สังคม
‘เณรแอ’ เปิดตำหนักยันความบริสุทธิ์ เชื่อถูกดิสเครดิต หลังสาววัย 26 โวยถูกหลอกมีเซ็กซ์ถอนมนต์ดำ
โดย petchpawee_k
1 พ.ย. 2566
243 views
'เณรแอ' ยันไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศสาว 26 ปี ด้านนายเอกภพ เตรียมนำผู้เสียหายตรวจร่างกายและสุขภาพจิตพิสูจน์ความจริง ขณะที่ 'พระอาจารย์อ๊อด' ยัน อาการดังกล่าวไม่ได้ถูกของ แต่เป็นเพราะหมกมุ่นเรื่องไสยศาสตร์ แนะประชาชนเอาตัว เข้าหลับนอนแก้เคล็ดไม่มีจริง
กรณีมีหญิงสาวรายหนึ่งขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกจอมขมังเวทย์ชื่อดัง หลอกให้ทำพิธีถอนของมนต์ดำ ด้วยการมีเซ็กส์ ซึ่งเธอก็หลงเชื่อไปทำพิธีหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ผล จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก
โดยมีแชทข้อความของหญิงสาวรายนี้ อายุ 26 ปี ขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด โดยในแชทระบุว่า ผู้เสียหายไปหาจอมขมังเวทย์ชื่อดังที่สำนักหลายครั้ง เพราะต้องการให้จอมขมังเวทย์ชื่อดัง ถอนของ คุณไสย และมนต์ดำ ออกจากตัวเธอ เพราะเธอสงสัยว่าตัวเธอโดนของ แต่เมื่อไปถึงสำนัก จอมขมังเวทย์รายนี้ บอกให้เธอถอดเสื้อ เพื่อลงเสน่ห์ จากนั้นก็เอาอวัยวะเพศสอดใส่ไปที่ตัวเธอ ซึ่งตัวเธอก็ไม่ยอม
แต่จอมขมังเวทย์รายนี้บอกว่าเป็นวิชาทางไสยศาสตร์ แต่สุดท้ายชีวิตเธอก็ไม่ได้ดีขึ้นจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงตัดสินใจมาร้องกับเพจสายไหมต้องรอด
ช่วงบ่ายวานนี้ (31 ต.ค.) น.ส.เดียร์ (นามสมมติ) ผู้เสียหายวัย 26 ปี เปิดใจหลังเข้าร้องเรียน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด
น.ส.เดียร์ เล่าว่าก่อนหน้านี้ตัวเองมีอาการปวดศรีษะมาก และยังกินไม่ได้นอนไม่หลับ หน้าตาหมองคล้ำ และทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต เธอจึงคิดว่าที่เธอเป็นแบบนี้ เพราะญาติทำของใส่ เนื่องจากเธอมีปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดิน หลังจากนั้นจึงตัดสินใจเดินทางไปดูดวงที่ข้างวัดแห่งหนึ่ง ด้วยการหยดน้ำมนต์ ซึ่งตอนนั้นหมอดูบอกกับเธอว่าเธอโดนทำของใส่ เธอจึงไปหาข้อมูลทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์ จนไปเจอชื่อของจอมขมังเวทย์รายนี้ พอไปดูประวัติจอมขมังเวทย์ก็ทราบว่าจอมขมังเวทย์คนนี้มีการไปเรียนวิชาไสยศาสตร์เขมรจากประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำให้เธอเชื่อมั่นว่าสามารถรักษาอาการที่ตัวเองเป็นได้
เธอจึงตัดสินใจขอซื้อเกลือล้างอาถรรพ์และตะกรุด ในราคา 2,000 บาท จากนั้นเธอได้นำเกลือมาใส่อาหารทุกมื้อที่รับประทานในแต่ละวัน โดยเธอกินเกลือได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์เกลือก็หมดและอาการต่างๆ ก็ไม่ได้ดีขึ้น หลังจากนั้นเธอจึงประสานกลับไปที่จอมขมังเวทย์คนเดิม จึงได้รับคำแนะนำว่าให้เข้าไปหาที่ตำหนักย่านดอนเมือง
โดยครั้งแรกที่เข้าหาจอมขมังเวทคือวันที่ 8 ส.ค. 2562 ตอนนั้นมีการไปลงเสน่ห์ด้วยน้ำมัน ด้วยวิธีการเปลือยกาย ทั้งตัว ซึ่งเธอถูกจอมขมังเวทย์คนนี้ล่วงละเมิดตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางไปหา และหลังจากนั้นเธอก็ยังมีอาการเหมือนเดิมและที่หนักไปกว่านั้น มีอาการเพิ่มขึ้นไปจากเดิมด้วย คือ เธอมีความรู้สึกอยากจะเข้าไปหาและไปพูดคุยกับจอมขมังเวทย์คนนี้ และตามเนื้อตามตัวเธอมีลักษณะความรู้สึกเหมือนมีเข็มมาจิ้มตามร่างกาย จนมีการประสานไปหาจอมขมังเวทย์อีกครั้ง ซึ่งจอมขมังเวทย์ก็แนะนำให้เธอเข้าไปหาตั้งแต่ตอนนั้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยเธอไปครั้งล่าสุดคือช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้เอง
อย่างไรก็ตาม น.ส.เดียร์ บอกว่าหลังจากที่เธอรู้สึกถึงความผิดปกติได้มีการไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ดอนเมือง เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 66 แต่ตำรวจก็ยังไม่ดำเนินการอะไร วันนี้จึงมาร้องเพจสายไหมต้องรอดให้เข้าช่วยเหลือ เพราะอยากให้สังคมรู้ถึงพฤติกรรมของจอมขมังเวทย์คนดังกล่าว
ทั้งนี้ นางสาวเดียร์ยังยอมรับว่าสาเหตุที่ตัวเองเชื่อว่าถูกทำของใส่ เนื่องจากตอนเด็กๆตัวเอง มีความชื่นชอบในการค้นหาสิ่งเร้นลับด้วยการอ่านหนังสือ เกี่ยวกับไสยศาสตร์ มนต์ดำ จึงทำให้คิดว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง และปัจจุบันเธอก็ยังเชื่อเช่นเดิมว่าเรื่องเหล่านี้มีจริง
เวลาต่อมา นายเอกภพ ได้พา น.ส.เดียร์ ผู้เสียหายไปหา “พระครูโสภณภัทรเวทย์” หรือพระอาจารย์อิทธิพล ปธานิโก หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “พระอาจารย์อ๊อด วัดสายไหม” พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าตำรับวัตถุมงคล “ตะกรุดลูกปืน” และท่านยังเป็นเจ้าอาวาสวัดสายไหม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
หลังจากที่เดินทางมาถึงพระอาจารย์อ๊อด ได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่าทำไม น.ส.เดียร์ จึงคิดว่าตัวเองโดนของ พร้อมกับมีการดูแววตา สีหน้า ท่าทางของนางสาวเดียร์ ก่อนที่พระอาจารย์อ๊อด จะเริ่มทำพิธีเสกน้ำมนต์ในขัน ใช้เวลาในการท่องคาถาประมาณ 3 นาที ก่อนจะยื่นให้ น.ส.เดียร์ดื่มน้ำมนต์ให้หมดขัน ซึ่งพระอาจารย์อ๊อดบอกว่าถ้าคนโดนของจริงเวลาดื่มน้ำมนต์เข้าไปจนหมดจะมีอาการอาเจียนออกมา โดยระหว่างที่กำลังดื่มน้ำมนต์นางสาวเดียร์มีอาการอาเจียนออกมา 1 ครั้ง และมีอาการพะอืดพะอม แต่สุดท้ายเธอก็ดื่มน้ำมนต์ต่อจนหมดขัน
หลังจากนั้น พระอาจารย์อ๊อด ยืนยันต่อหน้าสื่อมวลชนและ น.ส.เดียร์ บอกว่า เท่าที่พระอาจารย์ดูจากอาการของนางสาวเดียร์แล้ว ลักษณะอาการแบบนี้ไม่น่าจะเป็นอาการของคนโดนของ เพราะหากเป็นคนโดนของจริงๆ ส่วนใหญ่จะมีญาติพามาหาพระอาจารย์และคนโดนของจะไม่กล้าที่จะสบตา และจะไม่มีแววตาด้วย ซึ่งเท่าที่สังเกตนางสาวเดียร์อยู่ในสภาพปกติทุกอย่าง ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะอาการจิตตก หรือมีอะไรที่คิดอยู่ภายในใจ อีกทั้งนางสาวเดียร์เป็นคนชอบศึกษาเรื่องไสยศาสตร์ ทำให้เกิดการอยากลองของ
ทั้งนี้ พระอาจารย์ขอฝากเตือนประชาชน บอกว่าแม้ปัจจุบันจะเป็นโลก 4G แล้ว แต่เรื่องไสยศาสตร์ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีอยู่ แต่ไม่เคยมีถึงขั้นที่จะต้องไปหลับนอนร่วมกับคนแก้คุณไสย หรือคนทำของ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นการเล่นผิดวิธี ถ้าพูดกันตามกฎหมายก็จะต้องไปตรวจสอบกันอย่างละเอียด
หลังจาก น.ส.เดียร์ ทำพิธีกับพระอาจารย์อ๊อดเสร็จ เธอบอกกับนักข่าวว่า หลังจากที่ดื่มน้ำมนต์เข้าไปแล้ว เธอรู้สึกตัวเบาและเลือดลมไหลเวียนดีขึ้น จนมีลมออกที่หู และอาการเจ็บตามร่างกายเบาบางลง ต่างจากที่ก่อนหน้านี้ตัวเองรู้สึกไม่สบายตัว ส่วนที่มีอาการอาเจียนออกมาคิดว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์ โดยหลังจากนี้ตัวเองจะเลิกคิดฟุ้งซ่านที่จะไปหาหมอดู ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเคยชื่นชอบและศึกษาตำราเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์ แต่เมื่อโดนกับตัวเองและรุนแรงถึงขั้นนี้ ทำให้ตัวเองต้องไปทบทวนถึงความเหมาะสมและถูกต้อง
ยืนยันว่าหากจะตัดสินใจทำอะไรหลังจากนี้ตัวเองจะไปพูดคุยกับเพื่อนและสามีก่อน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกเพราะตัวเองก็อายุมากแล้ว
เวลาต่อมานายเอกภพได้พา น.ส.เดียร์ เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เพื่อติดตามคดีที่ก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งความไว้แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างตำรวจสอบปากคำ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีต่อไป
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตำหนักของ นายหาญ รักษาจิตร์ หรือเณรแอ หลังจากที่นักข่าวเดินทางไปถึง เณรแอพาสื่อมวลชนไปตรวจสอบภายในห้องนอนส่วนตัว ซึ่งอยู่ติดกับห้องรับแขกที่ทำพิธี เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ จากการตรวจสอบภายในห้องนอนของเณรแอ มีแป้งปลุกเสกและเครื่องรางของขลังบางส่วน
ส่วนบริเวณที่ห้องรับแขกมีวัตถุมงคลเยอะแยะมากมาย นักข่าวสังเกตุเห็นกล่องใส่ผงสีขาวคล้ายกับเกลือ จึงสอบถามว่า “นี่คือเกลือที่นางสาวเดียร์กล่าวอ้างหรือไม่” แต่เณรแอบอกกับนักข่าวว่า “นี่ไม่ใช่เกลือแต่เป็นผงที่กินแล้ว ทำให้มีคนรักคนหลง ซึ่งสิ่งนี้ไม่ใช่เกลือเหมือนที่นางสาวเดียกล่าวอ้าง” หลังจากนั้นเณรแอได้พานักข่าวมาดูสถานที่อาบน้ำมนต์ซึ่งเป็นพื้นที่กลางแจ้งภายนอก
โดยเณรแอ ยืนยัน ว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมที่ น.ส.เดียร์กล่าวอ้าง ว่ามีการล่อลวงล่วง ละเมิดทางเพศเพื่อจะแก้เคล็ดและแก้คุณไสยมนต์ดำ แต่ยอมรับว่า นางสาวเดียร์เคยมาที่ตำหนักของตัวเองจริง 2-3 ครั้ง เพื่อมาทำพิธีอาบน้ำมนต์กับลงนะหน้าทอง ซึ่งมีการถูกตัวโดยใช้เพียงปลายนิ้วสัมผัสที่บริเวณหน้าผาก และไม่มีการเปลือยกายเพื่อทำพิธีลงน้ำมัน รวมทั้งไม่มีการร่วมหลับนอนกับ น.ส.เดียร์ อย่างแน่นอน ซึ่งแต่ละครั้งที่ น.ส.เดียร์ มา จะมีลูกศิษย์อยู่ตลอดเวลาและภายในบ้านก็มีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกจุด
ส่วนที่ น.ส.เดียร์ กล่าวหา เณรแอร์มองว่า น่าจะเป็นการดิสเครดิตเนื่องจากเร็วๆ นี้ตัวเองกำลังจะมีภาพยนตร์เข้าฉาย เรื่อง "มนต์ดำสั่งตาย" ส่วนการไปแจ้งความของ นางสาวเดียร์ตัวเองก็ยืนยันที่จะไปให้ข้อมูลกับตำรวจ แต่จะฟ้องกลับหรือไม่นั้นเดี๋ยวขอพิจารณาดูอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นายเอกภพ บอกว่า ข้อมูลที่ได้มา ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้มีความรู้เรื่องไสยศาสตร์ หลังจากสิ้นสุดขั้นตอนที่นี่จะพาผู้เสียหายไปตรวจสอบสภาพจิตใจและร่างกายที่โรงพยาบาล ส่วนที่แจ้งความไว้ ก็ให้ทางตำรวจสอบปากคำผู้เสียหาย ซึ่งพยานหลักฐานต่างๆ หลังจากนี้จะมีการประสานในการกู้ข้อมูลแชทมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติม
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/SuwjkaXzP1o
แท็กที่เกี่ยวข้อง เณรแอ ,ล่วงละเมิดทางเพศ ,หลอกมีเซ็นซ์ถอนมนต์ ,ไสยศาสตร์