สังคม

ครูตบกกหูเด็ก ม.1 เยื่อแก้วหูขวาทะลุ-ไม่ได้ยินเสียง อ้างไม่มีเจตนาทำร้าย ต้องการให้มีระเบียบวินัย

โดย passamon_a

15 มี.ค. 2567

623 views

ครูฝ่ายปกครองลงโทษตบกกหูขวานักเรียน ม.1 เยื่อแก้วหูขวาทะลุ จนเลือดไหล เหตุเข้าแถวช้าแต่งตัวผิดระเบียบ ปวดหู หูดับไม่ได้ยินเสียง ถ้าไม่ดีขึ้นต้องผ่าตัด กล่าวหาเด็กยุ่งเกี่ยวยาเสพติด พ่อแม่แจ้งความทำร้ายร่างกาย เผยมีนักเรียนอีก 3 คน โดนตบหัว ด้านครูเสียใจอ้างไม่ได้ใช้ความรุนแรง ไม่มีเจตนาทำร้ายเด็ก ต้องการให้มีระเบียบวินัย


เมื่อวันที่ 14 มี.ค.67 ผู้ปกครองของเด็กชายอายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 พาลูกชายเข้าร้องเรียนต่อ นางปวีณา หงกสุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าลูกชายถูกครูผู้ชายฝ่ายปกครองโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ลงโทษตบกกหูขวาอย่างแรงจนเลือดไหลออกจากใบหู และมีอาการปวดหู หูดับไม่ได้ยินเสียงจึงไปตรวจที่โรงพยาบาลพบว่าเยื่อแก้วหูขวาทะลุ และมีเพื่อนของลูกชายอีก 3 คน โดนตบศีรษะ เหตุเข้าแถวช้าแต่งตัวผิดระเบียบ  


นักเรียนชายวัย 13 ปี เล่าว่า ช่วงเช้าวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ตนเองกับเพื่อนนักเรียนชายอีก 3 คน ไปโรงเรียนเวลา 08.10 น. ระหว่างจะเดินไปเข้าแถว ครูฝ่ายปกครองขี่รถมาเจอถามว่า “ทำไมพวกมึงยังไม่เข้าแถวกัน” ตนตอบว่า “ผมเพิ่งมาถึงโรงเรียนครับ” จากนั้นครูฝ่ายปกครองพูดว่า “มา ๆ ตบคนละทีก่อนแล้วค่อยไปเข้าแถว” โดยเพื่อน 3 คนโดนตบศีรษะ ส่วนตนถูกครูฝ่ายปกครองตบที่กกหูอย่างไร


จากนั้นตนมีอาการหูอื้อปวดมากและมีเลือดไหลออกจากในหู จึงนำกระดาษทิชชู่มาเช็ดอุดหูไว้ไม่ให้เลือดไหล และมีรอยบวมแดงปูดขึ้นมา พอกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านรู้สึกปวดหูจนทนไม่ไหว จึงบอกแม่ว่าพรุ่งนี้ช่วยลาครูที่โรงเรียนให้ด้วยเพราะคงไปโรงเรียนไม่ไหว หลังพ่อแม่ทราบเรื่องจึงได้พาลูกชายไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแพทย์ระบุ เยื่อแก้วหูขวาทะลุ ตอนนี้กลัวจะไม่ได้ยินเหมือนเดิม ไม่อยากเรียนที่นี่แล้วกลัวครูมากดดัน ที่ผ่านมาครูปกครองคนนี้ไม่เคยลงมือรุนแรงขนาดนี้ ส่วนเรื่องยาเสพติดยืนยันตนไม่เคยยุ่งเกี่ยว


แม่ของเด็ก อายุ 46 ปี บอกว่า ต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.หนองแค จ.สระบุรี ดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย ตอนนี้ลูกชายมีอาการหวาดกลัวไม่กล้าไปเรียนที่โรงเรียนอีก ขณะที่แพทย์ก็บอกว่าต้องรักษาเรื่องแก้วหูขวาทะลุอย่างต่อเนื่อง ให้ระยะเวลาร่างกายฟื้นฟู ถ้าไม่ดีขึ้นอาจจะต้องทำการผ่าตัดรักษา ซึ่งทุกวันนี้ลูกชายยังปวดหูข้างขวาและไม่ได้ยินเสียง


“คุณครูสามารถลงโทษเด็กได้แต่ต้องมีขอบเขต ยอมรับลูกก็ดื้อเคยโดนลงโทษมาหลายครั้งแต่เป็นการลงโทษขอบข่ายที่แม่รับได้ไม่มีปัญหาอะไร ครูลงโทษนักเรียนเป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้สาเหตุไม่เพียงพอที่ครูจะมาทำร้ายร่างกาย ต่อให้ลูกแม่ติดยาจริงก็ไม่มีสิทธิทำร้ายร่างกาย ต้องแจ้งผู้ปกครอง ตลอดปีการศึกษาที่ลูกชายเรียนอยู่ชั้น ม.1 ไม่เคยได้รับแจ้งจากครูว่าลูกของแม่มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด พอเกิดเหตุการณ์นี้อยู่ ๆ มาบอกว่าลูกแม่เป็นเด็กไม่ดียุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดไม่ตั้งใจเรียน แม่รับไม่ได้ ตอนนี้กังวลว่าลูกจะกลับมาได้ยินไม่เป็นปกติ ก็อดคิดไม่ได้ลูกเป็นปกติ ๆ อยู่ ๆ จะหูหนวกพิการ กลัวลูกอยู่ในสังคนโรงเรียนนั้นไม่ได้ แม่จึงได้ย้ายไปเรียนโรงเรียนแห่งใหม่แล้ว”


ด้าน พ่อของเด็ก อายุ 36 ปี กล่าวว่า วันที่ 7 มี.ค.67 หลังถูกทำร้ายแม่ได้พาไปพบแพทย์แม่จึงให้ทางโรงพยาบาลตรวจหูและตรวจหาสารเสพติดในตัวลูกชาย ก็ปรากฏว่าไม่พบสารเมทแอมเฟตามีนและกัญชาในปัสสาวะ คืนวันที่ 12 มี.ค. ครูฝ่ายปกครองที่ก่อเหตุได้ติดต่อโทรศัพท์มาหา ขอโทษยอมรับว่าได้ตบเด็กจริงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ พร้อมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นให้ 1 หมื่นบาท และครูยังกล่าวหาลูกชายอีกว่าอาจเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทำให้เด็กเสียใจมาก ครูทำเกินกว่าเหตุจึงปฏิเสธที่จะรับเงิน และครูก็ไม่น่าจะมากล่าวหาเด็กว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งที่ไม่เป็นความจริง


“ลูกผมเป็นคนปกติ อยู่ ๆ ลูกผมจะมาหูหนวกพิการทางการได้ยินรับไม่ได้ ครูบอกว่าที่โทรมาหาพ่อต้องการจะขอโทษจากใจจริง ๆ ขอให้หยุดร้องสื่อและให้พ่อหยุดโพสต์เฟซบุ๊กเพราะอับอาย ลูกของครูเองก็อับอายเพื่อน ผมมองว่าตอนครูทำกับเด็กทำไมไม่คิด แล้วลูกผมละไม่อับอายเหรอ ผมจะเดินเรื่องให้ถึงที่สุด ลูกผมทั้งคนไม่รู้จะรักษาไปอีกกี่ปี หรือลูกผมจะต้องหูหนวกไปจนวันตาย ตอนนี้ผมอยากเจอหน้าครูมาก อยากให้มาคุยซึ่งหน้า ผมต้องการเอาเคสนี้เป็นเคสตัวอย่างให้ครูคนอื่น ๆ อย่าไปทำกับเด็กแบบนี้ มันมีกฎระเบียบ ยิ่งครูคนที่ก่อเหตุเป็นครูฝ่ายปกครอง ต้องรู้กฎระเบียบของการลงโทษ ลงไม้ลงมือกับเด็กรุนแรงเกินไปมันไม่ถูกต้อง”


ทีมข่าวสอบถามไปยังครูฝ่ายปกครองคนดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เห็นนักเรียนมาสายจึงถามว่าทำไมไม่รีบไปเข้าแถว ทำไมใส่กางเกงยีนส์แต่งกายไม่เรียบร้อย ก่อนจะบอกนักเรียนให้รีบไปเข้าแถว ไม่ได้มีเจตนาไปทำโทษอะไรขนาดนั้น ต้องการให้เด็กมีระเบียบวินัย อ้างไม่ได้ตบเด็กรุนแรง ส่วนที่กกหูบวมเพราะโดนแหวน ยืนยันไม่มีเจตนาทำร้ายเด็ก ทั้งนี้ตนได้ขอโทษผู้ปกครองเด็กแล้ว ยินดีจะช่วยค่ารักษาพยาบาล แต่พ่อไม่รับเงินและนำเรื่องไปร้องเรียน ซึ่งตนก็พยายามนิ่งจะไม่โต้ตอบอะไร


ส่วนเงิน 1 หมื่นบาท ไม่ใช่เงินที่เสนอให้เพื่อไม่ให้ผู้ปกครองไปร้องเรียนสื่อและมูลนิธิฯ ต่าง ๆ เงินจำนวนนี้ตนมีเจตนาที่จะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล เมื่อถามว่าครูทำรุนแรงเกินไปหรือไม่ คุณครูฉุกคิดพูดอ้ำอึ้งและบอกว่ามันอาจจะโดนแหวน จากนี้จะระวังเรื่องการลงโทษเด็กเป็นพิเศษ หากทำไปไม่ถูกวิธีก็จะมีผลตามมา ประเด็นที่ครูพูดว่าเด็กยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น ตนไม่ได้หมายถึงยาเสพติดประเภทนั้น แต่เป็นพวกบุหรี่ไฟฟ้า แค่บอกผู้ปกครองว่าต้องระวังพฤติกรรรมของเด็ก ตนรู้สึกเสียใจที่ลงโทษเด็กซึ่งสะเทือนทั้งจิตใจเด็กและตนเองด้วย


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/tHuES1362Aw

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ครูทำร้ายเด็ก ,ครูตบกกหูเด็ก

คุณอาจสนใจ

Related News