เสียงจากกู้ภัยที่ต้องแบกภาระหลัง 1669 ไม่จ่ายค่าชดเชยออกเหตุฉุกเฉิน

วันที่ 4 ก.ค. เวลา 19.30 น. ที่จุดบริการประชาชนของสมาคมกู้ภัยนทีธรรม ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพุดคุยกับเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยนทีธรรม ในฐานะรับผิดชอบภารกิจการแพทย์ฉุกเฉินของหน่วยปฏิบัติการพื้นฐาน(สพฉ.1669) ที่สแตนด์บาย รอรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน หลังมีกระแสข่าว สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เกิดปัญหาภายใน ซึ่งเป็นการบริหารงานจัดการข้อมูลระหว่างฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศกับงานกองทุน ส่งผลให้ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินชดเชยให้กับหน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ โดยเฉพาะมูลนิธิ (อปท.) กว่า 9,000 หน่วยงาน ได้รับผลกระทบและเริ่มทยอยหยุดปฏิบัติภารกิจ ล่าสุดมีหน่วยกู้ภัย ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ เพราะต้องแบกภาระค่าใช้จ่าย ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าครองชีพ ได้

โดยนายเส่นห์ พนมเริงศักดิ์ นายกสมาคมกู้ภัยนทีธรรม กล่าวว่า กู้ภัยนทีธรรมเป็นหน่วยกู้ภัยที่จัดขึ้นเอง ของเหล่าอาสาสมัครที่ต้องการช่วยเหลือสังคม เป็นกู้ภัยเล็กๆดูแลกันแบบครอบครัว เพราะส่วนใหญ่น้องๆอาสาจะอยู่ในระหว่างการเรียน ใช้เวลาว่างมาเป็นอาสาสมัครกู้ภัย ได้ขึ้นทะเบียนกับการแพทย์ฉุกเฉิน(สพฉ.)หรือ 1669 เราต้องออกรับเหตุฉุกเฉินทุกเคส ทั้งจาก 1669 และตำรวจ 191 ทุกวันนี้มีเหตุเยอะทั้งเหตุทั่วไปปวดหัวตัวร้อน ปวดท้องคลอด ที่หนักสุดโดยเฉพาะเหตุผู้ป่วยจิตเวช มีทุกวัน ซึ่งก็อันตรายกับน้องๆอาสากู้ภัย ที่สมัครใจมาทำงานเพื่อสังคม ในการออกเหตุจะได้รับค่าชดเชยจาก สพฉ.1669 เฉลี่ย 100-350 บาท ต่อ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับระยะทาง ซึ่งก็นำมาเป็นค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้องเพลิง ค่าอยู่กินของน้องๆอาสา จัดซื้ออุปกรณที่จำเป็นในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น ถุงมือ น้ำเกลือ ไม้พันลำลี ผ้าก๊อช จิปาถะที่จะต้องใช้กับคนป่วย แต่ช่วงนี้เริ่มขาดแคลนแล้ว ยิ่งน้ำมันที่แพงทุกวันนี้เติม 2,000 วิ่งได้ 3-4 เคส ก็หมดละ

ซึ่งในแต่ละเดือนก็ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายเยอะ เพราะผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น เงินที่นำมาใช้ก็มาจากการประกอบธุรกิจส่วนตัวประคับประคองเดือนๆ 2-3 หมื่นบาท

ก็อยากให้ สพฉ.1669 ดูแลพวกเราบ้าง เมื่อให้เราอยู่ในระบบแล้วก็ควรจะดูแลเราบ้าง ไม่ใช่จะปล่อยปะละเลยแบบนี้ แต่เวลาแจ้งให้พวกเราออกเหตุ พวกเราก็ไม่เคยปฏิเสธแม้แต่ครั้งเดียว เพราะถ้าไม่ออกประชาชนก็เดือดร้อน บางรายไม่มีแม้รถจะมาโรงพยาบาล ซึ่งความเป็นความตายของประชาชนก็สำคัญกว่าอยู่แล้ว

และจากนี้ต่อไปก็จะออกเหตุปฏิบัติหน้าที่ต่อไป แต่จะขอพิจารณาเป็นเคสๆไป ดูว่าสถานที่ใกล้ไกลแค่ไหน ถ้าในตัวเมืองก็ออกช่วยเหลือตามปกติ แต่หากเคสไหนที่ต้องแบกภาระเติมน้ำมัน 400-500 วิ่งออกไปคงต้องให้ทางโรงพยาบาลออกไปรับเหตุเอง