สังคม

ตำรวจจับกุมเครือข่ายตัวแทนประกันชีวิต ปลอมแปลงเอกสาร ฮุบเงินไปกว่า 10 ล้านบาท

โดย gamonthip_s

23 ธ.ค. 2566

347 views

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.มณเฑียร ธงเทียน สว.กก.1 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายศักดา อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 3918/2566 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม และร่วมกันฉ้อโกง” สถานที่จับกุม บริเวณลานจอดรถ ท่ารถตู้ต่างจังหวัดรังสิต ทางคู่ขนาน ถนนพหลโยธิน ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี



พฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุเมื่อประมาณเดือนกันยายน 2560 - กรกฎาคม 2561 นางสาวสุภัควิณี ผู้ต้องหาที่ 1 และนายรัฐธรรมนูญ ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นตัวแทนขายประกันของบริษัทประกันชีวิต ได้เสนอขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้กับลูกค้าทั่วไป ในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ ต่อมาผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ได้ร่วมกันเสนอโครงการประกันออมทรัพย์พิเศษ ให้กับลูกค้าจำนวนหลายราย โดยอ้างว่าจะได้รับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี และยังได้รับความคุ้มครองเมื่อเสียชีวิต 3 เท่าของเงินฝาก



ซึ่งโครงการออมทรัพย์พิเศษข้างต้นไม่มีอยู่จริง ด้วยผลตอบแทน และความคุ้มครองที่สูง ทำให้มีลูกค้าหลายรายหลงเชื่อซื้อประกันดังกล่าว เมื่อตกลงทำประกันแล้ว ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ได้ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสมุดรับฝากเงินที่ปรากฎตราสัญญาลักษณ์ และลายมือชื่อผู้บริหารบริษัทประกันชีวิตขึ้นมาทั้งฉบับ ส่งมอบให้กับลูกค้า ซึ่งมีลูกค้าหลายรายได้ชำระทุนประกันออมทรัพย์พิเศษข้างต้นนั้น ให้กับผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ด้วยเช็คสั่งจ่าย ซึ่งยอดเงินเหล่านั้น ไม่ได้ถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของบริษัทฯ แต่อย่างใด 



กรณีที่ 2 มีลูกค้ารายหนึ่งได้ทำประกันชีวิตกับบริษัทประกันชีวิต ผ่านผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 เมื่อลูกค้าผู้เอาประกันได้เสียชีวิตลง ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ได้ร่วมกันปลอมลายมือชื่อของลูกค้าในเอกสารใบคำขอเอาประกัน เอกสารถ้อยแถลงของผู้เรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และเอกสารการขอรับเงินค่าสินไหม จากบริษัทฯ โดยมีผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 เป็นผู้ดำเนินการรับสินไหมแทนผู้รับผลประโยชน์ เมื่อบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนจากการเสียชีวิตของผู้เอาประกัน โดยออกเป็นเช็คเงินสดของธนาคาร จำนวน 7,880,221 บาท ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ได้เก็บเช็คดังกล่าวไว้ และออกเช็คให้กับผู้รับผลประโยชน์เพียง 3,000,000 บาท โดยที่ผู้รับผลประโยชน์ไม่ทราบรายละเอียดกรรมธรรม์



ต่อมานายศักดาฯ ผู้ต้องหาที่ 3 (ผู้ต้องหาคดีนี้) ได้ยื่นใบคำขอเอาประกัน โดยหลอกลวงนำเช็คชำระเงินดังกล่าวที่ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 หลอกลวงให้บริษัทประกันชีวิต เคยสั่งจ่ายให้กับลูกค้าข้างต้น นำมาชำระค่าเบี้ยประกัน ต่อมานายศักดาฯ ได้ขอยกเลิกการสัญญาประกัน โดยอ้างว่าจะต้องนำเงินประกันข้างต้นไปสร้างบ้าน และขอรับเงินค่าเบี้ยประกันที่ชำระไว้จำนวน 7,880,221 บาท เมื่อบริษัทพิจารณาอนุมัติแล้ว ได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของ นายศักดาฯ ภายหลังนายศักดาฯ ได้โอนเงินไปยังบัญชีของผู้ต้องหาที่ 1 จำนวน 7,880,406 บาท และมีการแบ่งผลประโยชน์กันระหว่างผู้ต้องหาที่ 1-3 เป็นเหตุให้บริษัทประกันชีวิตได้รับความเสียหาย เนื่องจากหลงเชื่อส่งมอบเงินให้กับนายศักดาฯ รวมเป็นเงินจำนวน 7,880,221 บาท



ทั้งนี้บริษัทฯ ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้ จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษมอบคดีต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายไว้



จากการสืบสวนทราบว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ผู้ต้องหารายที่ 1 และ 2 ได้เดินทางหลบหนีไปประเทศเกาหลีใต้ อยู่ระหว่างประสานงานตำรวจสากลออกหมายแดง ส่วนผู้ต้องหารายที่ 3 ทราบว่าหลบหนีมาประกอบอาชีพรับจ้างขับรถส่งผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ - บางแสน จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. เฝ้าติดตาม และสังเกตการณ์อยู่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ได้สังเกตเห็นบุคคลที่มีตำหนิรูปพรรณตรงกับ นายศักดาฯ กำลังขับรถส่งผู้โดยสารมุ่งหน้าออกนอกเมืองไปทางรังสิต จึงได้ติดตามสะกดรอย จนสามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ที่บริเวณลานจอดรถ ท่ารถตู้ต่างจังหวัดรังสิต ทางคู่ขนาน ถนนพหลโยธิน ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี



จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหา มาทำบันทึกการจับกุมที่ห้องชุดปฏิบัติการที่ 1-7 ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

คุณอาจสนใจ

Related News