สังคม

ชาวบ้านแห่จองสวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทาน กรมป่าไม้แจงยังไม่มีนโยบายแจก

โดย gamonthip_s

19 พ.ย. 2566

156 views

วันที่ 19 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มมวลชน ผู้เรียกร้องที่ดินทำกิน จ.กระบี่ และชาวบ้านในพื้นที่ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เข้าจับจองพื้นที่สวนปาล์มน้ำมัน สร้างเพิงพักชั่วคราว มุงด้วยผ้ายาง กระจายตาม จุดต่าง ๆ ภายในสวนปาล์ม เอกชนรายหนึ่ง พื้นที่ หมู่ที่ 9 , 10 ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ที่อายุสัมปทานสิ้นสุดในวันที่ 18 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา พื้นที่กว่า 7,250 ไร่ บางกลุ่มได้มีการจับจองพื้นที่ โดยนับจำนวนต้นปาล์มน้ำมัน รายละ 200 ต้น หรือประมาณ 10 ไร่ ปักหลักทำเครื่องหมายไว้ โดยมีอดีตผู้นำชุมชน เป็นแกนนำ นำกลุ่มชาวบ้านเข้าจองพื้นที่ โดยมีการปล่อยข่าวว่า หลังจากหมดอายุสัมปทาน กรมป่าไม้ จะไม่ต่อสัญญาให้กับบริษัทนิวานิช จำกัด อีก โดยเปิดให้ชาวบ้าน เช่าพื้นที่แทน รายละ 10 ไร่ ทำให้มีชาวบ้านในพื้นที่เข้าจองพื้นที่กันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความขัดแย้งแย่งชิงพื้นที่กันเกิดขึ้น



นายสุเทพ ตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า ก่อนหมดอายุสัมปทานเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา มีข่าวลือว่า หลังจากบริษัทเอกชนหมดอายุสัมปทาน กรมป่าไม้ จะจัดสรรที่ดินให้ชาวบ้านเช่าทำประโยชน์ รายละ 10 ไร่ ทำให้มีชาวบ้านจากในพื้นที่ อำเภอปลายพระยา และใกล้เคียง และกลุ่มผู้เรียกร้องทำกิน เข้าจับจองพื้นที่กันเป็นจำนวนมาก มีกลุ่มบุคคลเรียกเก็บค่าดำเนินการ รายละ 1000 – 2000 บาท ทำให้เกิดความขัดแย้งแย่งชิงพื้นที่กันเกิดขึ้น มีการทะเลาะวิวาทกัน จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ชี้แจงกับชาวบ้านว่า พื้นที่สวนปาล์มน้ำมันดังกล่าว มีการต่ออนุญาตสัมปทานหรือไม่ หากไม่อนุญาตต่ออายุสัมปทาน จะนำมาจัดให้ชาวบ้านเช่าตามที่มีข่าวหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้เกิดความไม่สงบขึ้น



นายสมชาย นุชนานนท์เทพ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการป่าไม้ ที่ 12 สาขากระบี่ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมาจังหวัดกระบี่ได้พิจารณาเห็นชอบให้มีการต่ออนุญาตสัมปทานตามที่บริษัท ยูนิวานิช จำกัด ยื่นขอเสนอไปยังกรมป่า โดยล่าสุดกรมป่าไม้ได้สั่งการให้สำนักบริหารจัดการป่าไม้ ที่ 12 สาขากระบี่ ตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตสัมปทานถูกต้องหรือไม่ มีการบุกรุกพื้นที่เพิ่มหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบพื้นที่ และขณะนี้กรมป่าไม้ยังไม่มีนโยบายให้ชาวบ้านเช่าพื้นที่รายละ 10 ไร่ จึงขอเตือนประชาชนอย่างหลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่ดำเนินการเปิดให้ชาวบ้านลงชื่อยื่นเอกสารเข้าข่ายเป็นการหลอกลวง

คุณอาจสนใจ

Related News