สังคม
'พลายศักดิ์สุรินทร์' ต้องส่งคืนศรีลังกาหรือไม่? 'กัญจนา' ชี้คงต้องรักษาที่แผ่นดินไทยชั่วชีวิต!
โดย nattachat_c
4 ก.ค. 2566
4.2K views
วานนี้ (3 ก.ค. 66) ทาง บีบีซีภาคภาษาสิงหล ในศรีลังกา ได้สัมภาษณ์พิเศษ เจ้าอาวาสวัดคันเดวิหาร ซึ่งเป็นผู้ดูแล และเจ้าของกรรมสิทธิ์ในตัว 'พลายศักดิ์สุรินทร์' โดยเจ้าอาวาสระบุว่า
"ยอมส่งพลายศักดิ์สุรินทร์ไปรักษาภายใต้ข้อตกลง และคำสัญญาว่า ช้างจะถูกส่งไปไทย และ (เมื่อรักษาเสร็จ) ก็ส่งกลับศรีลังกา โดยไทยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด"
-----------
วานนี้ (3 ก.ค. 66) นายสุรัตน์ชัย อินทร์วิเศษ ผู้อำนวยการสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เปิดเผยว่า
นับจากนี้ จะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน หรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปภายในพื้นที่ที่ช้างอยู่ เพื่อเริ่มจำกัดพื้นที่ ให้เป็นเขตกักโรค และเฝ้าระวังในระดับ 100% ตามระเบียบการควบคุมโรคระบาดสัตว์ กรมปศุสัตว์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อบางชนิด เนื่องจากเป็นช้างที่มาจากต่างประเทศ"
"โดยหลังจากนี้ ทางทีมคณะสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องจะเริ่มตามแผนการตรวจสอบร่างกายช้าง และตรวจสอบโรคอย่างละเอียด โดยเฉพาะกรณีที่ขาหน้าซ้ายที่มีอาการเจ็บ งอขาไม่ได้ ที่ทางคณะสัตวแพทย์เป็นห่วง รองลงมาคือเรื่องฝีใหญ่ที่ต้นขาหลังขวา ที่จะต้องตรวจอย่างละเอียด ดังนั้น ช้างจะต้องอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังโรค เป็นระยะเวลา 30 วัน นับจากนี้"
"ขณะนี้ ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ซึ่งในเรื่องการกิน ก็กินปกติ ขับถ่ายดี ภาพรวมไม่มีอะไรผิดปกติ เน้นให้ช้างกิน หญ้าเนเปียร์ อ้อย กล้วย หยวกกล้วย และให้มะขามเปียก"
--------------
วานนี้ (3 ก.ค. 66) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าการดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์ว่า พลายศักดิ์สุรินทร์ ได้เดินทางถึงสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จ.ลำปาง เมื่อเย็นวันที่ 2 ก.ค.นี้ และเคลื่อนย้ายให้ไปอยู่ในพื้นที่กักตัวทันที เพื่อเฝ้าติดตามและระวังโรคติดต่อ
โดยช้างมีอาการปกติ กินอาหารได้ตามปกติ จะได้รับการดูแลอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังและสังเกตอาการ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน ภายใต้ระเบียบการควบคุมโรคระบาดสัตว์ กรมปศุสัตว์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อบางชนิด
นอกจากนี้ ช้างจะอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากหลายหน่วยงาน รวมทั้งสัตวแพทย์และควาญช้าง เพื่อให้ช้างได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ภายหลังจากการเดินทาง และได้ใช้เวลาเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ตลอดจนได้มีโอกาสได้สร้างความคุ้นเคยกับควาญช้างไทย ภาษาไทย และได้ปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมที่จากไปนานกว่า 20 ปี
นายวราวุธกล่าวว่า ในส่วนของประชาชนที่ต้องการติดตามอาการพลายศักดิ์สุรินทร์นั้น ประชาชนและสื่อมวลชน สามารถติดตามการเดินทางของพลายศักดิ์สุรินทร์ ได้ที่อาคารกัลยาณิวัฒนาการุณย์ สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง ผ่านกล้องวงจรปิด และช่วงที่ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังและสังเกตอาการ สถาบันคชบาลแห่งชาติ
โดยได้จัดให้มีการไลฟ์ผ่านทางแฟนเพจ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง The Thai Elephant Conservation Center Lampang (https://www.facebook.com/elephantcenter/) โดยจะมีไลฟ์ทางเฟซบุ๊กของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ในช่วงเวลา 14.00-14.30 และ เวลา 16.30-17.00 น.
เหตุผลที่ไลฟ์ในช่วงบ่าย เพราะช่วงเช้าเป็นเวลาที่ทางสัตวแพทย์ทำการรักษาและควาญช้างทำความคุ้นเคยกับช้าง ขณะที่ช่วงเวลาที่ไลฟ์สดเป็นช่วงเวลาที่ช้างพักผ่อน
นอกจากนี้ จะจัดทำคลิปวิดีโอเพื่อนำเสนอเรื่องราวการดูแลรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์ตลอดระยะเวลา 30 วันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีการตั้งคำถามกันมากว่า หลังจากรักษาเสร็จแล้ว จะคืนพลายศักดิ์สุรินทร์ให้ศรีลังกาหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า ประเด็นนี้ตนขอยังไม่ตอบ เนื่องจากต้องดูอาการบาดเจ็บของพลายศักดิ์สุรินทร์ก่อนว่าเรื้อรังเพียงใดหรือสามารถรักษาให้หายได้ 100% อย่างไรหรือไม่ ดังนั้น จึงต้องขึ้นอยู่กับทางทีมสัตวแพทย์เป็นหลักก่อน ตอนนี้ต้องให้เวลาทีมสัตวแพทย์เข้ารักษาอาการป่วยของพลายศักดิ์สุรินทร์ก่อน
-----------
วานนี้ (วันที่ 3 ก.ค.) นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ “พลายศักดิ์สุรินทร์” กลับประเทศไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภารกิจครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวานนี้ พร้อมอธิบายเกี่ยวกับประเด็นที่มีผู้ตั้งคำถามเรื่องต้องนำช้างกลับไปศรีลังกาอีกหรือไม่ โดยระบุว่า
“ขอรวบรวมภาพประทับใจจากการไปรับพ่อพลายศักดิ์สุรินทร์กลับบ้าน และเยี่ยมพลายศรีณรงค์…
ปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จได้ก็ด้วยความร่วมมือร่วมใจอย่างแข็งแรงของทุกฝ่าย ไม่มีอะไรง่ายเลย มีปัญหาให้ต้องแก้ตลอดทาง แต่ทุกอย่างลุล่วงด้วยดี…
ขอบคุณท่านทูตพจน์ผู้เจรจา เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในศรีลังกา ที่ประสานงา
ท่านนายกประยุทธ์ผู้อนุมัติงบประมาณ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่เจ้ากระทรวง อธิบดีกรมอุทยานฯ ท่านรองอธิบดี คุณหมอและพี่ควาญ จากออป. กระทรวงการต่างประเทศ
องค์กร RARE แห่งศรีลังกาที่จุดประเด็นเรื่องนี้
ท่านเจ้าอาวาสวัดที่ให้เราเอาศักดิ์สุรินทร์ออกมารักษาตัว …
พลังใจจากพี่น้องคนไทยที่ส่งให้พ่อพลาย และที่สำคัญคือ ความเข้มแข็งแต่อ่อนโยน ว่าง่ายและอดทนของพ่อพลายศักดิ์สุรินทร์…
สำหรับความห่วงใยว่าต้องส่งพ่อพลายกลับไปอีกไหมเมื่อร่างกายแข็งแรงแล้ว ขอตอบว่า การจะให้พ่อพลายแข็งแรงอย่างเต็มร้อย เราคงต้องรักษาเขาอยู่ที่แผ่นดินไทยอาจชั่วชีวิตเขาค่ะ…
อีกหนึ่งเรื่องที่พูดกันเยอะคือ เอาอีก 2 เชือกกลับมาด้วยได้ไหม..
เรียนว่า การเอากลับแต่ละเชือกไม่ง่าย กรรมสิทธิ์เป็นของวัดที่เขาอยู่ ถ้าเจ้าอาวาสไม่ให้ เราทำไรไม่ได้เลย.
ท่านทูต บอกว่า กรณีที่เราไปเอาศักดิ์สุรินทร์กลับ ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมมากในศรีลังกา ทั้งในเชิงอภิปรายในสภาเขา และการเกรงว่า ช้างที่มาจากต่างประเทศของเขาจะมีการถูกเอากลับอีก (เขามีช้างจากอินเดียและพม่าด้วย) เป็นเรื่องใหญ่ในประเทศ
แต่ในมิติที่ดีคือ เขาน่าจะตื่นตัวใส่ใจดูแลสวัสดิภาพช้างที่เขาใช้งานให้ดีขึ้น…
บอกแล้วว่า กรณีศรีณรงค์ตัวเองไม่ห่วง เพราะเห็นแล้วว่าเขาเป็นอย่างไร คนเลี้ยงเขาเป็นอย่างไร…
แต่ยอมรับว่าห่วงประตูผา เพราะอายุเยอะกว่าใคร อายุเขาราว 48 แล้ว..ที่ไปครั้งนี้ไม่สามารถไปเยี่ยมประตูผาได้ เพราะเห็นว่าทางวัดบอกเขาตกมันค่ะ…
ดิฉันคิดบางอย่างเบื้องต้นไว้บ้าง ที่ไม่ต้องใช้อำนาจรัฐ เพราะไม่ทราบรัฐบาลใหม่จะมีนโยบายเรื่องเกี่ยวกับช้างที่ส่งไปแล้วเขาลำบากอย่างไร
แต่จะทำในศักยภาพส่วนตัวที่พอทำได้ แน่นอนไม่ถึงขั้นเอาเขากลับ เพราะเหตุผลหลายอย่างที่เอ่ยไปแล้ว ทั้งเรื่องกรรมสิทธิ์ นโยบายรัฐ แรงกระเพื่อมในศรีลังกาเอง…
แต่จะไปหาทางให้เขาได้รับการดูแลสุขภาพต่อเนื่องในศรีลังกาเอง…
ดิฉันจะไปศรีลังกาอีกในไม่นานนี้ คราวนี้เพื่อประตูผา…
(ขอบคุณท่านผู้วาดภาพการ์ตูนอันแสนน่ารักและประทับใจดิฉันมากค่ะ)”
--------------
วานนี้ (วันที่ 3 ก.ค.) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตาม สถานการณ์ของพลายศักดิ์สุรินทร์ ที่ได้เดินทางถึง สถาบันคชบาล ที่อำเภอห้างฉัตร จ.ลำปางแล้ว ว่า เท่าที่ทราบพลายศักดิ์สุรินทร์ นอนได้ กินได้ ซึ่งเท่าที่เราทราบกันคือพ่อพลาย เป็นช้างที่เชื่องมาก และอ่อนโยน เชื่อฟัง ปรับตัวได้เร็ว ซึ่งทางทีมสัตวแพทย์ก็จะได้เริ่มตรวจสุขภาพอย่างละเอียด เราก็ต้องให้เวลาและรอฟังผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าจะส่งพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับศรีลังกาหรือไม่
น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ขอเรียนว่า เงื่อนไขที่เจ้าอาวาสที่ได้กรุณาให้พลายศักดิ์สุรินทร์มารักษาตัว โดยท่านได้ใช้คำว่า "กระทั่งแข็งแรงเต็มร้อย" ซึ่งคำๆนี้ ก็วินิจฉัยยาก และเมื่อดูจากสภาพของพ่อพลายแล้ว ซึ่งทรุดโทรมมาก น่าจะต้องรักษาตัวอยู่ที่เมืองไทยอีกยาวอาจจะจนสิ้นอายุขัยของเขา
เมื่อถามถึงกรณีวิพากษ์วิจารณ์ถึงเบื้องหลังการกลับของพลายศักดิ์สุรินทร์ ประเด็นที่น.ส.กัญจนาได้ บริจาคเงินเป็นจำนวนมาก และบริจาคทองคำจำนวนหลายกิโลกรัม ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
น.ส.กัญจนา กล่าวว่า "เป็นเมตตาของเจ้าอาวาสที่กรุณาปล่อยให้เรานำพลายศักดิ์สุรินทร์มารักษาตัวได้ เพราะถ้าท่านเจ้าอาวาสไม่เมตตาปล่อยน้อง เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด เนื่องจากรัฐบาลไทยยกให้รัฐบาลศรีลังกาแล้ว และรัฐบาลศรีลังกามอบให้กับวัด แต่ด้วยเมตตาของเจ้าอาวาสก็เลยทำให้เรานำน้องกลับมารักษาได้ กัญจนาจึงมีจิตศรัทธาที่อยากจะทำบุญ
และได้ทราบว่า ท่านเจ้าอาวาสกำลังสร้างองค์พระใหญ่องค์หนึ่งที่วัด และขาด 'สีทอง' ที่จะใช้ทาองค์พระ ซึ่งในศรีลังกาไม่มี จะต้องสั่งจากเมืองไทย ทั้งหมดจำนวน 2.8 ตัน กัญจนาจึงมีจิตศรัทธาที่จะขอถวายสีทองดังกล่าวให้กับเจ้าอาวาส เพราะท่านได้กรุณาเมตตาให้พลายศักดิ์สุรินทร์ออกมารักษาตัว
ขอย้ำว่า 'สีทอง' ไม่ใช่ 'ทองคำ' ไม่ใช่เงื่อนไขอย่างที่นำไปวิพากษ์วิจารณ์กัน เป็นการที่กัญจนามีจิตต้องการทำบุญ เพราะพระเมตตาให้เรานำศักดิ์สุรินทร์ออกมาได้ การที่ถูกนำไปดราม่ากันก็อาจจะเป็นการรู้เลาเลาแล้วก็เลยเข้าใจกันผิด ก็ขอชี้แจง"
น.ส.กัญจนา กล่าวว่า ตนมีแผนว่า จะเดินทางไปเยี่ยมศักดิ์สุรินทร์ที่ลำปางเมื่อเขาพ้นกักตัว 30 วันแล้ว และทางสถาบันคชบาล อนุญาตให้ประชาชนเข้าเยี่ยม ระหว่างนี้ตนและเอฟซีของพ่อพลายก็ติดตามดูจากเพจของกรมอุทยานฯ และเพจของสถาบันคชบาลไปก่อน
------------
วานนี้ (วันที่ 3 ก.ค. 66) นายสมโรจน์ คูกิตติเกษม พร้อมลูกสาว นางสาวพัชรพร เปิดบ้านพักบนถนนธนสาร เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเรื่องช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ และช้างพลายศรีณรงค์ ที่ครอบครัว "คูกิตติเกษม" ได้ทูลเกล้าฯถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2543 และส่งมอบให้ประเทศศรีลังกาเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2544 ในนามรัฐบาลไทยกับรัฐบาลศรีลังกา
ซึ่งช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ และช้างพลายศรีณรงค์ รัฐบาลศรีลังกาจะใช้ในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในช่วงพิธีการต่างๆ ต่อมา เมื่อวันที่ 2 ก.ค.66 รัฐบาลไทยโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ทำการขนย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมาที่ประเทศไทย เนื่องจากมีอาการป่วยนั้น
นายสมโรจน์ กล่าวว่า การทูลเกล้าถวายช้างพลายศักดิ์สุริทร์และช้างพลายศรีณรงค์แด่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เหตุที่ช้างทั้ง 2 เชือกมีชื่อนี้เพื่อเป็นเกียรติประวัติของจังหวัดสุรินทร์ และเจ้าเมืองสุรินทร์คนแรก คือ “พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) ” โดยการประสานงานกับกรมป่าไม้ โดยนายปลอดประสพ สุรัสวด์ อธิบดีกรมป่าไม้ในขณะนั้น จนบรรลุความสำเร็จและได้ส่งมอบช้างทั้ง 2 เชือกให้ประเทศศรีลังกาเป็นที่เรียบร้อย
ต่อมาทราบว่า พลายศักดิ์สุรินทร์ไม่ค่อยสบายจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม รัฐบาลไทยโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประสานความร่วมมือไปทางประเทศศรีลังกาเพื่อนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมารักษาที่ประเทศไทย จนเป็นผลสำเร็จ ตามที่มีการนำเสนอเป็นข่าวไปแล้ว
นายสมโรจน์ กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการส่งมอบช้างทั้ง 2 เชือกนั้นครอบครัว "คูกิตติเกษม" ได้ประกอบพิธีบวงสรวงที่ศาลปะกำช้าง ที่บ้านเลขที่ 67-71 ถนนปัทมานนท์เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ เพื่อให้การเดินทางของช้างพลายทั้ง 2 เชือกให้เป็นไปด้วยความราบรื่น ผ่านมา 22 ปี พลายศักดิ์สุรินทร์ได้เดินทางกลับคืนมาตุภูมิ โดยได้พักอยู่ที่ปางช้างจ.ลำปาง
ตนและครอบครัว พร้อมทั้งพี่น้องชาวสุรินทร์ทุกคนล้วนดีใจเป็นอย่างยิ่ง จึงได้มาประกอบพิธีเรียกขวัญ สู่ขวัญพลายศักดิ์สุรินทร์ที่ศาลปะกำช้างประจำครอบครัวที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้เกิดความสุขสวัสดีมีชัยปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ต่อไป
ส่วนที่จังหวัดลำปาง หลังพลายศักดิ์สุรินทร์ได้รับการรักษาตัวแล้ว จะมีการประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญ เรียกขวัญ พลายศักดิ์สุรินทร์อีกครั้ง โดยตนและครอบครัวพร้อมทั้งควาญช้างบางส่วนจะเดินทางไปร่วมในพิธีด้วย ส่วนปลายศรีณรงค์ทราบว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมีสุขภาพแข็งแรง รู้แค่นี้ตนก็ดีใจแล้ว
------------
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/MW0ZINnCP_w