จากหนุ่มรัฐวิสาหกิจ กลายเป็นทาสยาคลั่ง คว้าอีโต้จับลูกเมียเป็นตัวประกัน เจรจานาน 9 ชม.

ทาสยาคลุ้มคลั่ง คว้าอีโต้จับลูกเมียเป็นตัวประกันขังตัวเองในบ้าน แต่พอตำรวจที่พากันไประงับเหตุถอนกำลังไปแล้ว อาการคลั่งก็สงบลง อยู่กับครอบครัวตามปกติ

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ เปรี่ยมรัตนชัย สว.หัวหน้า สภ.โพนเขวา อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองแก้ว หมู่ 3 ตำบลโพนเขวา อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ว่ามีชายเกิดอาการคลุ้มคลั่ง แล้วใช้อาวุธมีดจับคนในครอบครัวเป็นตัวประกัน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลศรีสะเกษ มูลนิธิกู้ภัยสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน ขณะเดียวกัน ได้ประสานและสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอเมืองศรีสะเกษ รุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ เพื่อให้การช่วยเหลือและระงับเหตุ

ที่เกิดเหตุภายในบ้านมีผู้ก่อเหตุเพศชาย ทราบชื่อภายหลังว่าคือ นายอรงค์กร อายุ 27 ปี ภายในมืออาวุธของมีคมลักษณะคล้ายมีดอีโต้ กำลังอุ้มลูกสาววัย 5 ขวบอยู่แนบอก ใกล้กับผู้ก่อเหตุ เป็นภรรยาของผู้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ในอาการหวาดกลัว จากการถูกข่มขู่ และถูกผู้ก่อเหตุจับเป็นตัวประกันไว้ โดยตัวนายอรงค์กร ผู้ก่อเหตุ กำลังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ตะโกนโวยวาย พร้อมทำลายข้าวของภายในบ้าน

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่พยายามที่จะเข้าไปภายในบ้าน เพื่อเจรจากับผู้ก่อเหตุ แต่ปรากฏว่า ทุกช่องทางการเข้าบ้าน ทั้งประตูและหน้าต่างถูกปิดสนิท ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปได้ จึงได้ทำการสังเกตการอยู่ภายนอกบ้าน และกันพื้นที่ไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้อง เข้าไปยังที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนเบื้องต้น คาดว่าผู้ก่อเหตุ มีประวัติเคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และปัจจุบันก็ยังมีการใช้สารเสพติดอยู่เป็นประจำ โดยเมื่อผู้ก่อเหตุรู้ตัวว่าจะเกิดอาการหลอนจากการเสพยา ก็จะหลบไปอยู่คนเดียว โดยก่อนหน้านี้ ไม่เคยทำร้ายคนในครอบครัวแต่อย่างใด แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ สาเหตุเนื่องมาจากการใช้สารเสพติดแล้ว ยังประกอบกับมีอาการเครียด เนื่องจาก ผู้ก่อเหตุ มีปัญหากับเพื่อนบ้าน จึงเกิดอาการหลอนคลุ้มคลั่ง ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ จึงเกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้

ขณะที่ นางประภาพร แม่ของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ลูกชายของตนเป็นคนนิสัยดี ขยันโดยทำงาน อยู่องค์กรรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง มีเงินสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว จนกระทั่งมายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ปรากฏว่า ก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ทรัพย์สินที่หามาได้ ก็ขายหมด เพื่อนำมาซื้อยาเสพติด จนกระทั่งติดยาเสพติด และเกิดอาการหลอนยา ซึ่งหากจับตัวลูกชายของตนได้ อยากให้เจ้าหน้าที่ นำตัวลูกชายไปบำบัดยาเสพติดและนำตัวไปรักษาต่อไป

พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ เปรี่ยมรัตนชัย สว.หัวหน้า สภ.โพนเขวา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการเจรจา เป็นเวลาต่อเนื่องนานกว่า 9 ชั่วโมง แต่ว่าผู้ก่อเหตุก็ยังไม่หายจากอาการคลุ้มคลั่ง และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าต้องการอยู่กับครอบครัวตามลำพัง ดังนั้น เวลาประมาณ 18.00 น.เจ้าหน้าที่จึงได้พากันถอนกำลังออกจากที่เกิดเหตุ แต่ก็ได้วางกำลังเฝ้าสังเกตการอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และปรากฏว่า ผู้ก่อเหตุหลังจากที่เห็นเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกไปแล้วก็ได้มีอาการสงบลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ และอยู่กับครอบครัวภายในบ้านโดยไม่มีอาการรุนแรงอีกต่อไป

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/0ZOd1KpywIY