สังคม

ชายพิการโยกสามล้อเข้ากรุง ด่ากราดนักข่าว-ไล่ตะเพิดตำรวจ ไม่พอใจถูกตาม ลั่นขอความเป็นส่วนตัว

โดย petchpawee_k

7 ก.พ. 2567

800 views

ชายพิการโยกสามล้อมุ่งหน้าเข้ากรุง ฯ ด่ากราดนักข่าว ไล่ตะเพิดเกรี้ยวกราดใส่ตำรวจที่เข้าไปใกล้ บอกขอความเป็นส่วนตัว- ไม่อยากเป็นข่าว รีบโยกสามล้อหนีจนคันโยกหัก หลบไปนอนพักเอาแรงที่วัดราษฎร์บำเพ็ญ เจ้าอาวาสดึงสติให้แยกแยะใครทำดีหรือไม่ดีกับเรา


จากกรณี นายมณฑล อายุ 48 ปี พิการขาอ่อนแรงทั้ง 2 ข้าง ภูมิลำเนาอยู่ที่หมู่ที่ 7 ตำบลแม่สำ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โดยได้เดินทางด้วยสามล้อโยกมาจาก จ.สุโขทัย มุ่งหน้ากรมบัญชีกลาง กรุงเทพฯ เพื่อจะยืนยันตัวตนเนื่องจากตนเองถูกตัดสิทธิผู้พิการและไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ทำให้ไม่ได้รับเบี้ยคนคนพิการเดือนละ 800 บาท มาตั้งแต่ปี 2563


คืบหน้าวานนี้ (6 ก.พ.) หลังจากที่นายมณฑล ได้โยกสามล้อเดินทางออกจากวัดเทพอุปการาม (วัดตานิม) อ.บางปะหัน ช่วงเวลาประมาณตี 5 ไปตามเส้นทางถนนสายเอเชีย และได้แวะพักที่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ ริมถนนสายเอเชียช่องทางคู่ขนาน ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ห่างจากวัดตานิม 15 กม. เพื่อพักเหนื่อย


และมีบางช่วงในขณะที่กำลังเดินทางออกจากศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวช เมื่อเห็นสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามทำข่าวพร้อมกับได้พยายามสอบถามต่างๆ กลับถูกด่าทอด้วยด้วยคำหยาบคาย และโยกรถสามล้อเข้าพุ่งชน แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย ก่อนจะเดินทางต่อ ซึ่งทีมข่าวได้ขับรถติดตามไปแบบห่างๆ แต่เมื่อนายมณฑล สังเกตเห็นได้โยกรถสามล้อกลับมาพร้อมกับเคาะกระจกรถ โดยบอกทีมข่าวว่า


“ผมต้องการความเป็นส่วนตัว ผมยังไม่อยากออกข่าว ผมอยากพักผ่อน เป็นคนไทยรึเปล่า มึงฟังภาษาไทยให้รู้เรื่องไอ้แม่เย็ด”


พร้อมกันนี้มีตำรวจ สภ.บางปะหัน ขับรถตามเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ โดยประสานตำรวจท้องที่ที่ผ่านในแต่ละอำเภออำนวยความสะดวก แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะบอกนายมณฑล ว่าเจ้าหน้าที่มาเพื่อดูแลความปลอดภัย แต่กลับถูกนายมณฑล ชี้หน้าด่าต่อว่าอย่างเกรี้ยวกราดที่พบเห็นเจ้าหน้าที่ติดตาม


 จากนั้นนายมณฑล ได้ย้อนกลับไปพักที่บริเวณศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวช กรมกิจการผู้สูงอายุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากช่วง 10.00 น. ที่ผ่านมา ได้ออกเดินทางเพื่อมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า การที่นักข่าวตามตนแบบนี้ เป็นการคุกคามหรือไม่ ตนไปทำอะไรให้


ซึ่งผู้สื่อข่าวชี้แจงว่า เนื่องจากต้องการเสนอข่าว โดยนายมณฑล บอกว่า ถ้าไปถึงกรมบัญชีกลางตนก็ออกข่าวอยู่แล้วไง หากตามแบบนี้ตนไม่มีเวลาส่วนตัว จะนอนก็ไม่ได้นอน โดยสื่อมวลชนมีการพยายามชี้แจงว่าหลายคนมีความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ซึ่งนายมณฑล ตอบกลับมาว่า ให้ตนได้นอนหรือพักผ่อนได้หรือไม่ การตามและกดดันแบบนี้เพื่ออะไร


และหากไม่ถูกรบกวนตนจะมาโวยวายทำไม ซึ่งตนไม่ใช่โรคจิตที่จะโมโหตะคอกแบบนี้ ตนสมประกอบดีสมองและสติยังดี อย่างกรณีของนายชัชชัย กิตติชัย หรือชัช ตลาดไท เมื่อวานก็เคยรับปากตน เป็นลูกผู้ชายใช่หรือไม่ เป็นภาคประชาชนแต่กลับไม่ได้ปกป้องตนเลย ไปเข้าข้างอะไรก็ไม่รู้ ไปช่วยกันยกโขยงมากดดันตน


นอกจากนี้ยังมีแผนนำรถของตนไป ที่จะไม่ให้ตนเดินทางไปกรุงเทพมหานคร ส่วนที่ต้องด่าหยาบคายขนาดนั้น นายมณฑล กล่าวว่า ตนไม่ได้กลัวกับการออกสื่อ เพราะไม่มีชื่อในสังคมไม่มีอะไรจะเสีย ต้องพูดถึงสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งตนกำลังร้องอยู่


และขอความเป็นส่วนตัวเนื่องจากอยากพักผ่อน การที่พวกคุณอยากได้ข่าวแล้วมาบีบบังคับตน ให้ตนเดินทางเป็นวิธีที่โบราณ พร้อมกับปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าวันนี้จะเดินทางเข้ากรุงเทพหรือไม่ และถามกลับว่า “แล้วทำไมหรอครับ ไม่ต้องอยากรู้นะ”


ต่อมาเวลา 14.00 น. หลังจากที่นายมณฑล พักอยู่ที่ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ และผู้สื่อข่าวได้รวมกลุ่มปักหลักคอยอยู่บริเวณใกล้เคียง แต่กลับพบว่านายมณฑล ได้เดินทางออกจากจุดที่พักแล้ว โดยมีข้อมูลจากช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์ใกล้เคียง ระบุว่า นายมณฑล มาขอให้ช่วยซ่อมคันโยกรถที่เสีย โดยได้ช่วยซ่อมแบบเบื้องต้นให้ ก่อนที่นายมณฑล จะออกเดินทางต่อไป


โดยนายมณฑล ได้โยกสามล้อย้อนศรลอดใต้สะพานริมแม่น้ำป่าสักไปงีบหลับที่วัดราษฎร์บำเพ็ญ ห่างจากบ้านวาสนะเวชม์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ทันทีที่เห็นสื่อมวลชน ก็ลุกขึ้นจากเสื่อที่กำลังนอนอยู่ด่ากราดนักข่าวอีกและเรียกให้ไปหาเพื่อให้สัมภาษณ์อีกครั้ง


แต่เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามกลับปฏิเสธบอกเพียงว่า “กูไม่รู้ กูจำไม่ได้ ไม่เอาอะไรแล้ว” และขอร้องสื่อและเจ้าหน้าที่ว่าให้เลิกติดตาม และผู้สื่อข่าวยังพยายามสอบถามถึงกำหนดการที่จะเดินทางไปถึงกรุงเทพฯ นายมณฑล ตอบเพียงแค่ว่า “กูไม่รู้”


ด้านพระครูสังฆรักษ์ดุสิต จันทโชโต เจ้าอาวาสวัดราษฎร์บำเพ็ญ ที่เพิ่งทราบว่านายมณฑล เข้ามาอาศัยนอนใต้ศาลาวัด และเห็นพฤกรรมของนายมณฑล ที่อยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียว ด่านักข่าว ช่างภาพ ทำให้เจ้าอาวาสวัดเข้ามาช่วยเจรจาให้นายมณฑล ใจเย็นๆ และแยกแยะว่าใครทำดีหรือไม่ดีกับเรา ซึ่งผู้สื่อข่าวมาทำตามหน้าที่และเข้ามาช่วยเหลือ


 เจ้าอาวาสฯ ยืนยันว่านายมณฑล พักเหนื่อยอยู่ที่วัดได้ เพราะวัดเป็นพื้นที่สาธารณะ ใครจะเข้ามาก็ได้ เช่นเดียวกับผู้สื่อข่าวนายมณฑล ไม่มีสิทธิไล่ แต่ระหว่างนั้น นายมณฑล ได้เก็บเสื่อ ผ้าห่ม หมอน โยกรถสามล้อ ออกจากใต้ถุนศาลาการเปรียญไป เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ พม.และตำรวจก็ปล่อยให้นายมณฑล เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตามวัตถุประสงค์ โดยจะติดตามห่าง ๆ



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/0z-55ED30tM

คุณอาจสนใจ

Related News