สังคม

กระบะรับส่งผู้แสวงบุญขึ้น ‘เขาคิชฌกูฏ’ เสียหลักพลิกคว่ำ ดับ 1 เจ็บ 9 คนขับอ้างถนนลื่น

โดย petchpawee_k

1 มี.ค. 2567

1.9K views

อุบัติเหตุรถกระบะรับส่งผู้แสวงบุญขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ พลิกคว่ำ เสียชีวิต 1 ราย เจ็บ 9 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ล้อมคอกชี้ถ้าคนขับประมาท ให้เอาผิดตามกฎหมาย-ยกเลิกสิทธิรถบริการ นทท.


ช่วงเช้าวานนี้ (29 ก.พ.67)  เกิดอุบัติเหตุรถให้บริการรับ-ส่งผู้แสวงบุญขึ้นไปนมัสการรอยรอยพระพุทธบาทพลวง บนเขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี เสียหลักพลิกคว่ำ  ระหว่างลงจากเขา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นางสาวยุพเรศ อายุ 28 ปี  และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 9 ราย เป็นคนไทย 6 คน ชาวรัสเซีย 3 คน โดยเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลเขาคิชฌกูฏ  โรงพยาบาลสิริเวช และโรงพยาบาลพระปกเกล้า


ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุ เบื้องต้นสันนิษฐานวา เนื่องจากช่วงเช้ามีน้ำค้าง ทำให้ถนนลื่น ทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำ  โดยนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กำชับให้นายอำเภอเขาคิชฌกูฏ , หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ และคณะกรรมการวัดพลวง ดูแลเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด


ต่อมา เวลา 15.30 น.(29 ก.พ.67) พลต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศุภกิจ แสงนวกิจ ผกก.สภ.เขาคิชฌกูฏ  ร่วมกันสอบปากคำนายทศพร อายุ 30 ปี คนขับรถรับส่งผู้แสวงบุญคันเกิดเหตุ  พร้อมพาขึ้นไปตรวจสอบและชี้จุดบริเวณที่รถประสบอุบัติเหตุ เพื่อประกอบสำนวนคดี


พล.ต.ต.ผดุงศักด์  เปิดเผยว่า จากการสอบสวน คนขับรถให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ขับรถขึ้นไปส่งผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวบนเขา  ขากลับได้รับคนกลับลงมาด้วย จำนวน 10 คน  เมื่อมาถึงช่วงเกิดเหตุ ใกล้กับช่วงออกด่านอุทยานป่าไม้ ซึ่งเป็นลักษณะทางลาดชันและเป็นทางโค้ง ทำให้รถเกิดเสียหลักส่ายไปมาและพลิกคว่ำ ทำให้ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ท้ายรถบางคนถูกเหวี่ยงร่างออกมา บางรายร่างยังติดอยู่ข้างใน ส่วนผู้เสียชีวิต นั่งด้านในสุด เบาะขวา ด้านหลังคนขับ  จังหวะที่รถพลิกคว่ำทำให้ถูกหัวเก๋งทับเข้าที่ศีรษะ ทำให้เสียชีวิต


ทั้งนี้ ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ เนื่องจากสภาพเส้นทางเป็นทางลาดชัน และเป็นทางโค้ง และจากการสอบประวัติคนขับ มีประสบการณ์ขับรถขึ้นเขาพระบาทพลวงมาเป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งมีความชำนาญเชี่ยวชาญเรื่องเส้นทางเป็นอย่างดี


ส่วนเรื่องยานพาหนะที่ใช้รับส่งหรือรถยนต์  จากการตรวจสอบเป็นรถสภาพใหม่ และมีการตรวจสอบความพร้อม ในเรื่องมาตรฐานการใช้งานเฉพาะด้านเป็นอย่างดี โดยทางผู้จัดงานได้สร้างมาตรการความปลอดภัย โดยจะมีการตรวจสภาพความพร้อมของมาตรฐานรถทุก 7 วัน และคนขับจะมีการตรวจสารเสพติดและแอลกอฮอล์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่พบมีผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิด


ส่วนเรื่องเยียวยาผู้ประสบเหตุ รถคันดังกล่าวมีประกัน ชั้น 1 ซึ่งจะมีวงเงินสินไหมสามารถชดเชยเยียวยา ทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในวงเงินที่สูง  โดยหลังจากนี้ ยังเปิดให้ผู้แสวงบุญขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงเขาคิชฌกูฏตามปกติ  แต่ทั้งนี้จะต้องเรียกผู้ประกอบการมาพูดคุย ขอความร่วมมือ เพื่อวางมาตรการคุมเข้มเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้นกว่าเดิม  ขณะที่ผู้บาดเจ็บ ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 7 ราย ยังเหลือที่รักษาตัวอยู่อีก 2 ราย

 ด้านนายธานีแฟนหนุ่มผู้เสียชีวิต เล่านาทีชีวิตว่า หลังจากนมัสการรอยพระพุทธบาทเสร็จ ตนและแฟนสาวได้มารอขึ้นรถสองแถวเพื่อเดินทางกลับ เมื่อรถมาถึง  แฟนสาวได้ขึ้นเข้าไปนั่งฝั่งขวาด้านในสุดอยู่ติดหลังคนขับ โดยเที่ยวนั้นมีผู้โดยสารนั่งมาด้วยฝั่งละ 5 คน ระหว่างทางลงเนิน มีความรู้สึกว่ารถวิ่งลงเร็วจนมาถึงช่วงโค้งคาดว่าอาจจะลื่นทำให้รถเสียการทรงตัวและพลิกคว่ำ  แฟนสาว ถูกรถทับเข้าที่ช่วงคอ แต่ไม่เสียชีวิตทันที  ยังมีชีพจรอยู่ แต่ไม่สามารถช่วยได้ทัน  


ขณะที่นางสาววรรณงาม อายุ 51 ปี  แม่ของนางสาวยุพเรศ ผู้เสียชีวิตเล่าทั้งน้ำตาว่า ลูกสาวเป็นเสาหลักของครอบครัว  เรียนจบคณะคุรุศาสตร์มา แต่ไม่ได้เป็นครู ไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ส่งน้องเรียน และยังสัญญากับแม่ว่าจะซื้อบ้าน ซื้อสวนให้แม่อยู่


ก่อนเกิดเหตุ แม่มีลางสังหรณ์ เพราะเปิดดูดวงในโทรศัพท์มือถือ พบคำทำนายว่า จะเสียคนรักคนในครอบครัว แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเสียลูกสาวไป  ส่วนการจัดพิธีศพของน้องปาย จะเคลื่อนย้ายร่างไปไว้ที่วัดวังน้ำเขียว อำเภอโป่งน้ำร้อน   ตั้งศพสวดอภิธรรม 3 คืน  เริ่มคืนแรกวันศุกร์ ที่ 1 มีนาคม 67  โดยช่วงเช้าแม่จะไปรับศพออกจากโรงพยาบาลพระปกเกล้า และนำมาประกอบพิธีรดน้ำศพในเวลา 15.00 น.


ขณะที่ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (ออส.) เปิดเผยว่า ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ได้ประสานไปยังผู้ประกอบการรถยนต์บริการ (คิวรถวัดพลวงและคิวรถวัดกะทิง) เพื่อกำชับมาตรการด้านความปลอดภัย โดยให้พนักงานขับรถยนต์บริการ ขับรถด้วยความระมัดระวังและหมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์และคนขับให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอและได้ออกมาตราการให้คิวรถยนต์บริการ ดำเนินการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ ช่วงล่าง เบรก และรายการที่เกี่ยวข้องโดยละเอียด โดยอุทยานฯ จะดำเนินการกวดขันอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างในครั้งนี้ขึ้นอีก


ส่วนพนักงานขับรถยนต์ มีข้อกำหนดต่างๆ เช่น มีใบอนุญาตขับรถ ,ได้รับอนุญาตจากอุทยานฯ โดยต้องยื่นเอกสารแสดงตัวตนพร้อมใบอนุญาตขับขี่กับทางอุทยานฯ และต้องมีบัตรประจำตัวคนขับรถ ,ไม่เสพสารเสพติด/ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และต้องมีสภาพร่างกายพร้อมที่จะปฏิบัติงาน โดยจะมีการสุ่มตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด/ปริมาณแอลกอฮอล์ ,พักผ่อน ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 10 ชั่วโมง (มีสมุดลงชื่อ – เวลาที่ปฏิบัติงาน) เป็นต้น


สำหรับหากกรณีมีการฝ่าฝืนเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น จะพิจารณาลงโทษตามฐานการกระทำผิด โดยพิจารณาเป็นกรณีไป ดังนี้ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ,ให้หยุดรถรับ – ส่งผู้แสวงบุญ (7 วัน) ,ตัดรายชื่อออกจากพนักงานขับรถ (ยกเลิกสิทธิ์ในการขับรถ)



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/u_uPlY61DMs

คุณอาจสนใจ