สังคม

ขสมก.พร้อมเยียวยา หญิงชราวัย 83 โดนรถเมล์ทับดับ ด้านญาติอโหสิกรรม - คนขับร่ำไห้รับมองไม่เห็น

โดย nattachat_c

24 เม.ย. 2566

281 views

กรณีเหตุรถประจำทาง ขสมก.สีครีมแดง สาย 66 ทะเบียนป้ายเหลือง 11-9797 กรุงเทพมหานคร วิ่งระหว่างสายใต้ใหม่-ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ชนและทับ น.ส.ยุพิน หะยากุล อายุ 83 ปี ขณะเดินข้ามทางม้าลาย บริเวณกลางสี่แยกศรีย่าน แขวงนครชัยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดนล้อรถทับบริเวณกระดูกเชิงกรานแตกละเอียด ขาหัก 1 ข้าง ไขมันที่ต้นขากระจายอาการสาหัส เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลวชิระ ล่าสุดเสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 18.00 น. (23 เม.ย.)


วานนี้ (23 เม.ย.) พ.ต.ต.วิชัย มีขวัญ สารวัตร(สอบสวน) สน.สามเสน ได้สอบปากคำนายอำพล ศรีนาม อายุ 35 ปี คนขับ เล่าว่าก่อนเกิดเหตุได้ขับรถออกจากสายใต้ และกำลังจะไปที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถนนสามเสนซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้ประจำมีการปิดการจราจรทำให้ต้องเลี้ยวขวาเพื่ออ้อมไปใช้อีกเส้นทาง และระหว่างที่เลี้ยวยอมรับว่ามองไม่เห็นว่ามีคนข้ามถนน


นางธัญพร ตันเจริญ อายุ 84 ปี ญาติของผู้บาดเจ็บ เผยว่า น.ส.ยุพิน พักอาศัยอยู่ในซอยสามเสน 19 และเมื่อเช้าวานนี้ (23 เม.ย.) เวลาประมาณ 7 โมงครึ่ง เดินออกมาตลาดเพื่อซื้อต้มเลือดหมูให้หลานชาย อายุ 53 ปี ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ไม่รู้ว่าถูกรถทับได้อย่างไร ส่วนข่าวที่ออกไปว่าไส้ทะลักไม่เป็นความจริง


โดยอาการของ น.ส.ยุพิน หลังเกิดเหตุสาหัส นอนรักษาตัวอยู่ในหออภิบาลศัลยกรรม โรงพยาบาลวชิระ ทางญาติตัดสินใจไม่ให้ผ่าไม่อยากให้ทรมานปล่อยให้ไปอย่างสงบเอง หมอบอกความดันตกต่ำลงเรื่อยๆ เสียเลือดเยอะโอกาสรอดแค่ 10% คงยื้อไว้ไม่ได้แล้ว ตนบอกกับหมอถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ไม่ต้องยื้อ กระทั่งเวลา 18.00 น. (23 เม.ย.) น.ส.ยุพิน เสียชีวิตลงอย่างสงบ ส่วนคนขับมาเยี่ยมมาแสดงความรับผิดชอบทุกอย่าง ญาติอโหสิกรรมให้ต่างคนก็ต่างมีเคราะห์ ถือว่าเป็นเวรกรรมที่ร่วมทำกันมา เขาก็ร้องไห้เสียใจบอกมองไม่เห็นจริง ๆ


ด้านนางขวัญธิพรรณ สังข์ศรีอินทร์ อายุ 68 ปี เพื่อนบ้านที่สนิทกับ น.ส.ยุพิน กล่าวว่า  ปกติเกือบทุกเช้าจะเดินออกไปตลาดด้วยกัน แต่เช้าวันเกิดเหตุ น.ส.ยุพิน เดินไปตลาดคนเดียว หลังเกิดเหตุมีเพื่อนบ้านมาบอกว่า น.ส.ยุพินโดนรถเมล์ทับ หัวใจหล่นลงตาตุ่ม จึงรีบออกไปดูไม่รู้สึกตัวแล้ว ที่ตนไม่อยากให้ น.ส.ยุพิน ไปตลาดคนเดียวเพราะแก่แล้วเดินไม่ค่อยแข็งแรง


ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุ น.ส.ได้ออกไปใส่บาตร เสร็จแล้วก็กลับมาที่บ้านไปตลาดเพื่อซื้อข้าวต้มเลือดหมูให้หลานชายที่ป่วยเป็นมะเร็งกิน ตนบอกไม่ต้องไปซื้อ แต่ น.ส.ยุพิน ก็ดื้อไป อย่างไรก็ตามตนกับญาติปรึกษากันว่าถ้าอาการหนักยื้อไม่ไหวก็ปล่อยให้ไปสบาย โดยได้ขอให้หมอช่วยยื้อไว้ก่อนให้ญาติได้ทำใจเพราะมันเร็วเกินไป ก่อนที่ น.ส.ยุพิน จะเสียชีวิต ในเวลาต่อมา


ทีมข่าวลงพื้นที่พูดคุยกับนายนิพล พรทรัพย์สิน อายุ 73 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนยืนซื้อปาท่องโก๋ ใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงคนตะดกนว่ารถทับคน ตนหันไปดูตอนนั้น น.ส.ยุพิน ยังไม่โดนล้อรถทับ เหลือประมาณ 1 คืบ คนขับรถเมล์คงไม่รู้หรือมองไม่เห็น จังหวะเลี้ยวขวา ทำให้ล้อหลังรถเมล์ฝั่งขวาทับลำตัว น.ส.ยุพิน ตนเห็นคาตา ก่อนที่คนละแวกนั้นจะวิ่งเข้าไปช่วยเหลือ ส่วนที่มีคนเห็นรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวล้มก่อนแล้วรถเมล์เลี้ยวมาทับ จังหวะนี้ตนไม่เห็น


พ.ต.อ.นิพนธ์ นิธิการุณย์เลิศ ผู้กำกับการ สน.สามเสน เผยว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายอำพล ศรีนาม คนขับ แล้ว ให้การว่าก่อนเกิดเหตุได้ขับรถออกจากสายใต้ และกำลังจะไปที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถนนสามเสน ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้ประจำมีการปิดการจราจร ทำให้ต้องเลี้ยวขวาเพื่ออ้อมไปใช้อีกเส้นทาง และระหว่างที่เลี้ยวยอมรับว่ามองไม่เห็นว่ามีคนข้ามถนน


เบื้องต้นให้ตำรวจรวบรวมพยานแวดล้อม และภาพจากกล้องวงจรปิด เนื่องจากมีพยานบางคนระบุว่าก่อนที่รถเมล์จะทับป้า มีรถจักรยานยนต์ขับเฉี่ยวป้าจนล้มก่อนที่รถเมล์จะมา ซึ่งส่วนนี้ก็มาดูก่อนว่ามีการเฉี่ยวชนก่อนหรือไม่อย่างไรหากพบว่ามีรถมาชนก่อนก็ต้องติดตามมาสอบปากคำ ซึ่งถ้ามีความชัดเจนว่าเป็นความประมาทของผู้ใดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


พ.ต.ต.วิชัย มีขวัญ สารวัตร(สอบสวน) สน.สามเสน ยืนยืนยันว่า เหตุดังกล่าวเป็นความประมาทของคนขับรถเมล์ จากการตรวจสอบวงจรปิดไม่มีรถจักรยานยนต์ขับเฉี่ยวแต่อย่างใด เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายอำพล “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส” /ภายหลังที่ น..ส.ยุพิน เสียชีวิต ได้แจ้งข้อหาเป็น “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความ”


ด้านนายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ขสมก. เปิดเผยว่า พร้อมดูแลเยียวยาผู้เสียหายเต็มที่ เบื้องต้นได้สั่งการให้ผอ.เขตการเดินรถที่ 7 ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทันที


สำหรับการตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบว่าเป็นพื้นที่ก่อสร้าง ทำให้พนักงานขับรถต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนรถ พบว่าพนักงานมีการขับขี่โดยประมาทร่วมด้วย เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นทางม้าลาย และมีคนกำลังเดินข้าม แต่จากผลการตรวจสอบแอลกอฮอล์ในเลือด ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของพนักงานขับรถ


หลังจากตำรวจสอบปากคำพนักงานขับรถเสร็จสิ้นแล้ว ทาง ขสมก. จะทำการสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการเอาผิดตามระเบียบอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ ทาง ขสมก. ได้สั่งพักงานพนักงานขับรถไปก่อน จนกว่าเรื่องจะยุติ ส่วนจะมีบทลงโทษต่อไปอย่างไรต้องขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนของตำรวจและของ ขสมก. อีกครั้ง

-------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/_GZF_eQbFY8


คุณอาจสนใจ

Related News