สาวกินสุกี้ เกิดหน้าบวม-จมูกเน่า แพทย์ชี้ไม่เกี่ยวแพ้สุกี้ คาดเกิดจากติดเชื้อศัลยกรรม

จากกรณีผู้ใช้งาน Facebook รายหนึ่งส่งเรื่องมาขอความช่วยเหลือผ่านทางเพจโหนกระแสโดยระบุว่าตนเองไปกินสุกี้บุฟเฟต์เจ้าดังแห่งหนึ่ง ย่านบางแค จู่ๆก็เกิดอาการคัน บวมแดงบริเวณเบ้าตาและดั้งจมูก จากนั้นปากชาและมีอาการเวียนหัวคลื่นไส้ จนทนไม่ไหว ต้องรีบเช็กบิลกลับบ้าน



แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น บวมหนักกว่าเก่าจนต้องไปหาหมอ เจาะเลือดตรวจพบเม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติ ซึ่งแพทย์ระบุว่า ติดเชื้อแบคทีเรีย ต้องผ่าตัดดูดหนองที่จมูกออกและดึงซิลิโคนที่เธอทำศัลยกรรมเสริมจมูกไว้ออกด้วย หมดค่ารักษาพยาบาลไปกว่า 60,000 บาทและยังต้องติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง ผู้เสียหายจึงพยายามติดต่อไปยังร้านสุกี้ดังกล่าวก็พยายามบ่ายเบี่ยง และบอกจะรับผิดชอบด้วยกระเช้า 1 กระเช้าและคำขอโทษ




ล่าสุดทีมข่าวเดินทางไปพบนางสาวปูเป้(นามสมมติ) อายุ 41 ปีผู้เสียหายพร้อมแฟนหนุ่ม ซึ่งทั้งคู่เดินทางมาที่สน.ภาษีเจริญเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับร้านสุกี้ชื่อดัง หลังทางร้านพยายามจะปฏิเสธความรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาล โดยนางสาวปูเป้เล่าให้ฟังว่า วันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนเองพร้อมแฟนหนุ่มและเพื่อนอีก 2 คนไปกินสุกี้บุฟเฟต์ ชื่อดังย่านบางแค



ซึ่งปกติเธอเป็นสายบุฟเฟต์ ตระเวนกินชาบู สุกี้ หมาล่าต่างๆ เป็นประจำและร้านที่เธอไปกินก็เป็นแบรนด์ที่เธอเคยกินเป็นประจำอยู่แล้ว แล้วเธอกินได้ทุกอย่างไม่เคยมีอาการแพ้อาหารทะเล ในวันดังกล่าว อาหารที่เธอสั่งมาทาน มีเนื้อหมู เนื้อวัว ปลาหมึก กุ้งและแมงกะพรุน



ซึ่งเธอสงสัยว่า ถ้าจะติดเชื้อแบคทีเรีย หรืออาหารไม่สะอาดน่าจะมาจากแมงกะพรุนเพราะทั้งโต๊ะมีเธอกินแมงกระพรุนอยู่คนเดียว 2 ถาด ระหว่างที่กินไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมงเริ่มมีอาการคันบริเวณจมูกและแดงเป็นผื่น ก่อนจะเริ่มมีอาการบวมปูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วและปากชา เธอบอกว่าอาการเริ่มหนักขึ้น แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก จนสุดท้ายต้องรีบเช็คบิล และให้แฟนพาไปหาหมอ โรงพยาบาลแรกเป็นโรงพยาบาลรัฐ หมอวินิจฉัยเบื้องต้นว่ามีอาการอักเสบปวดบวมจึงให้ยาแก้แพ้และแก้อักเสบมาทาน



แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น หายใจยังไม่ค่อยออก จมูกบวมเป่งกว่าเดิม และ มือขวาชาจนขยับไม่ได้ วันต่อมาเธอจึงเปลี่ยนไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชน ทางโรงพยาบาลจึงมีการ ซักประวัติและตรวจเลือด พบว่าเม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติเป็นภาวะการติดเชื้อแบคทีเรีย และอาการค่อนข้างรุนแรงหมอจึงให้แอดมิด และทำการ ผ่าตัดเปิดโพรงจมูกดูดน้ำหนองออกและดึงซิลิโคนที่ทำศัลยกรรมออกด้วย



นางสาวปูเป้ บอกว่า หมดค่ารักษาพยาบาลไป 60,000 บาท ส่วนที่ทำศัลยกรรมจมูก 70,000 กว่าบาทต้องมาถูกถอดออกด้วยและทำมานานกว่า 3 ปีไม่เคยมีปัญหา อยากให้ทาง ร้านสุกี้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ไม่ใช่แค่กระเช้าอันเดียวและคำขอโทษ




โดยระหว่างที่ผู้เสียหายกำลังเล่ารายละเอียดต่างๆ ให้ผู้สื่อข่าวฟัง ทางตัวแทนร้านสุกี้ได้ติดต่อมาหาเธอและบอกให้รอ อีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ ตัวแทนร้านจะมาถึงที่ สน.ภาษีเจริญ เพื่อมอบกระเช้าและคำขอโทษ พร้อมระบุว่า ทางร้านยินดีรับผิดชอบ แต่ไม่ยืนยันว่า จะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดได้ โดยอ้างว่า ใบรับรองแพทย์ไม่ได้ระบุชัดเจน ว่าเกิกจากการแพ้อาหารที่ทานเข้าไป



ทางผู้เสียหายสวนกลับด้วยความโมโหเลยว่า ตลอดทั้งวันตัวเองไม่ได้รับประทานหรือเอาสิ่งแปลกปลอมอะไรเข้าไปในร่างกายมีแต่ที่ไปกินอาหารในร้านสุกี้ของคุณ และใบรับรองแพทย์ต้องให้ระบุชัดเจนขนาดไหนผลตรวจเลือดออกมาแบบนี้ยังว่าไม่ชัดเจน , และความรับผิดชอบของทางร้านเพียงแค่มอบกระเช้ากับคำขอโทษ เธอถามกลับว่างั้นถ้าเธอชกหน้า ตัวแทนของร้านสุกี้และขอโทษคงจบใช่ไหม



ขณะที่ทีมข่าวสอบถามไปยัง นพ.พิเชฐ รุ่งศิริแสงรัตน์ หรือ หมอหน่อง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม รพ.มาสเตอร์พีซ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบผลเลือด , ประวัติการรักษาและภาพถ่ายตอนที่ขณะผู้ป่วยมีอาการบวมตุ่ยบริเวณแกนจมูก โดยต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็น คือ เรื่องการแพ้อาหารและเรื่องการติดเชื้อ ซึ่งกลไกการเกิดโรคของทั้งสองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่อาจจะมาเกิดในเวลาที่ใกล้เคียงกัน และกรณีนี้ชัดเจน ว่า เกิดจากการติดเชื้อ บริเวณแกนจมูก



ซึ่งเรื่องการศัลยกรรมทำจมูกแม้ผ่านไปหลายปีสามารถติดเชื้อได้ในภายหลัง อาจเกิดจากการหล่อซิลิโคนไม่ได้มาตรฐาน ขั้นตอนการทำศัลยกรรมไม่ดี ทำให้มีเชื้อโรคไปเกาะอยู่ที่แกนซิลิโคนที่ใส่เข้าไปและสะสมเชื้อโรคจนเกิดอาการติดเชื้อในภายหลัง อีกสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ คือ สิว บริเวณจมูกและใบหน้า



โดยสรุปเบื้องต้น หมอหน่อง มองว่า ไม่เกี่ยวกับการแพ้อาหาร แต่เป็นการติดเชื้อ ยิ่งลักษณะบวมบริเวณแกนจมูกที่ทำศัลยกรรม น่าจะเกิดจากตรงนี้มากกว่า ส่วนการทานอาหารที่มีเชื้อโรคสิ่งแปลกปลอมอื่นเข้าไป มักจะเกิดอาการท้องร่วง ท้องเสีย มีไข้มากกว่า