สังคม

แฉ 'สมมาตร' เคาะห้องสาว ป.เอก เป็นสามี ผจก.แมนชั่น - แม่ลั่นไม่ยกโทษให้ 'แม่บ้าน' ต้นเหตุชี้เป้าผิดตัว

โดย petchpawee_k

20 ธ.ค. 2566

60 views

หลังจากที่เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา คุณพ่อของนางสาว อาภาภรณ์ หรือน้องเฟิร์น สีชำนาญ อายุ 27 ปี นิสิตปริญญาเอก ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ไปร้องที่ สน.โชคชัย ขอให้ทบทวนเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุ ว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะผู้ก่อเหตุโดนแจ้งแค่ 3 ข้อหา ซึ่งเป็นลหุโทษ ทำให้ตำรวจต้องเชิญตัว 2 สามีภรรยา เจ้าของรถจักรยานยนต์ที่ไปจอดรถทับที่ผู้ก่อเหตุ  ป้าสา คนดูแลอะพาร์ตเมนต์  และนายสมมาตร ผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำอีกครั้ง ก่อนจะประชุมสรุปเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (19 ธ.ค.)


โดยตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย เปิดเผยความคืบหน้าภายหลังการประชุมว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับนายสมมาตร ชูเชิด หรือ แป๊ะ ผู้ที่ก่อเหตุเคาะห้องนักศึกษาปริญญาเอกเพิ่มแล้ว  ส่วนจะเป็นข้อหาเจตนาฆ่าหรือไม่ ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่เป็นข้อหาที่อัตราโทษสูงขึ้นกว่าเดิม


ส่วนคลิปวงจรปิดที่ปรากฎว่านายสมมาตร ขนของหลบหนี คาดว่าเป็นการขนของจากอพาร์ทเม้นท์ที่เกิดเหตุ ที่นายสมมาตรอาศัยอยู่ ก่อนเอาไปไว้ที่บ้านที่บ้านญาติ เพื่อฝากข้าวของไว้ เพราะหลังเกิดเหตุ ทางเจ้าของหอได้ให้นายสมมาตรพร้อมกับภรรยา ได้ย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว โดยข้อมูลตำรวจยืนยันว่า ไม่มีข้อมูลว่านายสมมาตรมีบ้าน 2 หลัง


ด้านป้าสา ผู้ดูแลตึกให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว โดยไม่ให้บันทึกภาพว่าส่วนตัวยินดีน้อมรับไม่ว่าจะผิดหรือถูกกับเหตุการณ์ที่น้องนึกศึกษาปริญญาเอกพลัดตกตึก และพร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจและบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจเชิญไปให้ปากคำรวมทั้งพยานบุคคลอื่นเพื่อเพิ่มคำให้การในรายละเอียดถึงพฤติกรรมของคู่กรณีในการพิจารณาสำนวนคดีของตำรวจ ส่วนจะมีการตั้งข้อกล่าวหาตนเองร่วมกระทำความผิดด้วยหรือไม่ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนพิจารณาแต่ตนเองน้อมรับในดุลยพินิจของตำรวจทั้งหมด


ส่วนประเด็นที่มีการระบุว่าคู่กรณีมีปากเสียงกับเพื่อนข้างห้องน้องที่เสียชีวิต ยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวคลาดเคลื่อนเพราะข้อเท็จจริงได้ให้ปากคำตำรวจไปหมดแล้ว ยอมรับว่าจิตใจย่ำแย่ อีกครั้งคนที่สูญเสียก็เหมือนกับลูกหลานที่เสียไป แต่มีหลายฝ่ายที่ให้กำลังใจ ก็ขอขอบคุณทุกๆ คน


ขณะที่ นางอารีย์ ไวศรี แม่ของน้องเฟิร์น เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ คุณแม่ไปที่เกิดเหตุ เพราะไปดูแล้วเชื่อว่าลูกพลัดตกเองไม่ได้ ก่อนที่แม่บ้านที่ชื่อสาจะขึ้นไปบนห้องและไหว้ขอโทษตนเอง ว่าเค้าเป็นต้นเหตุที่บอกเลขห้องของลูกสาวไป ก่อนตะโกนที่มาว่า “เฟิร์นป้าสาขอโทษนะ” แล้วก็บอกว่ามีคนสื่อถึงเฟิร์นได้ เฟิร์นบอกว่า เฟิร์นให้อภัย แต่แม่ไม่เชื่อ  ซึ่งในมุมมองของแม่มองว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรที่จะบอกเบอร์ห้องของผู้ที่อยู่อาศัย


คุณแม่ยัง บอกกับทีมข่าวอีกว่า  ตนเองยังทำใจไม่ได้ และจะเอาผิดกับคนที่เกี่ยวข้องจนถึงที่สุด ซึ่งมีอยู่ 3 คนหลักๆ คนแรกคือ นายสมมาตร ซึ่งเป็นคนเคาะประตู  คนต่อมาคือ ป้าคนดูแลตึก ที่เป็นคนบอกเลขห้องของน้องไป  และสุดท้ายคือ เจ้าของอะพาร์ตเมนท์ โดยคุณแม่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด เพราะเป็น 3 ส่วนที่ทำให้เกิดเหตุกับลูกสาว


พร้อมกันนี้ คุณแม่ยังตอบประเด็นเรื่องของคุณพ่อว่า คุณพ่อไม่ได้รู้ทุกอย่างในตัวน้อง เพราะว่าคุณพ่อไม่ได้เลี้ยงน้องมา แต่ที่คุณพ่อไปร้องเรียน ก็เริ่มมาจากการที่มาขอเอกสารหลักฐาน รวมถึงเบอร์ของเพื่อนๆ จากคุณแม่ที่วัด ตอนแรกแม่คิดว่าจะเอาไปช่วยดำเนินการด้านเอกสาร แต่ก็เข้าใจว่าพ่ออาจหวังดีเดินเรื่องให้ลูกสาว แต่ว่าตัวพ่อก็ไม่ได้รู้นิสัยของลูกจริง


ลูกสาวไม่ได้เป็นคนหวาดกลัวขนาดนั้น และเป็นคนใจกล้า แต่แน่นอนว่าหากเจอเหตุการณ์แบบนั้นที่มีคนมาเคาะประตูห้องก็ต้องรู้สึกกลัวแน่ แต่เค้ากล้าที่จะหลบหนี ความคิดเค้าเป็นคนคิดจะทำอะไรทำเลย เป็นคนห้าว เป็นคนขับรถเร็ว


ส่วนประเด็นที่คุณพ่อบอกว่าให้อภัยป้าที่ดูแลตึกนั้น คุณแม่บอกว่า เพราะแบบนี้ไง มันไม่ใช่นะ ถ้าป้าไม่พูดเรื่องมันก็จะไม่เกิด เพราะฉะนั้นคุณแม่จะยังไม่ให้อภัย เพราะลูกแม่กำลังจะจบด๊อกเตอร์ ลูกแม่เป็นเสาหลัก

หากเจอนายสมมาตร แม่ไม่มีอะไรจะพูดด้วย แต่ขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุดทุกคน ก่อนที่จะบอกว่าในวันที่ตนเองไปที่อะพาร์ตเมนท์ และมีการถีบนายสมมาตร เป็นเพราะตนแค้น


จากนั้นคุณแม่ก็หลั่งน้ำตา ก่อนบอกว่า ตนเองอธิษฐานจิตบอกกับลูกสาว ขอให้ช่วยแม่ให้ถึงที่สุด แม่ยอมรับว่า แม่ยังไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปยังไง มันตันไปหมด ตอนแรกไม่อยากอยู่แล้ว อยากตาย แต่ก็ได้เพื่อนๆ ของเค้าช่วยเหลือ พยายามพูดปลอบ ทำให้ตนต้องสู้ ลูกแม่ตายฟรีไม่ได้


ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก 'สายไหมต้องรอด' โพสต์ข้อความ ระบุ "อ้าว! คนในแมนชั่นแจ้งมา "สมมาตร" คนเคาะห้อง น้องเฟิร์น นศ.ป เอก คือผัวของปู ผจก.แมนชั่นไม่ใช่คนเช่าห้องตามที่ป้าแม่บ้าน กล่าวอ้าง!"


ทั้งนี้ มีหลักฐานเป็นแชทเฟซบุ๊คจากแหล่งข่าวส่งข้อมูลมาให้ทางเพจสายไหมต้องรอด โดยในแชท ระบุว่า "สวัสดีค่ะ อยากมาแจ้งความจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องคุณเฟิร์นค่ะเราสมัครเฟสมาใหม่เพื่อที่จะมาแจ้งความจริงโดยเฉพาะ ขอความกรุณาอย่าตามหาเราเลย แต่เรายืนยัน 100% ว่าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นความจริง 100%


เจ้าของแมนชั่นชื่อนอย ให้ลูกน้องชื่อปูซึ่งทำงานในส่วนของออฟฟิศเป็นผู้จัดการแมนชั่นแห่งนี้ เป็นคนเก่าคนแก่ที่ทำงานกับนอยมานานมากแล้ว และสมมาตรคือผัวของปู (ฟังจากข่าวหลายสำนักบิดเบือนไปว่าสมมาตรคือผู้พักอาศัย) มีแต่คนพูดถึงพี่สา แต่ไม่มีใครพูดถึงปูผู้จัดการแมนชั่นเมียของสมมาตรเลย เรื่องโวยวายเรื่องที่จอดรถมันเป็นปัญหาาที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว แต่ปูและสาเลือกที่จะปล่อย เวลาสมมาตรโวยวายก็จะรีบบอกให้คนที่ไปจอดตรงนั้นรีบย้ายรถ จนเกิดเรื่องนี้


ขึ้น สมมาตรมีปัญหากับคนในแมนชั่นนั้นหลายคนแล้วเรื่องที่จอดรถ แล้วที่สาพูดออกสื่อหลายอย่างไม่ใช่ความจริง ที่เราต้องแจ้งทางเพจเพราะเราสงสารน้องที่ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ แล้วก็กลัวน้องจะไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะจากที่ฟังข่าวตอนเรื่องเกิดแรกๆ ในข่าวยังบอกอยู่เลยว่าสมมาตรเป็นผัวผู้จัดการแมนชั่น แต่ไปๆมาๆ กลับบิดเบือนว่าเป็นแค่ผู้อยู่อาศัย อยากให้เอาเรื่องให้ถึงที่สุด และขอยืนยันว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง 100% (เจ้าของแมนชั่นชื่อเดียวกับแมนชั่น”





รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/WrUofuu9yok



คุณอาจสนใจ