สังคม
เสียทั้งใจเสียทั้งเงิน! เสี่ยเต็นท์รถหลงกล พยาบาลสาวหลอกให้รัก ตุ๋นเงินสูญ 38 ล้านบาท
โดย thichaphat_d
14 มี.ค. 2567
116 views
จากกรณีที่ นายวาสิตย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสอง นำเอกสารพร้อมหลักฐานการโอนเงิน เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กรณีถูกสาวคนสนิท อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านพัฒนาการ นำสำเนาบัตรประชาชนของผู้อื่น จำนวน 680 คน มาขอกู้เงินตั้งแต่ปี 63 ทำสูญเงินต้น 10 กว่าล้านบาทและผลประโยชน์รวม 38 ล้านบาท
นายวาสิตย์ บอกว่า เมื่อประมาณปี 63 มีผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งทำงานเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้เข้ามาตีสนิท จนกระทั่งมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน จากนั้นได้มาขอยืมเงินเพื่อจะเอาไปปล่อยกู้ โดยครั้งแรกโอนไปให้พยาบาลสาว 500,000 บาท โดยฝ่ายหญิงเสนอให้ดอกเบี้ยร้อยละ 8 ซึ่งหลังจากนั้นได้คืนเงินมาให้บางส่วน
ครั้งที่สองเอาไปอีกหนึ่งล้านบาท มีการจ่ายคืนมาบางส่วน ด้วยความไว้ใจ ตนจึงโอนให้ทุกเดือน เพราะฝ่ายหญิง บอกว่า แต่ละเดือนจะมีคนมาขอหยิบยืมเงินเพิ่มขึ้นตลอด รายละประมาณ 30,000-60,000 บาท รวมทั้งหมด 680 ราย โดยเอาเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและสัญญาเงินกู้มาให้ตน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง แต่ฝ่ายหญิงอ้างว่าเป็นของเพื่อนร่วมงานในโรงพยาบาล ซึ่งยอดรวมขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 38 ล้านบาท
จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ ตนได้แจ้งกับพยาบาลสาวว่า ขณะนี้ยอดเงินสูงแล้ว ให้หยุดดำเนินการทุกอย่างและขอให้ส่งมอบเงินคืนทั้งหมด ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาได้แจ้งกลับมาว่าไม่มีเงินจ่ายคืนให้ เพราะเอาเงินไปใช้จ่ายส่วนตัวหมดแล้ว ซึ่งเงินจำนวน 38 ล้านนั้นเป็นเงินทบต้นทบดอก โดยเงินต้นทั้งหมดประมาณ 10 กว่าล้าน ตอนนี้ตนหมดตัวเเล้ว ไม่สามารถติดต่อพยาบาลคนดังกล่าวได้เลย จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ เพื่อต้องการดำเนินคดีกับพยาบาลสาวรายนี้ให้ถึงที่สุด และเรียกร้องทรัพย์สินทั้งหมดกลับคืนมา เพราะเงินจำนวนดังกล่าว ตนเองใช้เวลาเก็บหอมรอมริบมาตลอดชีวิต ตอนนี้อายุ 63 ปีแล้ว คิดว่าจะเอาเงินไปใช้ในบั้นปลายชีวิต ตอนนี้อายุตนเองก็มากขึ้นทุกวัน คงจะหาเงินจำนวนนี้ไม่ได้อีกแล้ว
ต่อมา นายวาสิตย์ ได้นำหลักฐานเข้าปรึกษาข้อกฎหมายกับนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เพื่อใช้ในการดำเนินคดีตามกฎหมายกับพยาบาลสาวคนดังกล่าว เพราะมาทราบภายหลังว่า เอกสารบัตรประชาชนทั้ง 680 ราย เป็นลายเซ็นปลอม เบอร์โทรศัพท์ก็ปลอม มีบางรายที่เป็นเบอร์จริง แต่พอโทรไปแล้วพบว่า เจ้าของเบอร์ไม่ได้ทำงานโรงพยาบาล จึงคาดว่า พยาบาลคนนี้ น่าจะนำเอกสารของผู้ที่มาใช้บริการโรงพยาบาล มาหลอกขอยืมเงินจากตน
หลังจากนี้จะปรึกษาทนายความว่าเป็นคดีเป็นฉ้อโกงหรือแค่คดีแพ่ง และอยากให้ฝ่ายหญิงมาเจรจากัน ส่วนภรรยาของตนก็ทราบเรื่องแล้วและได้คุยเข้าใจกันแล้ว
ด้านนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ กล่าวว่า ต้องตรวจสอบก่อนว่า มีการกู้ยืมเงินกันจริงหรือไม่ หากเป็นการกู้ยืม ก็จะไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง เพราะไม่ได้มีการ แต่ถ้าเอาบัตรประชาชนคนอื่นมาบอกว่าคนนี้จะกู้ยืมเงิน แต่ไม่ได้มีการกู้ยืมเงินกันจริงๆ แต่หลอกเอาเงินเราไป แบบนี้ชัดเจนว่าเป็นข้อหาฉ้อโกง ก็ต้องแจ้งความภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำความผิด ไม่งั้นจะขาดอายุความ ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ขาดอายุความ
ส่วนเรื่องเอกสารอาจจะต้องไปสอบถามกับทางโรงพยาบาล ให้โรงพยาบาลตรวจสอบว่า ข้อมูลของผู้มาใช้บริการหลุดออกมาได้อย่างไร เพราะตาม พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล ระบุว่า คนที่ทำเกี่ยวกับเวชระเบียนต้องเก็บข้อมูลให้ดี หากเกิดรั่วไหลไปก็เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล ส่วนคนที่ถูกเอาบัตรประชาชนไปใช้ก็เป็นผู้เสียหายเช่นเดียวกัน เพราะถูกแอบอ้างก็ขอให้มายืนยันตัวตนว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะไม่งั้นอาจจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยก็ได้ ก็
ด้าน พ.ต.ท.เฉลิมพล ซื่อสัตย์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.ปากเกร็ด กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบปากคำผู้ร้องเอาไว้ก่อนว่า เป็นการหลอก การชักชวนให้ไปลงทุนหรือปล่อยเงินกู้ มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าหากพบเข้าข่ายองค์ประกอบความผิดมาตราใด ก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาทันที พร้อมเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ รวมไปถึงพยานที่เป็นเจ้าของบัตรประชาชนที่ถูกนำมาใช้หลอกลวงในครั้งนี้ด้วย
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/GG5izpqA7tc
แท็กที่เกี่ยวข้อง เสี่ยเต็นท์รถ ,หลอกให้รัก ,ตุ๋นเงิน ,พยาบาลสาว