เด็ก 4 ขวบ ป่วยไข้หวัดต้องแอดมิต พยาบาลพาร์ทไทม์ฉีดยาผิดพลาดทำคนไข้ช็อก

จากกรณีแม่ของเด็กชายรายหนึ่ง โพสต์เฟซบุ๊กแชร์เรื่องราวของลูกชายวัย 4 ขวบ ป่วยไข้หวัด เข้ารักษาตัวโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยทางแพทย์และพยาบาล ฉีดยารักษาอาการผิดประเภท ทำให้ลูกชายช็อก มีเลือดออกทางปาก อาการสาหัส โดยระบุว่า


"ลูกชายอายุ 4 ปี เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชน ชื่อดัง จังหวัดตรัง 1 คืน ด้วยอาการไข้หวัดธรรมดา แต่ทางหมอและพยาบาล มีการฉีดยาผิดประเภท โดยเอายาพ่นมาฉีดเข้าเส้นเลือด เด็กมีเลือดออกทางปาก ช็อก ตาลอย อาการสาหัส ทางหมอและพยาบาลช่วยกันในห้องฉุกเฉินนาน 4 ชั่วโมง น้องอาการไม่ดีขึ้น ต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัด เพื่อรักษาอาการต่อ อาการยังทรุด ต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์ภาคใต้ มีการส่งตัวถึง 3 โรงพยาบาล ระหว่างเคลื่อนย้ายมีเลือดกระเซ็นออกปากตลอดเวลา น้องอยู่ICU 12 วัน อาการดีขึ้น แต่น้องยังมีผลข้างเคียง คือกล้ามเนื้ออ่อนแรง เหนื่อย หอบ ระบบประสาทซีกขวาบกพร่อง มีเหงื่อออกซีกซ้ายข้างเดียว ไม่มีเลือดหมุนเวียนในใบหน้าซีกขวา รูม่านตาหด หนังตาตก


ทีมแพทย์ทางโรงพยาบาลศูนย์ภาคใต้ สรุปอาการที่เกิดขึ้นกับน้อง จากสาเหตุครั้งนี้ ทั้งหมด 8 อาการ

1. หัวใจวายเฉียบพลันที่มีเลือดออกในปอด

2. ยาอะดรีนาลีนเกินขนาด

3. ปอดข้างขวาทะลุ

4. ติดเชื้อในทางเดินระบบหายใจ

5. โพรแทสเซียมสูง

6. สายตาเอียง

7. ภาวะของการหดตัวของหัวใจล้มเหลว

8. ฮอร์เนอร์

ทางโรงพยาบาลเอกชน ชื่อดังในจังหวัดตรัง ชี้แจงถึงสาเหตุว่า ยาออกฤทธิ์มากไป ซึ่งปกปิดและบิดเบือนความจริง จากผลที่ทางครอบครัวได้รับไปมาก หรือคนละเรื่องกันเลย


ตอนหลังทางโรงพยาบาลเอกชนดัง ได้ยอมรับว่า

- หมอสั่งยาผ่านระบบ แต่ระบบขัดข้อง เลยทำให้คำสั่งผิดพลาด

- พยาบาลที่ฉีดยาให้น้องไม่ใช่พยาบาลของโรงพยาบาล เป็นพยาบาลพาร์ทไทม์

- ยาตามคำที่สั่งหมอ คือให้ใช้พ่น แต่เอามาฉีดเข้าเส้นเลือด (ทำให้ยาเกินขนาด)

ตอนนี้น้องอาการดีขึ้นแล้ว แต่ทางครอบครัวอยากให้สื่อช่วยกระตุ้นความรับผิดในความผิดของโรงพยาบาล"

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามแม่ของเด็กชายคนดังกล่าว เปิดเผยว่า ลูกชายป่วยเป็นไข้หวัด มีอาการไอ และได้แอดมิท 1 คืน โดยพยาบาลได้ฉีดยาให้ ปรากฏว่าฉีดยาผิดประเภท ทำให้ลูกชายมีอาการช็อก ซึ่งทางโรงพยาบาลออกมาชี้แจงว่า ยาที่ใช้กับน้องทำปฏิกิริยาออกฤทธิ์แรงเกินไป แต่ผลสรุปยาที่ใช้นั้นผิดประเภท เกินขนาด เอายาที่พ่นฉีดเข้าเส้นเลือด โดยให้พยาบาลที่รับจ็อบพิเศษทำให้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลตรวจสอบ ส่วนอาการของลูกชายดีขึ้น ปลอดภัยแล้ว