สังคม

ศาลยกฟ้อง 'บอลนี่' คดี 'ดารุมะ ซูชิ' ลวงขายคูปอง-แฟรนไชส์ ชี้บริหารผิดพลาด ไม่มีเจตนาฉ้อโกง

โดย nattachat_c

16 ก.พ. 2567

41 views

ศาลอาญา พิพากษา คดีเจ้าของร้านดารุมะซูชิ ถูกโจทก์ฟ้องหลอกลวงขายคูปองโปรโมชั่นบุฟเฟต์ และขายแฟรนไชส์ จนมีผู้เสียหายรวมกันเกือบพันราย มูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้าน ศาลพิเคราะห์ว่า จำเลยไม่มีเจตนาทุจริตฉ้อโกง แต่เป็นการบริหารงานและคาดการณ์ผิดพลาด ประกอบกับเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้แซลมอนที่เป็นวัตถุดิบหลัก มีราคาสูงขึ้น จนขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถบริหารกิจการต่อได้ ด้านบอนนี่ เมธา เจ้าของร้านดารุมะซูชิ โผกอดแม่บุญธรรมร่ำไห้ บอกดีใจมาก หลังถูกจองจำมา 1 ปี 8 เดือน


วานนี้ (15 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด และนายเมธา ชลิงสุข หรือบอลนี่ กรรมการผู้มีอำนาจ ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน // ร่วมกันฟอกเงิน // และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ


อัยการโจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 18 พ.ค.2564- 18 มิ.ย.2565 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองร่วมกันหลอกลวงประกาศขายอาหารบุฟเฟต์ญี่ปุ่นโปรโมชั่นต่างๆ รวมทั้งจำหน่ายคูปองใบละ199 บาท 250 บาท 299 บาทและ 399 บาท ผ่านแอปพลิเคชั่นDaruma sushi โดยโอนเงินผ่านบัญชีบริษัท ดารุมะ แต่ความจริงแล้วไม่ได้มีเจตนาที่จะประกอบกิจการร้านอาหารญี่ปุ่นมาตั้งแต่ต้น เป็นกลอุบายหลอกลวง จนมีผู้เสียหาย 988 รายหลงเชื่อซื้อคูปอง เป็นความผิด 988 กรรม


นอกจากนี้ จำเลยยังหลอกลวงประกาศขายแฟรนไชส์ ให้ผู้สนใจร่วมลงทุนราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาทถึง 2 ล้าน 5 แสนบาทต่อสาขา ทำให้มีผู้เสียหาย 11 ราย ที่หลงเชื่อซื้อแฟรนไชส์ เป็นความผิด 11 กรรม ระหว่างวันที่ 18 พ.ค. 2564 - 18 มิ.ย. 2565 ยังร่วมกันฟอกเงินโดยรับโอนเงินที่ได้จากการกระทำผิดจำนวน 150 ล้าน 7 แสนบาทเศษ เข้าบัญชีธนาคารตัวเอง เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษตามความผิด และร่วมกันคืนเงินหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายแต่ละรายตามความเสียหายรวม 42 ล้าน 3 แสน บาทเศษด้วย


ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้ง 2 ได้เปิดร้านอาหารมาตั้งแต่ พ.ศ. 2559 และมีผู้บริโภคสนใจจำนวนมาก ทำให้สามารถขยายกิจการได้อีกหลายสาขา จึงขายคูปองทำโปรโมชั่น ผู้ที่ใช้บริการก็ยังนำคูปองมาใช้บริการได้ตามปกติ จนกระทั่งเกิดการบริหารงาน และการคาดการณ์ที่ผิดพลาดของ นายเมธา ประกอบกับเกิดเหตุสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาปลาแซลมอนซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ราคาสูงขึ้น จนทำให้ขาดสภาพคล่องไม่สามารถชำระค่าปลาแซลมอน จึงบริหารกิจการต่อไปไม่ได้


แสดงว่าจำเลยทั้ง 2 ไม่มีเจตนาจะทุจริตถนัดชัดเจน แม้การตั้งราคาโปรโมชั่น 199 บาท จะต่ำกว่าราคาทุนของราคาปลาแซลมอนที่ขายกิโลกรัมละ 300 บาท แต่เห็นว่าเป็นการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อแข่งขันทางตลาด ดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการจำนวนมาก


อีกทั้ง การขายแฟรนไชน์ให้คนที่ร่วมลงทุน เป็นการตกลงทำสัญญาแบ่งผลกำไรให้ตามสัดส่วน แล้วนายเมธา จะเป็นผู้บริหารจัดการ ซึ่งนายเมธา ไม่ได้บังคับซื้อขายร้านแฟรนไชน์ เป็นความพอใจระหว่างกัน ประกอบกับ นายเมธา ไม่ได้กีดกัน หากผู้ซื้อแฟรนไชน์จะเข้ามาร่วมบริหารงาน และในทุก ๆ วัน จะมีอีเมล์แจ้งรายละเอียดเรื่องรายรับรายจ่ายแต่ละวันให้ทราบ แล้วทุกร้านของดารุมะซูชิจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้สามารถดูออนไลน์ได้ตลอดเวลา ไม่ได้ปิดบังข้อมูล ข้อเท็จจริง จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 2 เจตนาจะหลอกลวง


ส่วนเรื่องการฟอกเงิน นายเมธา โอนเงินบางส่วนให้กับแม่บุญธรรมเป็นประจำทุกเดือน รวมทั้งโอนเงินเข้าบัญชีชื่อเพื่อนสนิท เพื่อชำระหนี้ที่กู้ยืมมา นอกจากนี้ โอนเงินไปบริษัทแห่งหนึ่งแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยเป็นเงินสกุลดอลลาร์ ก็เพียงเพื่อไว้ใช้ระหว่างอยู่ต่างประเทศเท่านั้น


ด้วยเหตุข้างต้นจึงไม่อาจรับฟังได้ว่า เป็นการร่วมกันฟอกเงิน ดังนั้นพยานหลักฐานโจทก์และผู้เสียหายที่เป็นโจทก์ร่วมนำสืบมานั้น ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 2 กระทำผิดตามฟ้อง "พิพากษายกฟ้อง"


เมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง เมธา ได้ร้องไห้ และกล่าวว่ารู้สึกดีใจมาก เพราะเขาถูกคุมขังอยู่ในคุกมานาน 1 ปี 8 เดือน

---------------



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/lsmVQJdJs-M


คุณอาจสนใจ

Related News