สังคม
เปิดใจอดีตเลขารัฐมนตรี ยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุด หลังธนาคารดังทำโฉนดบ้าน-ที่ดินกว่า 50 ล้านหาย
โดย gamonthip_s
16 ธ.ค. 2566
741 views
จากกรณีนายไพศาล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 68 ปี อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่าตนเองได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และอยากขอความเป็นธรรมหลังจากตนเองได้นำโฉนดบ้าน และที่ดิน 418 ตารางวา ไปจำนองกับธนาคาร เมื่อปี 48 เป็นจำนวนเงิน 40 ล้านบาท และผ่อนชำระใช้หนี้เรื่อยมา จนยอดเหลืออยู่ที่ 23.3 ล้านบาท หลังจากนั้นตนได้ประกาศขายบ้าน ในราคา 35 ล้านบาท โดยต้องเสียค่านายหน้า กว่า 1.3 ล้านบาท ให้กับผู้ที่แนะนำคนมาซื้อบ้าน และทางผู้ซื้อได้มัดจำเงินมาให้กับตนเองแล้วจำนวนเงิน 2 ล้านบาท โดยนัดทำสัญญาโอนกันในวันที่ 25 ธันวาคม 66
ต่อมาทางตนเองได้ติดต่อไปที่ธนาคาร เพื่อขอไถ่ถอนโฉนดบ้านและที่ดินคืน ทางธนาคารแจ้งว่าต้องวางเงินจำนวน 1.3 ล้านบาทมาที่ธนาคารก่อน ตนจึงได้นำเงิน มัดจำในการไถ่ถอนไปวางไว้ให้ตามที่ธนาคารแจ้งมา ส่วนที่เหลืออีก 22 ล้านบาท ได้เตรียมเงินไว้แล้ว เพื่อที่จะจ่ายให้ธนาคาร เมื่อสอบถามโฉนดที่ตนเองจำนองไว้ และขอดูธนาคารกับแจ้งว่าโฉนดบ้าน และที่ดินตนเองหายไปตั้งแต่ปี 64 แล้ว และบอกให้ตนเองไปคัดสำเนาใหม่ โดยธนาคารปฏิเสธความรับผิดชอบ บอกได้เพียงคำเดียวว่า "ขอโทษ"
ตนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะไม่สามารถขายบ้านที่ผู้ซื้อมัดจำไว้ 2 ล้านบาท แถมทางคนซื้อก็จะปรับที่ตนผิดสัญญาซื้อขาย เป็นเงินอีก 2 ล้านบาท เพราะทางผู้ซื้อเองเขาก็เดือดร้อนเพราะต้องไปกู้เงินเสียดอกมาซื้อบ้านตนเองในราคา 35 ล้านบาท อีกทั้งตนยังจะต้องควักกระเป๋าเสียค่านายหน้าให้กับผู้ที่แนะคนมาซื้อบ้านอีกเป็นเงินล้านกว่าบาท ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ลูกสาวตนเองได้วางมัดจำจำนวน 500,000 บาท เพื่อที่จะไปซื้อหมู่บ้านอีกแห่งในราคา 15 ล้านบาท โดยต้องใช้เงินจากการขายบ้านหลังนี้ของตนเอง เมื่อมาเจอปัญหาแบบนี้ทำให้เงินมัดจำจำนวน 500,000 บาทของลูกสาวก็ต้องถูกยึดไป
ต่อมาเมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 15 ธันวาคม 66 ผู้สื่อข่าว ได้รับการเปิดเผยจากนายไพศาล ถึงกรณีดังกล่าวว่า ตอนนี้ตนเองเตรียมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เพื่อดำเนินการเอาผิดกับทางธนาคารทั้งทางแพ่ง และอาญา หลังทำตนเองเสียหาย และต้องเสียสิทธิ์ในการขายบ้าน ถูกผู้ซื้อจะปรับที่ผิดสัญญา รวมทั้งต้องเสียค่านายหน้าให้กับผู้ที่แนะนำผู้ซื้อมาซื้อบ้านตนเอง ตนเชื่อว่าโฉนดที่ดินของตนเองหายไปอย่างมีเลศนัย ต้องเกิดจากคนภายในนำโฉนดของตนเองไปหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ
หลังเกิดเรื่องเป็นข่าวทางธนาคารก็ยังนิ่งเฉย ไม่มีคำตอบให้กับตนเอง ตนได้รวบรวมหลักฐานเอกสารต่าง ๆ และตัดสินใจที่จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และทางอาญากับธนาคารแห่งนี้ ตนเคยเป็นบุคคลมีชื่อเสียงมีตำแหน่งหน้าที่การงานยังถูกกระทำขนาดนี้นับประสาอะไรกับคนธรรมดา ซึ่งไม่สามารถคาดเดา และพูดต่อได้เลย ยืนยันจะดำเนินการ และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หากทางธนาคารไม่สามารถนำโฉนดมาคืนตนเองได้