สังคม

ครูสุดทน! แฉพฤติกรรมผอ.เพิ่มอีก ใช้ห้องทำงานเป็นเหมือนบ้าน-นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวลงมาห้องน้ำ

โดย gamonthip_s

19 มี.ค. 2567

12.2K views

ความคืบหน้าพฤติกรรมของผู้อำนวยการโรงเรียน เบิกเงินงบประมาณของโรงเรียนมาใช้จ่ายส่วนตัว และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายอย่าง โดยเฉพาะมีการวีดีโอคอลสยิวกับสาวแล้วไม่จ่ายเงิน จนฝ่ายหญิงมาประจานเรื่องดังกล่าวที่เพจเฟซบุ๊กของโรงเรียน จนกระทั่งเรื่องราวปรากฎในสื่อต่างๆ และล่าสุดทางผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 4 ได้สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว



ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 มี.ค.2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่โรงเรียนดังกล่าว ซึ่งได้พบกับ นายเจษฎา ตันติบัญชาชัย นายกเทศมนตรี ต.เขื่อนอุบลรัตน์ ลงพื้นที่มาให้ขวัญกำลังใจครูผู้สอนในโรงเรียน ที่เป็นผู้ที่ถูกกระทำ และรู้ถึงพฤติกรรมของผู้อำนวยการโรงเรียน และได้ร้องเรียนเข้ามาที่เทศบาลตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นในพื้นที่ จนทำให้ครูและผู้ปกครองเกิดความเป็นห่วงลูกหลาน เพราะต้องพบอเจอหน้า ผอ.ทุกวันที่มาโรงเรียน



พร้อมทั้งพาผู้สื่อข่าวดูห้องทำงานผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งปิดล็อกกลอนเอาไว้ โดยครูในโรงเรียนเปิดเผยว่า ผอ.ใช้เป็นห้องพักอาศัยหลับนอน อยู่กินภายในโรงเรียน ตั้งแต่มาดำรงตำแหน่ง และมีรองเท้าวางอยู่หน้าประตูห้อง ผอ. 3 คู่ โดยครูยืนยันว่าเป็นรองเท้าของผอ. ซึ่งในห้องทำงานผอ.นั้น ครูในโรงเรียนบอกว่า ผอ.ได้ทำการติดแอร์เพิ่ม และมีการดื่มเหล้าทุกวัน จะมีครูบางส่วนที่เป็นเสมือนบริวารคอยซื้อเหล้าให้ ดื่มกินกันในนี้ด้วย และด้านล่างชั้น 1 เป็นห้องน้ำในห้องเรียนชั้นระดับอนุบาล โดยผอ.จะมาใช้ห้องน้ำนี้เป็นประจำ และคลิปที่มีการเผยแพร่ในสื่อนั้น ก็เป็นห้องน้ำห้องนี้ และบางครั้งเวลาที่ผอ.มาอาบน้ำ โดยเดินลงมาจากชั้น 2 ห้องทำงาน นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว บางครั้งนุ่งกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียวเข้าห้องน้ำตอนเช้า เพื่ออาบน้ำแต่งตัวเตรียมทำงาน และนอกจากนี้ยังมีห้องเรียนที่ชั้น 1 ของอาคารเรียนเป็นอาคารติดกันกับอาคารห้องทำงานผอ.รร. โดยคุณครูผู้สอนบอกว่าผอ.ทำเป็นห้องพักของลูกสาว ซึ่งมาพักอาศัยอยู่กับแฟน แต่พอหลังจากมีข่าวประมาณ 20.00 น. ผอ.ได้ขนย้ายข้าวของทั้งหมดออกไปแล้ว จะเหลือรองเท้า 3 คู่ และยาสีฟันอยู่ในห้องน้ำ ส่วนห้องทั้งหมดทำการล็อกกุญแจเอาไว้ ไม่สามารถเปิดเข้าไปดูได้




นายเจษฎา ตันติบัญชาชัย นายกเทศมนตรีตำบลเขื่อนอุบลรัตน์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้น มีผู้ปกครองและครูในโรงเรียนร้องเรียนมาหลายคน และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นนานแล้ว โดยที่ผ่านมาตนเองได้ทำการตรวจสอบทั้งหมด และพบว่าข้อมูลเอกสารหลักฐานที่มีการยื่นข้อร้องเรียนไปที่เขตนั้น เป็นเรื่องจริงทั้งหมด และจากการตรวจสอบทั้งหมดนั้น ในฐานะที่ตนเองดูแลพื้นที่นี้อยู่ รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ยังได้เช็กประวัติไปยังโรงเรียนเก่าที่ผอ.เคยดำรงตำแหน่ง 2 แห่ง ต่างมีพฤติกรรมเช่นเดียวกันนี้ กระทั่งมาที่ อ.อุบลรัตน์ ก็เกิดเรื่องในลักษณะเช่นเดิมขึ้น และเรื่องดังกล่าวนั้น ตนเองมองว่าการดำเนินการตรวจสอบของเขตพื้นที่การศึกษาล่าช้าอย่างมาก ทั้งที่มีเรื่องร้องเรียนไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้ทางเขตพื้นที่การศึกษาจะต้องย้าย ผอ.คนนี้ออกจากพื้นที่ไป และห้ามกลับเข้าพื้นที่อย่างเด็ดขาด เพราะตนเองรวมทั้งผู้ปกครองต่างมองว่าควรคำนึงถึงขวัญ และกำลังใจของผู้ที่ทำงานอยู่ร่วมกับผอ.คนนี้ และทำการตรวจสอบดำเนินการเอาผิดตามขั้นตอน แต่เรื่องการย้ายออกนอกพื้นที่นั้น ถือเป็นเรื่องที่ควรทำตอนนี้มากที่สุด และควรทำทันทีไม่เช่นนั้นถือว่าเป็นการละเลย



ด้านครูในโรงเรียน ซึ่งขอปกปิดชื่อ ให้สัมภาษณ์ เล่าพฤติกรรมของผอ.ว่า เรื่องคลิปนั้น ก่อนหน้านี้ ฝ่ายหญิงทักเพจของโรงเรียนมาว่าเราจะยอมให้โรงเรียนมีผู้อำนวยการโรงเรียนแบบนี้หรือ ที่จะมาอยู่ในสังคมแบบนี้มันได้เหรอ ก่อนที่จะมีการพูดคุยกัน โดยบอกว่าเป็นเยาวชน และมีคลิปอนาจาร ซึ่งส่งมาทีละหลายคลิป ตนเองสอบถาม ผอ.แล้ว ว่าจะแจ้งความไหม แต่ผอ.บอกไม่ต้องทำอะไร และก็มีคลิปส่งมาเรื่อยๆ ผู้อำนวยการไปเข้ากลุ่มเซ็กส์โฟน แล้วสำเร็จความไคร่แต่ไม่ยอมจ่ายเงิน ซึ่งมี 2 ครั้งที่ใช้บริการ แต่ส่งมา 5 คลิป และมีการลบออกไปเหลือบางส่วน



ตอนนี้ครูทุกคนรู้สึกไม่ปลอดภัย เราทนมา 1 ปี เหมือนทนมา 10 ปี ไม่มีกระจิตกระใจจะทำงาน หลังจากคณะกรรมการไปร้องเรียนที่เขต พอเขตลงพื้นที่มา ทางผอ.ได้บอกครูที่จะให้ข้อมูลกับเขตให้พูดตามที่ผอ.บอก แถมยังมาข่มขู่ครูในโรงเรียนอีกว่า ใครอยากย้ายไปทำงานที่เขตให้บอกจะเซ็นให้ ตอนนี้จึงอยู่ด้วยความหวาดกลัว เวลาจะเข้าโรงเรียนต้องโทรนัดเดินเข้าพร้อมกัน ตอนนี้สุดจะทน นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมอื่นๆ กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนที่มีในข่าว เป็นโรคจิตคลั่งทำร้ายเด็กทำร้ายครู เรื่องต่างๆนี้เราได้แจ้งร้องเรียนไปตามขั้นตอน โดยคำนึงที่เขตก่อน แต่เมื่อเขตได้รับข้อมูลผิดๆไปจากครูที่ผอ.สั่งให้พูดตาม เพื่อให้ข้อมูลกับทางคณะกรรมการเขตที่ลงมาได้นำข้อมูลดังกล่าวไปดำเนินการตามขั้นตอน ทำให้ครูทุกคนต้องหาที่พึ่งคือทางอำเภอ และนอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมอื่นๆ ทั้งเรื่องงบประมาณโรงเรียน เงินสหกรณ์ที่ไม่โปร่งใส และเรื่องที่มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของผอ.นั้น ซึ่งเรื่องส่วนตัวไม่ควรเกิดขึ้นในโรงเรียน


เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 19 มี.ค. 67 ที่ห้องประชุมโรงเรียนอนุบาลอุบลรัตน์ อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น นายชาญกฤต น้ำใจดี ผู้อำนวยการสำนักงานพื้นที่การประถมศึกษาขอนแก่นเขต 4 ได้เข้าพบ และหารือกับคณะครูโรงเรียนอนุบาลอุบลรัตน์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชาวบ้าน เพื่อรับทราบเรื่องการร้องเรียน ถึงการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสของผู้อำนวยการโรงเรียน ในการบริหารที่ไม่โปร่งใส และรวมทั้งการแชตโชว์อวัยวะเพศในกลุ่มลับ จนทำให้มีการส่งข้อความเข้ามายังแอดมินเพจโรงเรียน ทำให้ต้องมีการลงพื้นที่มาตรวจสอบพร้อมทำความเข้าใจ กับทางบุคลากรของโรงเรียน และชาวบ้าน



นายชาญกฤต น้ำใจดี ผู้อำนวยการสำนักงานพื้นที่การประถมศึกษาขอนแก่นเขต 4 กล่าวว่า ทางสำนักงานเขตฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนกรรมการ สถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลอุบลนรัตน์ไปยื่นเรื่อง หลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนิติกร นำเรื่องร้องเรียนไปสรุป พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบข้อเท็จจริง โดยวันนี้มีหนังสือสั่งการ ที่มีคำสั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้เข้าไปช่วยราชการที่สำนักงานพื้นที่การประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 แล้ว ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นจะใช้ระยะ 15 วัน ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยจะไม่ให้ทางโรงเรียน ได้รับผลกระทบจากการที่มีเรื่องร้องเรียน



ส่วนหลังจากสรุปผลการตรวจสอบครบ 15 วัน จะไม่ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนกลับมาปฎิบัติงานที่เดิมอีก แต่จะได้ให้ไปเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งอื่นแทน ซึ่งจะเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานพื้นที่การประถมศึกษาขอนแก่นเขต 4 เท่านั้น เนื่องจากตำแหน่งผู้อำนวยการเป็นตำแหน่งผู้บริหารจึงจะต้องมีการย้ายสลับกับตำแหน่งเดียวกัน ซึ่งผู้อำนวยการคนใหม่ของโรงเรียนอนุบาลอุบลรัตน์ จะต้องบริหารงานให้โรงเรียนเกิดความสงบสุข ดูแลบุตรหลานของผู้ปกครองที่ส่งลูกเข้ามาเรียนได้ เมื่อได้ข้อสรุปจะส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา หรือ ก.ค.ศ. ได้มีคำสั่งทำการย้ายในกรณีพิเศษ เพื่อประโยชน์ของทางราชการต่อไป ซึ่งการโยกย้ายผู้อำนวยการตนเองสามารถใช้มาตรา 53 ในการโยกย้ายได้ทันที เพราะมีอำนาจในการโยกย้ายแต่จะต้องคำนึงทั้งสองฝ่าย จะต้องได้รับความยุติธรรมในการโยกย้าย โดยจะไม่สามารถให้ใครชี้นำบุคคลที่จะมาเป็นผู้อำนวยการคนใหม่ได้

คุณอาจสนใจ

Related News