สังคม

คนขับรถตู้เข้าพบตำรวจ ปฏิเสธไม่ได้ข่มขืนเด็กหญิง 13 ปี

โดย gamonthip_s

6 พ.ย. 2566

1.8K views

เมื่อวานนี้ 5 พ.ย.66 นางสวย (นามสมมติ) อายุ 63 ปี ชาวบ้านอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น ร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน บอกว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 ตุลาคม ได้ส่งหลานสาวอายุ 13 ปี ขึ้นรถตู้โดยสาร ที่ลูกชายซึ่งเป็นพ่อของเด็ก ติดต่อให้มารับถึงที่บ้าน เพื่อพามาอยู่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ ช่วงปิดเทอม ตามกำหนดรถตู้ต้องส่งถึงบ้านพ่อแม่ที่เขตบางกอกใหญ่ ช่วงเช้ามืดวันที่ 2 ตุลาคม แต่รถกลับไปส่งตอนเที่ยง โดยคนขับรถตู้อ้างกับพ่อเด็กที่โทรไปถามว่า ถึงช้าเพราะมีทำถนนรถติดมาก



เมื่อหลานไปถึงบ้านพ่อแม่ ก็มีอาการเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดจา พ่อแม่คิดว่า เมารถ จึงให้พักผ่อน ซึ่งหลานอยู่กับพ่อแม่ 1 เดือน กระทั่งวันที่ 30 ตุลาคม พ่อได้โทรเรียกรถตู้คันเดิมมารับลูกกลับขอนแก่น ครั้งนี้มีหลานชายอายุ 16 ปี นั่งกลับมาด้วย แต่เมื่อหลานสาวเห็นคนขับรถตู้ ก็ผวาร้องไห้กอดแม่ พ่อแม่คิดว่าลูกสาวคงคิดถึงพ่อแม่ จึงปลอบลูกสาว แล้วส่งขึ้นรถ จากนั้นรถตู้มาส่งหลานทั้ง 2 คน ที่บ้านเวลาเกือบ 9 โมงเช้าของวันที่ 31 ตุลาคม



หลังหลานสาวลงจากรถ ก็มีอาการเหม่อลอย พฤติกรรมเปลี่ยนไป ตอนกลางคืนไม่ยอมนอน เอาแต่พนมมือ พูดพร่ำ เอ่ยชื่อคนขับรถตู้ "น้าเดช" ย่าจึงพยายามพูดคุย จนหลานสาวยอมเล่าให้ฟังว่า ขาไปกรุงเทพฯ คนขับรถตู้ตระเวนส่งคนไปทั่ว จนเหลือหลานสาวคนเดียว น้าเดชได้นำน้ำมาให้ดื่ม แล้วข่มขืนหลานสาวในรถตู้ ขณะกำลังสะลึมสะลือ จนเลือดไหลเต็มเบาะ จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็สว่างแล้ว พบว่าตัวเองนอนในเบาะรถตู้ ซึ่งขับวนไปหลายที่ ก่อนพาไปส่งพ่อแม่ ซึ่งหลานไม่รู้ว่าวนไปที่ไหนบ้าง พร้อมนำคลิปที่ถ่ายไว้ ขณะนอนในรถตู้ให้ย่าดู



หลังจากนั้นหลานเหมือนคนมีอาการทางประสาท สติแตก โดยเฉพาะตอนที่เห็นภาพคนขับรถตู้ หลานสาวจะกรีดร้อง และบอกว่า "บักนี่มันเป็นปีศาจ" จึงโทรศัพท์บอกลูกชายและลูกสะใภ้ แล้วตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.แวงน้อย ซึ่งตำรวจก็รับแจ้งความ พร้อมส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแวงน้อย ผลตรวจเบื้องต้น ระบุว่า เยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาด และเป็นแผลที่เกิดขึ้นนานแล้ว ส่วนอาการเหม่อลอยเหมือนเสียสตินั้น เกิดจากอาการของคนถูกวางยา จึงส่งตัวหลานสาวไปรักษาต่อที่ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น นอกจากนี้ หลานชายที่นั่งรถตู้กลับมา ก็มีอาการหลอน ๆ ด้วย แต่ตอนนี้รักษาตัวเป็นปกติแล้ว



ส่วนลูกชายกับลูกสะใภ้ ก็ได้ไปแจ้งความที่ สน.บางกอกใหญ่ ที่กรุงเทพฯ เช่นกัน แต่คดีความไม่มีความคืบหน้าเลยทั้ง 2 ที่ ตำรวจหนองแวงบอกว่า คดีเป็นของ สน.บางกอกใหญ่ ที่หนองแวงจะคอยสนับสนุน ขณะที่ สน.บางกอกใหญ่ บอกว่า เหตุไม่ได้เกิดที่บางกอกใหญ่ เพราะที่นี่ไม่มีวินรถตู้ เหตุน่าจะเกิดแถว ๆ พาต้า ซึ่งก็ต้องรอผู้เสียหายอาการดีก่อน แล้วค่อยเรียกมาสอบปากคำ ซึ่งย่าก็บอกว่า ตอนนี้อาการหลานสาวก็ยังไม่ดีขึ้น ส่วนตำรวจก็ไม่มีฝ่ายไหนมาสอบสวนหรือติดต่อมา และหากปล่อยไว้นาน กลัวคนก่อเหตุจะไหวตัวหลบหนี



ขณะที่พ่อแม่เด็ก ได้ลางานมาเฝ้าลูกสาวที่โรงพยาบาล บอกว่า หลังเกิดเหตุก็ไม่เห็นความผิดปกติของลูก ลูกไม่เล่าอะไรให้ฟัง บอกแค่ว่า ลูกขอโทษที่เคยพูดไม่เพราะกับพ่อแม่ ซึ่งก็ให้อภัยลูก ตอนนี้ลูกยังมีอาการหวาดกลัว ร้องไห้ตลอดเวลา ก็อยากให้ตำรวจรีบสืบสวนสอบสวน จับกุมคนก่อเหตุเข้าคุกโดยเร็ว เพราะตอนนี้ลูกสาวไม่สามารถไปโรงเรียนได้ แพทย์ รพ.ศูนย์ขอนแก่น บอกว่า ยังไม่ทราบสาเหตุ ที่ลูกมีอาการคล้ายคนเสียสติ ซึ่งอาจเกิดจากเหตุการณ์ที่ถูกกระทำ ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก ซึ่งแพทย์จะแสกนสมองวันนี้เพื่อตรวจอย่างละเอียด พร้อมบอกว่า อาการเช่นนี้ต้องใช้เวลารักษาเป็นปี จึงจะมีอาการดีขึ้น ซึ่งเท่ากับว่าคนขับรถตู้ ทำร้ายลูกสาว จนเสียอนาคต



ล่าสุด ผู้สื่อข่าวติดต่อไปคุยกับน้าเดช คนขับรถตู้ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ภรรยาของน้าเดช มารับสายแทน พร้อมบอกว่า สามีนอนหลับพักผ่อนอยู่ เพราะดูข่าวแล้วก็เกิดความเครียด ยืนยันว่า สามีไม่ได้กระทำอย่างที่ถูกกล่าวหา ใครจะไปกล้าทำแบบนั้น ตนก็ไม่เชื่อว่าสามีจะทำ สามีบอกไม่ได้ไปส่งเด็กเป็นคนสุดท้าย หลังจากนี้จะดำเนินการตามกฎหมาย เอาผิดกับคนที่กล่าวหาสามี




ด้าน พันตำรวจเอก คะเชน ยืนยงค์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เผยว่า ตำรวจเข้าใจญาติพี่น้อง ที่เป็นผู้เสียหาย แต่คดีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่ สภ.แวงน้อย แต่หลังจากรับแจ้งความ ได้ประสานไป สน.บางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นเขตอำนาจสืบสวนสอบสวน โดย สภ.แวงน้อย พร้อมให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะเรื่องการตรวจยึดรถตู้ ไปตรวจหาร่องรอยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี แต่ตอนนี้ยังไม่มีการประสานมา และยังไม่ทราบว่า สน.บางกอกใหญ่ ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว




เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 นายภานุเดช ลิ้มอารีย์ นายอำเภอแวงน้อย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและผอ.รพ.แวงน้อย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บ้านของนางสวย (นามสมมุติ) อายุ 63 ปี ย่าของน้องงาม อายุ 13 ปี เพื่อให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียหาย 



นายภานุเดช ลิ้มอารีย์ นายอำเภอแวงน้อย กล่าวว่า หลังทราบเรื่องก็ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มาพบกับครอบครัวของผู้เสียหาย ซึ่งต่อมาก็ทราบว่า ตำรวจส่งตัวให้แพทย์ รพ.แวงน้อย ตรวจร่างกายในเบื้องต้นพบว่า ถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง ส่วนอาการสติแตกและเบลอ หลงลืม นั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบทางการแพทย์ ซึ่งขณะนี้น้องถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่นแล้ว



ในทางการดูแลและเยียวยาครอบครัวผู้เสียหาย โดยเฉพาะย่านั้น มีแพทย์จากรพ.แวงน้อย เข้ามาดูแลสภาพจิตใจในทุกๆวัน ส่วนทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ ที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แวงน้อย ก็เร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย



ทางด้าน พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.แวงน้อย กล่าวว่า คดีของน้องงามนั้น การสอบสวนหลัก ๆ อยู่ที่สน.บางกอกใหญ่ ทำการสอบสวน แต่ในส่วนของการรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อยู่ในพื้นที่ สภ.แวงน้อย ซึ่งขณะนี้ ผู้ที่ถูกกล่าวหานั้น ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.แวงน้อยแล้วพร้อมรถตู้คันที่ ขับรับส่งน้องงาม พักอยู่ที่บ้าน ม.1 บ้านแวงน้อย ต.แวงน้อย อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ขับรถตู้ ทะเบียนป้ายเหลือง กรุงเทพมหานคร



ผกก.สภ.แวงน้อย กล่าวอีกว่า หลังจาก ผู้ถูกกล่าวหาเดินทางเข้าพบตำรวจพร้อมรถตู้ จึงได้ส่งรถตู้ไปตรวจสภาพรถ เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐาน ที่ ศพฐ.4 ขอนแก่น รวมทั้งตรวจดีเอ็นเอ คนขับรถตู้ด้วย นอกจากนี้ ตำรวจยังได้เดินทางไปที่รพ.ศูนย์ขอนแก่น เพื่อเยี่ยมและดูอาการน้องงาม และฟังผลการรักษาจากแพทย์ว่า น้องงาม มีอาการอย่างไรบ้าง สามารถให้ปากคำได้หรือไม่ ซึ่งการเก็บหลักฐานต่าง ๆ รวมถึงผลการรักษาของน้องงามนั้น เมื่อผลออกมาก็จะถูกส่งไปให้พนักงานสอบสวนสน.บางกอกใหญ่ ให้ทำการรวบรวมหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

คุณอาจสนใจ

Related News