆบางอย่างหล่นลงมาใส่หน้ารถ ก่อนจะมีชิ้นส่วนซึ่งตนคาดว่าน่าจะมาจากชิ้นส่วนของรถไฟฟ้าหล่นหลงมาอีก แต่ตอนที่เกิดเหตุตนไม่ได้ยินเสียงอะไร แต่เก็นได้ว่ามีชิ้นส่วนบางอย่างตกลงมารัวๆอย่างกับลูกเห็บ เยอะมากๆ ซึ่ง รถของตนได้รับความเสียหายกระจกรถบริเวณคนขับแตก และช่วงกระโปรงหน้ารถที่เป็นรอย

ตอนเกิดเหตุตกใจมาก ไม่คิดว่าจะมีอะไรตกลงมาเพราะเป็นเส้นทางที่ใช้สัญจรบ่อย  ทั้งนี้ในความรู้สึกตัวเองมองว่าเป็นชิ้นส่วนที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งมันน่ากลัวมาก ซึ่งความแรงที่ตกลงมากลัวว่าจะทะลุเข้ามาในรถเหมือนกัน  และหากขณะนั้นเป็นช่วงที่ทุกคนขับรถเร็วกันหมดคาดว่าน่าจะเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นอีก  พร้อมกันนี้ขอฝากบอกผู้ที่เกี่ยวข้องว่าน่าจะเซฟความปลอดภัยให้มากกว่านี้ แล้วอยากให้มารับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งเสียทรัพย์สินไม่พอเดี๋ยวเดือนก็มาเสียงาน  และที่สำคัญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตของเรา

ด้านนางแสงดาว นะนาวัง แม่ผู้เสียหาย กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลูกสาวตกใจ และร้องไห้หนักมาก  จนต้องเข้ามาดูลูกว่าเป็นอะไรหรือไม่  ซึ่งพอเรารู้เหตุการณ์ก็มานึกย้อนทีหลังว่าหากวัตถุดังกล่าวหล่นลงมาใส่ตาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้คุยกับ น.ส.ปิยะธิดา ภูคลองตา อายุ 32 ปี หรือคุณปลา หนึ่งในผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากรถไฟฟ้าสายเหลืองขัดข้อง และติดอยู่บนรถไฟฟ้าก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่พาเดินบนรางเข้าสถานี ซึ่งคุณปลาได้ส่งคลิปเหตุการณ์ขณะนั้นให้ทีมข่าว

จากคลิปจะเห็นได้ว่าเป็นช่วงเวลาประมาณ 08.36 น. รถไฟฟ้าได้จอดค้างระหว่างจะมุ่งหน้าไปสถานีศรีอุดมแล้ว ซึ่งเธอเดินมาจากสถานีสวนหลวง ร.9  หลังจากรถไฟฟ้าเกิดความขัดข้องได้มีการประกาศ “กำลังดำเนินการแก้ไขกรุณารอสักครู่ ขออภัยในความไม่สะดวก” จากนั้น มีเจ้าหน้าที่ของรถไฟฟ้า ได้มีการนำ บันไดออกมา และเอาบันไดมาเทียบกับประตูรถไฟฟ้า ก่อนที่จะค่อยๆ ลำเลียงผู้โดยสารเดินเท้า แล้วเดินไปไปตามรางรถไฟฟ้า เพื่อเดินไปยังสถานีศรีอุดม  ซึ่งระหว่างเดินมีการแซวๆกันในกลุ่ม “เป็นผู้ประสบภัย”

จากนั้นคุณปลา เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุขบวนรถไฟที่ตนใช้บริการเคลื่อนออกจากสถานีสวนหลวง ร.9 ซึ่งพอถึงระหว่างทางตนเองได้ยินเสียงดังขึ้นเหมือนรถไฟตกราง  ก่อนที่รถไฟจะค่อยๆหยุด จากนั้นตนกับเพื่อนเห็นน็อตของรถไฟร่วงไปบริเวณราง

ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีความตกใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามตั้งสติ ซึ่งเท่าที่สังเกตผู้โดยสารคนอื่นๆก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรมาก จากนั้นมีการประกาศแจ้งบรรถไฟว่ารถไฟฟ้าขัดข้อง ทำให้ตนเองและผู้โดยสารคนอื่นๆต้องรออยู่บนรถไฟประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง  ก่อนเจ้าหน้าที่จะมาช่วยเหลือและ แนะนำวิธีใช้เส้นทางฉุกเฉิน ด้วยวิธีการเดินบนรางเพื่อไปยังสถานีศรีอุดมซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุด

ส่วนช่วงที่ตนและผู้โดยสารรออยู่บนรถไฟขณะขัดข้อง ตอนนั้นระบบไฟฟ้าไม่ทำงาน และเครื่องปรับอากาศก็ดับ แต่เจ้าหน้าที่จะเปิดช่องลมของรถไฟเพื่อระบายอากาศแทน ซึ่งผู้โดยสารที่อยู่บนรถไฟก็ถือว่าเยอะแต่ไม่ถึงขั้นแออัด

ส่วนจังหวะที่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะต้องลงจากรถไฟและเดินบนรางไปยังสถานีศรีอุดม ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกกลัว เพราะมีความรู้สึกอยากออกจากรถไฟมากกว่า และระยะทางการเดินจากขบวนรถไฟมายังสถานีศรีอุดมส่วนตัวคิดว่าน่าจะเกือบ 1 กิโลเมตร ส่วน ช่วงที่เดินวนรางรถไฟก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเช่นกันเพราะก็ทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

นางสาวปิยะธิดา บอกอีกว่า ปกติตนเองไม่ได้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นประจำ แต่วันนี้ไม่ได้ขับรถส่วนตัวมาทำงานจึงได้ขึ้นรถไฟฟ้า ซึ่งตนเองขึ้นมาจากสถานีบางกะปิ ปลายทางคือสถานีศรีเอี่ยม ส่วนหลังจากนี้ตนเองยืนยันว่าก็ยังจะกล้าขึ้นรถไฟฟ้าสายสีเหลืองอยู่ เพียงแต่ขอให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยทั้งขบวนรถไฟและเจ้าหน้าที่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนมากกว่านี้

ส่วนกรณีที่ประชาชนเดินบนรางหลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ ยืนยันว่า ปลอดภัยเนื่องจากว่าอยู่ในแผนอพยพในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามประชาชน  อยู่ดีๆจะไปเดินอยู่บนรางไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ และต้องอยู่ในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินจริงๆ

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/JJuyRMgRCB4