สังคม

อดีตชุดจับกุมเผยปมเสี่ยแป้งตัดพ้อไม่เป็นธรรม เชื่อถูกอัยการ บ. หักหลัง โดนต้องคดีคนเดียว

โดย taweelap_b

26 พ.ย. 2566

3.6K views

กรณี แป้ง นาโหนด ตัดพ้อปมไม่ได้รับความเป็นธรรม และถูกหักหลังจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง จึงอ้างว่าเป็นเหตุผลที่ใช้วางแผนหนีจากเรือนจำ และต้องการออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเองและนักโทษกว่า 393 ราย


ล่าสุดวันที่ 26 พ.ย. 66 ผู้สื่อข่าววิดีโอคอลพูดคุยกับ พ.ต.ท.รายหนึ่ง อดีตหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมนายจรวด เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 62 ติดต่อขอกำลังเสริม หลังถูกกลุ่ม เสี่ยแป้ง นาโหนด และพวกกว่า 20 คน วางแผนปล้นชิงตัวประกัน


พ.ต.ท.รายนี้ กล่าวว่า วันที่เสี่ยแป้ง พร้อมพวกกว่า 20 คน บุกเข้ามาชิงตัวนายจรวด สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจับกุมนายอัตชัย เครือข่ายยาเสพติดได้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนมีการขยายผล โดยได้ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือว่า หัวหน้าใหญ่เจ้าของยาเสพติด คือ นายต้น ฉายา ต้น พม่า ซึ่งข้อมูลแชตการสนทนานั้น มีการระบุชื่อและข้อมูลผู้รับยาเสพติด โดยมีของ “บอย” เป็นคนรับยาบ้าไป


จากข้อมูลแชต คือ นายต้น เจ้าของยาบ้า มีการซื้อขายยาบ้ากับนายบอย โดยนำยาบ้าไปให้จำนวน 17 เป้ รวม 850 มัด คิดยาบ้ามัดละ 15,600 บาท รวมเป็นเงิน 13,260,000 บาท ในบิลระบุจ่ายเงินไปแล้ว 2.9 ล้านบาท ค้างจ่ายอยู่อีก 10,360,000 บาท โดยนายต้น ได้ใช้ให้นายอัตชัย มีหน้าที่ไปทวงเงินค่ายาบ้าในส่วนที่เหลือ จากนั้นเมื่อจับกุมนายอัตชัยได้ ตำรวจจึงได้ติดต่อไปถึงนายต้น เจ้าของยาบ้าตัวจริง เพื่อขยายผลจับกุมต่อ


ทีมข่าวยังได้รับคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง นายต้น กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ในคลิปเสียง นายต้นได้ให้เบาะแสว่า นายบอย ที่นำยาบ้าไปนั้น แท้จริง คือ นายสิทธิเดช หรือ จรวด โดยนำยาบ้าไปทั้งหมด 850 มัด


ต่อมาเมื่อตำรวจได้ข้อมูลจากนายอัตชัย และนายต้น เจ้าของยาบ้าแล้ว จึงได้ขยายผลไปจับกุม นายบอย ที่บ้านพักที่ จ.พัทลุง โดยนำตัวนายอัตชัย ขึ้นรถไปด้วย เพื่อชี้พิกัดบ้าน จากนั้นเมื่อไปถึงบ้านนายบอย เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าจับกุม และมารู้ว่า นายบอยนั้น จริง ๆ แล้ว ชื่อจริงคือ นายสิทธิเดช หรือ จรวด โดยมีการถ่ายภาพ และบันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐาน


จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายจรวด และนายอัตชัย นำไปขยายผล โดยให้นายจรวด โทรศัพท์ติดต่อไปยังเครือข่ายที่ได้นำยาเสพติดไปฝากไว้นำมาส่งคืน เพื่อแลกกับการปล่อยตัว และไม่โดนดำเนินคดี


ต่อมา นายจรวด จึงได้โทรศัพท์ไปยังบุคคลรายหนึ่งที่อ้างว่า เป็นลูกพี่ ทราบภายหลังว่า คือ “อัยการ บ.” เพื่อให้ลูกน้องนำของกลางที่เป็นยาเสพติดคงเหลือมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่า เจ้าของยาบ้า เขามาทวงยาบ้าคืน เพราะจ่ายเงินไม่ครบ ขณะนั้นตำรวจมีการถ่ายคลิปมือถือ และบันทึกการสนทนาไว้ทั้งหมด และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ยังได้โทรศัพท์หาตนเองว่า หากยาบ้ามาถึงแล้ว จะขอกำลังเสริมจากตนบุกเข้ารวบตัวเครือข่ายที่นำยาบ้ามาส่งทันที ตนก็เตรียมตัวรอ


กระทั่งผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง นายจรวด พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้มีการนัดหมายกันในพื้นที่ ต.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุในตอนนั้น เมื่อถึงเวลานัดหมาย ปรากฏว่ามีรถปริศนา รถตู้ จำนวน 1 คัน และรถกระบะสีดำอีก 2 คัน ขับรถมาประกบหน้าหลังรถของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จากนั้นได้มีชายฉรรจ์ กือบ 20 คน ทุกคนใส่หมวกไอ้โม่งถืออาวุธปืนลงจากรถ และแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมหยุด อย่าขยับ พร้อมกับอ้างว่า เป็นตำรวจจับยาเสพติด ทำให้ตอนนั้น ตำรวจชุดจับกุม ตกใจและงงมากกว่า เป็นตำรวจชุดไหน และแสดงตัวเป็นตำรวจเช่นกัน


ก่อนที่จะมีชายคนหนึ่ง ภายหลังทราบว่า คือ เสี่ยแป้ง หัวหน้าที่บุกมาชิงตัวประกัน ถามตำรวจว่า “อ้าว เป็นตำรวจจริง ๆ เหรอ ไหนเอาบัตรตำรวจมาดู” เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงแสดงบัตรให้ดู เสี่ยแป้งตอนนั้น จึงได้พูดกลางวงที่ชิงตัวประกัน ต่อว่านายจรวด ว่า “ไหนลูกพี่มึง บอกว่า เป็นโจรมาชิงตัวมึงไป อัยการบอกว่า โจรจับมึงไปไอจรวด ถ้ากูรู้ว่าเป็นตำรวจกูไม่มาหรอก ทำไมหลอกกูแบบนี้”


ในตอนนั้น นายจรวด ซึ่งหนีลงจากรถเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมแล้ว ได้เข้ามาอยู่ฝั่งพวกเสี่ยแป้งที่มาช่วย โดยมีพวก ประธานติ่ง จ่าติ๊ก ระหว่างนั้น นายจรวด ที่ได้เข้าไปแย่งปืนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และจะยิงตำรวจชุดจับกุม แต่ถูกเสี่ยแป้งห้ามไว้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ยินเสี่ยแป้ง บอกกับจรวดว่า “มึงอย่ายิงตำรวจ ถ้ามึงยิง มึงมีเรื่องกับกูแน่ เขาเป็นตำรวจจริง” แต่ตอนนั้น นายจรวด ไม่ฟัง และได้ยิงใส่เจ้าหน้าที่ 1 คนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขา โดยเสี่ยแป้ง ไม่ใช่คนยิง ก่อนที่ เสี่ยแป้ง และพวกจะหลบหนีไป ส่วนนายจรวด และนายอัตชัย ก็ได้ขึ้นรถพวกเสี่ยแป้งไปอีกคัน โดยก่อนจะหลบหนี นายจรวด ได้นำโทรศัพท์มือถือของตัวเอง และมือถือที่ตำรวจบันทึกการจับกุมเอาไปด้วยทั้งหมด


ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ด้วยความตกใจและกังวล ไม่กล้าที่จะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ทำได้เพียงเข้าไปปฐมพยาบาลที่โรงพยาบาลควนขนุน ก่อนย้ายไปพักที่โรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ หลังเกิดเรื่องขึ้น ช่วงเช้าของอีกวันเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้โทรศัพท์ติดต่อมายังตนเองเพื่อขอกำลังเสริมไปคุมกันเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เพื่อเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.นาขยาด จากนั้น จึงได้ทราบเรื่องทั้งหมดจากชุดจับกุมว่า กลุ่มคนที่มาชิงตัวนายจรวด และนายอัตชัยไป คือ เสี่ยแป้ง


หลังจากรู้ว่าเป็น เสี่ยแป้ง ตนจึงได้โทรศัพท์ไปหาเสี่ยแป้ง เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ทำไมเสี่ยแป้ง ทำแบบนี้ เสี่ยแป้งจึงบอกว่า ไม่ทราบว่าบุคคลที่จับกุมนายจรวดไปคือตำรวจ เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง เสี่ยแป้งได้รับโทรศัพท์จากคนที่ชื่อ อัยการ บ. และ ประธานติ่ง และพ่อของนายจรวด ซึ่งได้ติดต่อเสี่ยแป้ง มาขอความช่วยเหลือ อ้างว่านายจรวดโดนกลุ่มรีดไถเกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดอุ้มไป อัยการ บ. จึงได้โทรศัพท์ให้เสี่ยแป้ง พร้อมทีมงานเข้าไปช่วยเหลือ โดยที่ไม่ได้มีการบอกความจริงว่า จรวดถูกตำรวจจับกุม เนื่องจากการขยายผลเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด


ทั้งนี้ ตนจึงได้บอกให้เสี่ยแป้ง นำอาวุธปืนที่พรรคพวกปล้นตำรวจไปนำมาคืน ตอนนั้นเสี่ยแป้ง บอกว่า ไม่ได้เอาปืนไป แต่คนที่นำปืนตำรวจไป คือ ประธานติ่ง 1 กระบอก, จ่าติ๊ก 1 กระบอก และนายจรวด เอาไป 1 กระบอก รวม 3 กระบอก แต่ขณะนั้น เสี่ยแป้ง ได้ขอเวลาตนเอง 2 วัน เพื่อนำปืนมาคืน เพราะประธานติ่ง นำปืน 1 กระบอกไปจำนำ ต้องไปไถ่ถอนออกมาก่อน กระทั่งผ่านไป 2 วัน เสี่ยแป้งก็ได้นำปืนทั้งหมดมาคืนให้กับตนเอง เพื่อส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้ลูกน้องเป็นคนนำใส่ถุงมาให้ ก่อนที่เสี่ยแป้ง จะและพวกทั้งหมด จะถูกจับกุมภายหลัง และมีการตั้งข้อหากับเสี่ยแป้ง และพวก แต่ต่อมา ตนไม่รู้ว่า กระบวนการแจ้งข้อหาเกิดอะไรขึ้น กลุ่มที่มีการเข้าไปชิงตัวประกัน กลับไม่มีใครโดนคดี และบางรายสามารถประกันตัวออกมาได้ แต่กลับดำเนินคดีและคัดค้านการประกันตัวเสี่ยแป้ง เพียงคนเดียว


ส่วนข้อครหาที่ว่า ตำรวจภาค 8 และกลุ่มพวกตนมีการจับกุมนายจรวด พ่อค้ายาเสพติดไปเรียกค่าไถ่ เสนอเงิน 3 ล้าน ตนยืนยันไม่เป็นเรื่องจริง แต่ยอมรับว่าระหว่างจับกุมนายจรวด ได้เสนอเงินเป็นค่าดูแลตำรวจ เพื่อแลกการปล่อยตัวจริง ตอนนั้นตำรวจได้แกล้งรับปากไปเท่านั้น เพื่อให้นายจรวด ทำตามคำสั่งเพื่อนำยาบ้ามาให้ได้ ซึ่งไม่มีการรับเงินเพื่อเรียกค่าไถ่แต่อย่างใด


การที่เสี่ยแป้งหลบและระบายออกมาในคลิปดังกล่าวนั้น ตนซึ่งเป็นคนที่รู้เหตุการณ์และรู้เรื่องราวก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ซึ่งตนก็ยังคงมีหลักฐานบางส่วนที่ยังเก็บไว้ มองการออกมาให้สัมภาษณ์ของนายจรวด ที่อ้างว่าตำรวจมีการรีดไถ่เงิน จึงทำให้ต้องมีการชิงตัวนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องราวทั้งหมดมาจากที่นายจรวดไปเบี้ยวค่ายาเสพติดจากทางกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดระดับสูงในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน มองสิ่งที่เกิดขึ้นทางครอบครัวนายจรวด รวมไปถึงอัยการ บ. และบุคคลอื่น ๆ น่าจะมีส่วนรู้เห็น และร่วมกันวางแผน ก่อนที่จะมาหลอกเสี่ยแป้งให้เข้าไปช่วย สอดคล้องกับที่เสี่ยแป้งเองได้ให้ข้อมูลกับตนเองว่า บุคคลที่ทางเสี่ยแป้งเชื่อและไว้วางใจจะมีเพียงไม่กี่คน หนึ่งในนั้น คือ อัยการ บ. และประธานติ่ง


อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.รายนี้ กล่าวด้วยว่า ตนเชื่อว่าการออกมาของเสี่ยแป้ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง น่าจะเกิดมาจากตัวเสี่ยแป้งถูกตั้งข้อหาและโดนจับกุม ทั้ง ๆ ที่เสี่ยแป้งไม่ได้เป็นคนทำ และไม่ได้เป็นคนยิงตำรวจ แถมยังห้าม “นายจรวด” ไม่ให้ทำร้ายร่างกายตำรวจด้วย เหตุการณ์วันนั้นหากอัยการ บ. ไม่ได้เป็นคนสั่ง หรือขอให้ช่วยเหลือ เสี่ยแป้งก็คงนิ่งเฉย และไม่กล้าที่จะเข้าไปช่วยอยู่แล้ว หากรู้ว่าเป็นตำรวจจริง

คุณอาจสนใจ