สังคม

กทม.คาดใช้เวลา 7 วัน กู้ซากทางยกระดับถล่ม - ครอบครัววิศวกรเศร้าทำใจไม่ได้ ขาดเสาหลัก

โดย petchpawee_k

12 ก.ค. 2566

38 views

รองปลัดกรุงเทพฯ คาดใช้เวลา 7 วัน กู้ซากทางยกระดับถล่ม โดยรื้อใช้วิธีตัดยกออกทีละชิ้น พื้นที่มีจำกัดเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน


จากกรณีเหตุทางยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบัง บริเวณหน้าห้างโลตัส สาขาลาดกระบัง พังถล่มลงมาถล่มมีคนงานได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 12 ราย เสียชีวิต 2 ราย รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ถูกโครงสร้างเหล็กและคานปูนทับเสียหายหลายคัน

วานนี้ (11 ก.ค.) นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายชัชชญา ขำจันทร์ ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง เดินทางลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุเพื่อร่วมประเมินวางแผนการเคลื่อนย้ายโครงสร้างที่ถล่มร่วมกับเจ้าหน้าที่วิศวกร


นายณรงค์ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ผู้บริหารกรุงเทพมหานครได้เข้ามาดูในพื้นที่ และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหา ซึ่งสิ่งที่ต้องเร่งรัดในตอนนี้ คือการเร่งรื้อโครงสร้างที่เกิดความเสียหาย ไปกระทบกับการจราจรและเกิดความเสี่ยงต่อประชาชนในพื้นที่


ทั้งนี้ได้มีการวางแผนรื้อย้ายโครงสร้างกับสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร และบริษัทผู้รับเหมา ซึ่งอันดับแรกจะเร่งเคลียร์พื้นที่ในส่วนที่กีดขวางการจราจร เพื่อให้เปิดใช้งานได้เร็วที่สุด ส่วนที่เหลืออื่น ๆ เป็นแผนการดำเนินการต่อจากนี้ ว่าจะมีการซ่อมแซมแก้ไขต่อไปอย่างไร


นอกจากนี้ได้ใช้เครื่องจักรเป็นรถเครนขนาด 200 ตัน และ 50 ตัน เพื่อจะมาช่วยในการยกพยุงตัวโครงสร้างและตัดชิ้นส่วนที่เสียสภาพเพื่อทำการเคลื่อนย้ายออกไป ซึ่งการที่ต้องตัดเพราะโครงสร้างมีขนาดใหญ่ ประกอบกันขึ้นมา ทำให้มีความยาวและน้ำหนักมาก ยากต่อการเคลื่อนย้าย ซึ่งในการแบ่งออกเป็นชิ้นนั้น จะใช้วิธีการถอดน็อตตามโครงสร้างที่ประกอบไว้  แต่หากส่วนไหนถอดไม่ได้หรือถอดยาก ก็จะใช้แก๊สเป่าให้ขาด ซึ่งระหว่างการดำเนินการถอดแบ่งชิ้นส่วน ต้องใช้เครนขนาดใหญ่ยกถ่วง และใช้เครนตัวเล็กพยุงไว้ให้ทำงานได้ปลอดภัย


ทั้งนี้อุปสรรคสำคัญคือเรื่องสภาพพื้นที่ที่มีจำกัด ทำให้การทำงานอาจไม่คล่องตัวเท่าที่ควร และต้องระมัดระวังในจุดที่อยู่ใกล้กับปั๊มน้ำมัน โดยต้องมีการวัดแก๊สตลอดเวลา ซึ่งจากกการประเมินคร่าว ๆ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน จะสามารถเคลียร์พื้นที่ส่วนที่กีดขวางการจราจรได้ทั้งหมด


สำหรับสาเหตุของเหตุการณ์ในครั้งนี้ ยังต้องรอการวิเคราะห์ข้อมูลหลายส่วนประกอบกัน โดยจะนำโดรนขึ้นไปถ่ายภาพมุมสูงเพิ่มเติม เพื่อนำมาวิเคราะห์การเคลื่อนตัวของโครงสร้างร่วมกับภาพที่ได้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามได้สั่งระงับการก่อสร้างโครงการดังกล่าวโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา จนกว่าจะสามารถหาแนวทางการแก้ไขได้อย่างปลอดภัยถูกต้องตามหลักวิศวกรรม


ขณะที่นายชัชชญา ขำจันทร์ ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง กล่าวว่า เรื่องเส้นทางการจราจร ได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.จรเข้น้อย เพื่อแก้ไขปัญหา เนื่องจากต้องมีการปิดการจราจรบางส่วนทั้งฝั่งขาเข้าขาออก โดยฝั่งขาเข้ามีการเปิดซอยทางลัดที่ซอยหลวงแพ่ง 6 และซอยหลวงแพ่ง 8 ไปออกที่ซอยหลวงแพ่ง 4  ส่วนขาออกมีซอยทางเชื่อมบริเวณตรงข้ามจุดเกิดเหตุ ซึ่งตั้งแต่เมื่อช่วงเช้ายังไม่มีปัญหาการจราจร

------------------------------------------------------

กทม.แถลงสาเหตุทางยกระดับลาดกระบังถล่ม ยันไม่เคยสั่งเปลี่ยนแบบ ส่วนสาเหตุ ต้องรอการสรุปของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แต่สิ่งที่พบชัดเจนพบว่าเกิดจาก ชิ้นส่วนการก่อสร้าง Segment Box เกิดภาวะวิบัติขณะดึงลวดอัดแรง ส่งผลโครงเหล็ก Launching Truss หรือโครงเหล็กที่รับน้ำหนักอยู่ด้านบน เกิดภาวะเสียสมดุล พังหล่นลงมา


วานนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ร่วมกันแถลงข่าว กรณีเหตุการณ์โครงการก่อสร้างทางยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง ในพื้นที่เขตลาดกระบังถล่ม

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงว่า กรณีที่มีข่าวว่าทีมชัชชาติ ให้เปลี่ยนแบบการก่อสร้าง เป็นเรื่องไร้สาระไม่เป็นความจริง เพราะมันเป็นเรื่องการก่อสร้างปกติ ที่ผู้รับเหมาดำเนินการล่าช้า เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ที่ห้ามขนย้ายคนงาน จึงแจ้งขอเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่การก่อสร้างขอแจ้งเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างได้ ไม่ใช่การสั่งเปลี่ยนการก่อสร้างของ กทม. ดังนั้นการสื่อสารของประชาชน ขอให้ใช้สิ่งที่ถูกต้อง เพราะนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบออนไลน์ ถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย


สำหรับโครงการก่อสร้างทางยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง ที่เกิดเหตุถล่ม ผู้รับเหมาที่รับผิดชอบ คือกิจการร่วมค้าธาราวัญ – นภา ประมูลโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธุ์ 2564 – 11 สิงหาคม 2566 เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับ กทม. ในส่วนของงานก่อสร้างทางยกระดับ และเกี่ยวข้องกับการไฟฟ้านครหลวง ในส่วนของการเดินระบบไฟฟ้า // ในส่วนงานก่อสร้างทางยกระดับที่เกี่ยวข้องกับ กทม.วงเงินตามสัญญา 1,664.55 ล้านบาท ซึ่งราคากลางอยู่ที่ 1,665 ล้านบาท ผู้ประมูลได้เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางประมาณ 4 แสนบาท เป็นการประมูลก่อนที่ผู้บริหารชุดปัจจุบันจะเข้ามา / ส่วนระยะทางของทางยกระดับดังกล่าว มีความยาวประมาณ 3,500 เมตร ขนาด 4 ช่องจราจร พร้อมปรับปรุงสะพาน ศ.ส.ล.ที่ใช้ข้ามคลอง และปรับปรุงระบบไฟฟ้า



ที่ผ่านมามีปัญหาความล่าช้า เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 แต่ กทม.ก็พยายามเร่งรัดโครงการดังกล่าวอยู่ สำหรับเกตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ค.66 เกิดจากโครงสร้างสะพาน ในส่วนของชิ้นส่วนการก่อสร้าง Segment Box เกิดภาวะวิบัติขณะดึงลวดอัดแรง ส่งผลโครงเหล็ก Launching Truss หรือโครงเหล็กที่รับน้ำหนักอยู่ด้านบน เกิดภาวะเสียสมดุล จึงพังถล่มลงมา ทำให้เกิดความเสียหายประมาณ 1 ช่วงสะพาน กับอีก 2 เซกชัน ส่งผลให้เสาทางยกระดับพัง 2 ต้น คือ ต้นที่ 83 กับต้นที่ 84 ทำให้ชิ้นส่วนสะพานยกระดับตกลงมา ส่งผลให้คนงานได้รับบาดเจ็บ 7 คน และวิศวกรทำหน้าที่ดึงลวด เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน และมีคนงานอีก 1 คนไปเสียชีวิต ที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9


ส่วนสถานการณ์ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการรื้อถอน โครงสร้างที่พังถล่มลงมา ด้วยการใช้เครน 22 ตัน 3 ตัว ยกโครงเหล็ก Truss ด้านบนที่มีความหนัก 7 ตัน จำนวน 4 ชิ้น  สำหรับเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้น มีบริษัทประกันภัยเข้ามาดูแล ตามระเบียบของ กทม.และมีบริษัทผู้รับเหมาเป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว


นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสาที่หักล้ม มี 2 ต้น คือเสาตัวที่ 83 กับ 84 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากตัวโครงเหล็ก Truss ด้านบนที่รับน้ำหนักของชิ้นส่วนการก่อสร้าง Segment Box ขณะกำลังดึงลวดสลิงในช่วงเสาต้นที่ 84 กับ 83 เกิดการที่ไม่สมดุลของ Launching Truss หรือตัวที่ใช้ยึดคานสะพานชั่วคราวระหว่างก่อสร้าง จึงทำให้โครงเหล็ก Truss และ ชิ้นส่วนการก่อสร้าง Segment Box พังถล่มลงมา

--------------------------------

ครอบครัวเศร้า! เตรียมรับศพวิศวกรเหตุทางยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบัง ถล่ม ภรรยายังทำใจไม่ได้เสียเสาหลักของครอบครัว เผย ผลการชันสูตรสาเหตุการตายเกิดจากของแข็งกระแทกศีรษะ


วานนี้ (11 ก.ค.) นางวินุด แสนสีมล อายุ 38 ปี ภรรยาของ นายฉัตรชัย ประเสริฐ วิศวกรโครงการ เดินทางมาพร้อมลูกชาย 2 คน อายุ 6 ขวบและ 13 ปี พร้อมด้วยญาติ  มาที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อยื่นเอกสารติดต่อเข้ารับศพนายฉัตรชัยประเสริฐ ท่ามกลางบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า เพื่อนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพังกิ่ง ต.สมหวัง อ.กงหลา จ.พัทลุง


นางวินุด ภรรยาของนายฉัตรชัย เปิดเผยว่า เหตุที่เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไปที่จะทำใจได้ การจากไปของสามีซึ่งเป็นคนรักรวดเร็วเกินไป เพราะเป็นเสาหลักของครอบครัว ยากเกินจะทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาสามีเป็นคนรักงานในอาชีพวิศวกรเป็นอย่างมาก ถึงแม้ก่อนหน้านี้สามีทำอาชีพนี้มาแล้วกว่า 7 ปี โดยปฏิบัติหน้าที่อยู่ในจังหวัดสตูล โดยได้เดินทางกลับบ้านที่กรุงเทพฯ 1-2 เดือนครั้ง


แต่หลังจากย้ายมาอยู่ที่โครงการดังกล่าวได้ประมาณ 4 เดือนถือเป็นโอกาสดีที่ได้มาอยู่ใกล้บ้านและครอบครัว ที่ผ่านมาเขารักและทุ่มเทกับการทำงานเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ไม่มีลางสังหรณ์แต่อย่างใด สามีออกไปทำงานตามปกติ


ส่วนสาเหตุตนยังไม่ทราบและไม่กล้าที่จะฟันธง แต่รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาทางบริษัทได้เข้ามาติดต่อพูดคุยแสดงความเสียใจแต่ในรายละเอียดไม่ขอเปิดเผย ขอให้จัดการงานศพให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยก่อน


สำหรับผลการชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นเกิดจากของแข็งกระแทกบริเวณศีรษะ ทั้งนี้ทางครอบครัวจะเคลื่อนร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลยังภูมิลำเนา ในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) เนื่องจากรอบิดาและมารดาของผู้เสียชีวิต ซึ่งยังอยู่ระหว่างการเดินทางมาจากจังหวัดพัทลุงเพื่อมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนาต่อไป


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/5W8tIuigpoA

คุณอาจสนใจ