อุทาหรณ์ลูกวัย 2 ขวบหยิบเหรียญเข้าปากเกิดติดคอ พ่อช่างตัดผมรีบเข้าไปช่วยไว้ทัน

ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ร้านตัดผมผมชาย มอสเฟิร์นบาร์เบอร์ช็อป ภายในจังหวัดขอนแก่น สามารถบันทึกภาพขณะที่ช่างตัดผมกำลังตัดผมให้กับลูกค้า จากนั้นได้มีหญิง ได้อุ้มเด็กหญิงเข้ามาด้วยท่ามทีตกใจ ก่อนจะเปิดประตูร้านมาจากนั้นช่างตัดผม ได้วางปัดตาเลียนที่กำลังตัดผมให้กับลูกค้า ก่อนจะวิ่งไปจับเด็กหญิงคว่ำหัวลง พร้อมกับเขย่าตัวและตบไปที่บริเวณหลัง ก่อนจะจับเด็กหญิงยืนกับพื้นจากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวก็ได้อุ้มเด็กหญิงกลับไป

จากนั้นช่างตัดผมได้เดินเข้ามาตัดผมให้กับลูกค้า ท่ามกลางความงงของลูกค้าก่อนที่ช่างตัดผม จะมีการโพสต์คลิปดังกล่าวลงใน TIKTOK และมีการแชร์คลิปดังกล่าวไปทั่ว พร้อมกับข้อความว่า “ดูไว้เป็นอุทาหรณ์เด็กกินเหรียญติดคอ วิธีการทำให้เหรียญออกคือการกลับหัวแล้วทุบเบาๆ บริเวณหลัง แล้วเขย่าเล้กน้อยจนกว่าเหรีนญจะออกมา”




ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปร้านตัดผมชาย มอสเฟิร์นบาร์เบอร์ช็อป 10 หมู่ 10 ตำบลโนนอุดม อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น พบกับนายพินิฐพนธ์ อายุ 30 ปี เจ้าช่างของร้านตัดผมดังกล่าว พร้อมกับเล่าว่า เดิมทีตนเองทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง จนกระทั่งในช่วงการแพร่บาดของไวรัสโควิด-19 ตนเองจึงได้ลาออกก่อนจะมาเปิดร้านตัดผมได้ประมาณ 4 ปี ส่วนคลิปนั้นตนเองได้มีการโพสต์ไปตั้งแต่เกิดเหตุปี 2564 คลิปดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 64 หรือ 2 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ตนเองกำลังตัดผมให้กับลูกค้า ภรรยาได้อุ้มลูกสาววัย 2 ขวบ เปิดประตูเข้าประตูเข้ามา ซึ่งขณะนั้นตนเองกำลังตัดผมให้กับลูกค้าพร้อมบอกว่า ลูกสาวได้กลืนเหรียญบาทเข้าไปและกำลังติดคอ ตนเองจึงได้รีบจับขาลูกก่อนจะคว่ำหัวลูกลงกับพื้น และใช้มือตีที่หลังไปประมาณ 3-4 ครั้ง จากนั้นเหรียญที่ติดคอลูกสาวก็หล่นออกมา ก่อนที่ภรรยาจะพาลูกกลับเข้าไปภายในบ้าน และตกเองก็กลับมาตัดผมให้กับลูกค้าตามเดิม ซึ่งตนเองเคยเห็นการช่วยเหลือเด็กที่เหรียญติดคอ และไม่คิดว่า จะมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตนเอง แต่เนื่องจากตนเองเคยดูคลิปการช่วยเหลือเด็ก ที่เหรียญติดคอมาก่อน

จนกระทั่งมาเกิดขึ้นกับครอบครัวตนเอง ก็สามารถใช้ความรู้มาช่วยเหลือลูกสาวได้ทันท่วงที และอยากฝากเตือนผู้ปกครองของเด็กเล็ก ได้คอยดูแลบุตรหลานอย่าวางเหรียญเหรียญไว้ทั่วไป เพราะเด็กที่ยังไม่รู้เดียงสาจะจับเหรียญมาเข้าปาก และกลืนลงคอเหมือนลูกสาวของตนเองก็เป็นได้ และอยากให้คลิปของตนเองเป็นการเตือนเพื่อเป็นอุทาหรณ์ด้วย ก่อนจะนำไปโพสต์ไว้ใน TIKTOK และทาง TIKTOK ได้ขึ้นความทรงจำตนเองจึงได้นำออกมาโพสต์ จนกระทั่งในช่วงเช้า มีการแชร์คลิปของตนเองไปจำนวนมาก