สังคม

อดีตผู้สมัครสส. โผล่ติดต่อสื่อ หลังสามีโพสต์ตามหา สามีแจงไม่ได้ทำร้าย อยากให้กลับมาคุยกัน

โดย nattachat_c

29 ก.พ. 2567

138 views

จากกรณี นายพงศ์ภูมิพันธ์ เชื้อดี อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นสามีของ นางสุพรรณี เชื้อดี อดีตผู้สมัคร สส.นครราชสีมา เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ขอพลังโซเชียล ช่วยตามหาเบาะแสของภรรยา และน้องมินนี่ ลูกสาววัย 5 ขวบ ที่หายตัวไปนาน 13 วัน


ซึ่งภรรยาไม่ได้นำโทรศัพท์ติดตัวไป และมีเงินติดตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  โดยสามีระบุว่า ได้แจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมาแล้ว หากใครพบเบาะแสจนพาไปเจอตัว หรือพามาส่งบ้านได้ จะมีเงินรางวัลให้ 30,000 บาท  

-------------

วานนี้ (28 ก.พ. 67) นายพงศ์ภูมิพันธ์  สามีของผู้สูญหาย ไปให้ปากคำเพิ่มเติม ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อมกับเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า


ภรรยาหายตัวไป ตั้งแต่ช่วงเช้า วันที่ 16 ก.พ. โดยน้องสาวของตน ขับรถพาภรรยาและลูกสาวของตน ไปส่งที่โรงเรียนเอกชนใน จ.นครราชสีมา แต่ระหว่างเดินทาง รถติด ภรรยาจึงขอลงจากรถก่อน เพื่อจะเดินไปส่งลูกสาวที่โรงเรียน


แต่หลังลงจากรถไปสักพัก ไม่กลับมาเสียที ทำให้น้องสาวของตนกังวล จึงโทรศัพท์มาบอกตน ตนตกใจ จึงรีบโทรศัพท์ไปเช็กกับโรงเรียน พบว่าภรรยาไม่ได้พาลูกไปส่งโรงเรียน ทั้งสองคนหายตัวไป  


ตนจึงออกตามหา และโทรศัพท์ไปสอบถามเพื่อนของภรรยาทุกคน แต่ไม่พบว่าภรรยาติดต่อกับเพื่อน นอกจากนี้ ก็โทรไปสอบถามบ้านพ่อแม่ของภรรยาที่ อ.บ้านเหลื่อม แต่ก็ไม่พบว่าภรรยากลับไปบ้านพ่อแม่แต่อย่างใด


นายพงศ์ภูมิพันธ์ รับว่า ก่อนหน้าที่ภรรยาจะหายตัวไป


เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ตนทะเลาะกับภรรยา เรื่องธุรกิจร้านอาหารที่มีปัญหา ตอนแรกที่ทราบว่าภรรยาหายตัวไปกับลูก ก็คิดว่าภรรยาคงน้อยใจ และพาลูกหนีไปอยู่ที่อื่นสักพัก เหมือนกับคราวก่อน ๆ ที่เคยมีปัญหาทะเลาะกัน  จึงคิดว่าคราวนี้ ภรรยาน่าจะกลับมาเหมือนทุกครั้ง


ประกอบกับตนเข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่แ ละต้องการทบทวนตัวเองที่ทะเลาะกับภรรยา แต่ระหว่างนั้นภรรยาก็ยังไม่กลับมา จนกระทั่งตนสึกออกมา เมื่อวันที่ 27 ก.พ.จากนั้น จึงมาแจ้งความลงบันทึกประจำวัน  


ทางด้าน แม่ของนางสุพรรณี บอกว่า ตนเองก็ติดต่อลูกสาวไม่ได้เช่นกัน และไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน ส่วนที่แม่ไม่ไปแจ้งความ เพราะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสามีเป็นคนดำเนินการ  ซึ่งแม่ยังมั่นใจว่า ลูกยังมีชีวิตอยู่ แต่อาจจะหลบซ่อนที่ไหนสักแห่ง และที่ผ่านมา ลูกเขยกับลูกสาวก็มีปัญหา มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง จึงปล่อยให้สามีภรรยาแก้ไขปัญหากันเอง

-------------

ขณะที่ ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดที่โรงเรียน บันทึกภาพวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา ก่อนวันหายตัวไป 1 วัน พบว่า เวลา 16.26 น. นางสุพรรณีขับรถไปรับลูกสาวที่โรงเรียน รับนมโรงเรียนจากครู 1 กล่อง แล้วพาลูกสาวขึ้นรถ ขับกลับบ้าน โดยไม่มีบุคคลใดตามทำร้าย หรือมีท่าทีจะเกิดอันตรายกับสองแม่ลูก


ด้านทีมข่าวช่อง 8 ได้คลิปจากนั้นกล้องที่บ้าน วันที่ 16 ก.พ. วันที่หายตัวไป เวลา 07.49 น. น้องสาวของสามีเดินออกจากบ้านตรงไปที่รถ โดยมีนางสุพรรณีอุ้มลูกสาวพาไปโรงเรียนด้วยกัน  และหลังจากนั้นประมาณ 2 นาที  สามีจึงขับรถอีกคันตามไป


นอกจากนี้ เฟซบุ๊กของสามี พบว่า วันที่ 26 ก.พ.67 ซึ่งเป็นวันเกิดของนางสุพรรณี สามีซึ่งกำลังบวชอยู่ ได้โพสต์อวยพรวันเกิด พร้อมข้อความว่า

“ถึงจะเลิกกันแล้ว ก็สุขสันต์วันเกิดนะโยมเหมี่ยว ยังไงก็กลับมาคุยกันดี ๆ เอาลูกมาเรียน อย่าให้ทุกอย่างมันไปกระทบมินนี่ลยนะครับ #คิดถึงเวลา 8 ปีที่ดีต่อกัน เอามินนี่กลับมาเรียนเถอะนะ พระขอ ติดต่อมาทางแม่เล็กนะครับ  #มองตามินนี่เขาควรมีอนาคตที่ดี พากลับมาเรียนเถอะ เหนื่อยไหมหนีแบบนี้ มาคุยกับป๊ากับแม่นะครับ พระขอ อโหสิกรรมให้ทุกเรื่อง ”

------------

ล่าสุด ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ สอบถามไปที่ พลตำรวจตรีณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า


นางสุพรรณี ได้ติดต่อไปยังสื่อช่องหนึ่ง ยืนยันว่า ยังมีชีวิตอยู่ และปลอดภัย รวมทั้งน้องมินนี่ลูกสาวก็ปลอดภัยเช่นกัน  


ส่วนที่หนีออกจากบ้าน เพราะมีปัญหากับสามี และอ้างว่า ถูกสามีทำร้ายร่างกาย  


ซึ่งแม้ว่า นางสุพรรณีจะยืนยันว่าปลอดภัยดีแล้ว แต่ตำรวจยังไม่เห็นตัวนางสุพรรณี จึงจะต้องเชิญตัวมาให้ข้อมูล โดยจะประสานผ่านสื่อดังกล่าว ที่นางสุพรรณีโทรไปหา แต่ขณะนี้ ยืนยันได้แล้วว่า ไม่ได้มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้นกับนางสุพรรณี และลูกสาว ทั้งคู่ปลอดภัยดี

------------

หลังจากทราบข่าวว่า นางสุพรรณี  อดีตผู้สมัคร สส.นครราชสีมา เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ และลูกสาว ปลอดภัยดี เพียงแต่หนีออกจากบ้านเพราะทะเลาะกับสามี และถูกสามีทำร้ายร่างกาย


นาย พงศ์ภูมิพันธ์ (สามี)  ยืนยันกับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ว่า ไม่ได้ทำร้ายร่างกายภรรยาอย่างที่ถูกกล่าวหา

แต่ยอมรับว่า เคยตบหัวภรรยาบ้าง แต่ก็เป็นการตบแบบเล่น ๆ เหมือนเพื่อนแกล้งกัน  


ส่วนการทำร้ายร่างกายแบบรุนแรงนั้น ยืนยันว่าไม่เคยทำ ส่วนปัญหาที่อาจทำให้ภรรยาไม่พอใจ ก็คือเรื่องการช่วยทำธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งตนเองทำร้านอาหารขนาดใหญ่ ก็อยากให้ภรรยาช่วยกันทำ มีปัญหาอะไรก็ช่วยกันคิด แต่กลายเป็นว่าตนทำคนเดียว จึงทะเลาะกัน และทำให้ภรรยาน้อยใจ ไม่พอใจ


ทั้งนี้ หลังจากทราบข่าวจากสื่อว่า ลูก และภรรยา ปลอดภัยแล้ว ตนก็ดีใจ แต่ตนไม่มีช่องทางติดต่อภรรยา และลูก


ดังนั้น หากภรรยาดูอยู่ ก็อยากให้กลับมาพูดคุยกันดี ๆ หากงานที่ตนให้ช่วยทำแล้วรู้สึกว่าไม่ถนัด ไม่อยากทำ ตนก็จะจ้างคนมาทำแทน ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ อยากให้กลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม

-------------

คุณอาจสนใจ

Related News