สุดช้ำ! หนุ่มร้องทนาย ถูกสาวในแอปหาคู่หลอกแต่งงาน หลังได้มรดกเกือบ 2 ล้าน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 ต.ค.66 ที่ สำนักงานทนายความคู่ใจ นายอิฐ (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 35 ปี อาชีพ อดีตช่างต่อเติมบ้าน หนุ่มมหาสารคาม หอบหลักฐาน และทะเบียนสมรส เดินทางเข้าร้องเรียนกับ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังถูกลูกสาวกำนันดังใน จ.ชัยภูมิ ที่เจอกันทางแอปหาคู่ คุยกันได้ 1 เดือน หลอกให้มาสู่ขอแต่งงานด้วยเงินจำนวน 2 ล้านบาท หลังได้รับมรดกจากพ่อที่เสียชีวิตทิ้งไว้ให้เกือบ 2 ล้าน โดยโอนเงินเข้าบัญชีฝ่ายหญิงทั้งหมด

หลังหลงเชื่อแต่งงานจดทะเบียนสมรสแล้วย้ายไปอยู่บ้านฝ่ายหญิงได้ไม่ถึง 3 เดือน ก็ถูกฝ่ายหญิงบีบให้เลิกรา โดยใช้วิธีให้คนในบ้านไม่คุยด้วย ไม่หาข้าวให้กิน นอกจากนี้ยังไม่ยอมให้ร่วมหลับนอน โดยฝ่ายหญิงเสนอเงินให้ตน 50,000 เพื่อให้หย่า แต่ตนไม่ยอมเพราะคิดว่าตนถูกหลอกให้แต่งงานเพื่อเอาเงิน จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สภ.บ้านเพรช แต่คดีไม่มีความคืบหน้าเพราะพ่อฝ่ายหญิงเป็นกำนันคนดังในพื้นที่ จึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงเดินทางมาร้องเรียนกับทนายให้ช่วยเหลือ

นายอิฐ กล่าวว่า ตนพบเจอหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ แพน อายุ 27 ปี ชาวชัยภูมิ จากแอปหาคู่ เมื่อปี 2565 ซึ่งเป็นลูกสาวกำนัน อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ โดยมีการพูดคุยกันได้ประมาณ 1 เดือน ได้มีการเรียกตนไปที่บ้าน และมีการพูดคุยตกลงว่าจะแต่งงานกันโดยตนได้ไปกินอยู่บ้านเขาที่จังหวัดชัยภูมิประมาณ 1-2 อาทิตย์ จากนั้นวันที่ 24 ส.ค.65 ตนได้รับเงินมรดกจากพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วทิ้งไว้ให้จำนวน 1,900,000 บาท เข้าบัญชีตนเวลา 01.00 น. พอเวลา 06.00 น. วันรุ่งขึ้นตนก็เดินทางไปจดทะเบียนสมรส พอวันที่ 25 ส.ค.65 ตนก็เข้าพิธีแต่งงานที่ทางฝ่ายหญิงจัดเตรียมไว้ โดยเป็นเงินมรดกที่ได้จากพ่อ แล้วตนโอนเงินไปฝากไว้ที่บัญชีภรรยา ซึ่งภรรยาถอนเงินออกมาเป็นค่าสินสอดและจัดงาน เป็นเงินสดจำนวน 200,000 บาท และสร้อยคอทองคำจำนวน 7 บาท รวมค่าจัดงานทั้งหมดคิดเป็นเงินจำนวน 600,000 บาท

ส่วนเงินที่เหลือภรรยาได้นำไปใช้จ่ายส่วนตัว นอกจากนี้ตนยังนำเงินบางส่วนไปซ่อมแซมปรับปรุงบ้านให้กับภรรยา ซึ่งทุกอย่างก็อยู่กันอย่างผัวเมียปกติ แต่ผ่านไปไม่ถึง 3 เดือน พฤติกรรมของภรรยาตนก็เริ่มผิดปกติ ไม่ยอมให้ตนเข้าใกล้หรือร่วมหลับนอน ไม่พูดจาด้วย เหมือนต้องการบีบตนให้ออกจากบ้าน ตนจึงพูดกับภรรยา และแม่ภรรยา แต่ก็ทะเลาะกันตลอด ภรรยาไล่ตนออกจากบ้าน และขอหย่า ตนจึงต้องออกจากบ้านภรรยากลับมาอยู่บ้านตัวเอง หลังจากที่ตนเดินออกมาจากชีวิตภรรยาก็ได้ข่าวว่าภรรยาได้พาแฟนเก่าเข้าบ้าน ตนก็ไม่เข้าใจว่าตนยังอยู่ไม่ได้ แต่แฟนเก่าทำไมไปมาหาสู่กันได้ จึงคิดว่าการแต่งงานที่เกิดขึ้น ตนน่าจะถูกหลอกแต่งงาน เพื่อเอาเงินมรดกมาใช้หนี้ให้ที่บ้านภรรยา



ส่วนเหตุผลที่ตนไว้ใจภรรยาเพราะว่า หลังจากที่รู้จักกันไม่นานตนซึ่งมีคดีเก่าเป็นคดีมรดกของพ่อต้องใช้เงินจ้างทนายจำนวน 60,000 บาท ทางผู้หญิงก็โอนช่วยเหลือตน จึงเกิดความเชื่อใจ หลังจากนั้นไม่นานตนก็ได้คืนเงินจำนวน 60,000 บาทให้ภรรยา



ซึ่งตอนนี้ทางภรรยาตนก็ได้มีการโทรมาพูดคุยกับตนเป็นช่วง ๆ จะพูดคุยแต่เพียงเรื่องหย่า โดยมีการพูดว่าจะให้เงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อจ้างให้มาอย่า แต่ตนไม่ยอมเพราะจำนวนเงินที่ตนให้กับทางภรรยามันมากกว่าเงินที่เขาได้เสนอมามากพอสมควร

สุดท้ายวันนี้ที่เดินทางมาพบ ทนายรณรงค์ เพื่อให้ทนายรช่วย อยากให้ทางฝ่ายหญิงนำเงินมาคืนจำนวน 300,000 บาท และจะยอมหย่าแล้วจบทุกอย่าง



ด้านทนายรณรงค์ กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้เป็นเคสผัวเมียหลายคน เมียใหม่แฟนใหม่ไม่มีสิทธิที่จะมาแบ่งทรัพย์สินที่เป็นมรดกตกทอดของฝ่ายชาย ซึ่งถือว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ส่วนการที่ฝ่ายชายอยากได้เงินค่าสร้างบ้านคืนนั้น ต้องบอกว่าตามกฎหมายการที่เราไปสร้างบ้านในที่ดินของฝ่ายหญิงแบบนี้ ทางฝ่ายชายหมดสิทธิที่จะได้คืนตามกฎหมายเพราะสิ่งปลูกสร้างจะติดไปกับที่ดิน แต่ส่วนเงินที่นำไปลงทุนเปิดร้านขายของชำร่วมกันอย่างนี้ถือว่าเป็นสินสมรสต้องแบ่งครึ่งกัน ส่วนเงินที่ฝ่ายชายได้มรดกมาแล้วนำไปฝากไว้ที่ฝ่ายหญิง ด้านฝ่ายชายสามารถเรียกร้องคืนได้ทั้งหมดเพราะนั้นคือเงินส่วนตัว ไม่ได้หามาระหว่างแต่งงานกัน กรณีนี้ตนเชื่อว่าสามารถเจรจากันได้ เพราะฝ่ายหญิงก็ได้จากฝ่ายชายไปเยอะอยู่พอสมควร