สังคม

แม่แจง หลังลูกสาวแฉรับดูแลผู้ป่วยติดเตียง หวังเงิน 8 พัน ทุบตี-ให้กินข้าวบูด จนผู้ป่วยพยายามฆ่าตัวตาย

โดย passamon_a

30 มี.ค. 2566

846 views

ลูกสาวสุดทน แม่พาผู้ป่วยติดเตียงมาดูแล หวังเงินค่าจ้าง 8 พัน ไร้การเหลียวแล ปล่อยอุจจาระเรี่ยราด ทุบตี เอาข้าวบูดให้กินปล่อยให้ท้องเสีย จนผู้ป่วยพยายามฆ่าตัวตาย 2 ครั้ง อ้างไม่เคยทำร้าย ด่าทอบ้างเพราะไม่ยอมทำกายภาพบำบัด


ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพผู้ป่วยติดเตียงนอนอยู่บนเตียง สภาพความเป็นอยู่ในบ้านค่อนข้างสกปรก โดยระบุว่า "ไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ใครพูดไม่ฟังคือแม่ (เเม่ของเจ้าของโพสต์) เอาผู้ป่วยติดเตียงที่เป็นลูกพี่ลูกน้องมาไว้ที่บ้านเพราะอยากได้เงินจากทางญาติ ๆ เดือนละ 8,000 บาท


แต่ลับหลังคือตีเค้า ตบกะบาลบ้างไรบ้าง เอาข้าวบูดให้เค้ากินทุกวัน พอขี้แตกก็ด่าก็ว่า มีแต่คนเห็น เห็นจนเอือม แต่ช่วยอะไรไม่ได้ มีหน่วยงานไหน ช่วยประสานให้ญาติมารับทีเถอะ สงสารเค้า พิการครึ่งซีก แต่พยายามฆ่าตัวตายสองครั้งเเล้ว กูเองก็จะประสาทแดกแล้ว ทางญาติก็ทิ้งส่งทิ้งขว้าง ไม่สนใจใยดีทั้งที่รู้เรื่อง โพสต์นี้กูขอประจานไม่มีความเป็นคนเลย"


ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านหลังดังกล่าว ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ สภาพเป็นบ้านเก่า 2 ชั้น ผู้ป่วยนอนติดเตียงอยู่ชั้นล่าง มีคราบและร่องรอยของอุจจาระเต็มพื้นและเตียง ผู้ป่วยไม่สามารถพูดได้ แขนขวาใช้การไม่ได้ ทำได้แค่สื่อสารผ่านการพยักศีรษะเท่านั้น


สอบถามผู้ป่วย ชื่อ นายเอก อายุ 41 ปี ว่าถูกทุบตีจริงหรือไม่ ผู้ป่วยพยักศีรษะรับว่าจริง และได้พยายามชี้จุดที่ถูกทุบตีบริเวณศีรษะและแขนให้ทีมข่าวดู นอกจากนี้ทีมข่าวไปดูถ้วยอาหารของผู้ป่วย เป็นข้าวใส่น้ำก๋วยเตี๋ยว ซึ่งข้าวถ้วยนี้อยู่มาตั้งแต่เช้าแล้วก็แบ่งกินในมื้อเที่ยงและเย็น


นางสาวแสตมป์ อายุ 23 ปี ผู้โพสต์ เล่าว่า แม่ของตนรับผู้ป่วย (เป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่) มาอยู่ได้ประมาณปีครึ่ง ซึ่งผู้ป่วยเคยอาศัยอยู่ จ.ปทุมธานี ประสบอุบัติเหตุรถล้มจนป่วยติดเตียงพิการครึ่งซีก แขนขวาไม่สามารถใช้การได้ สาเหตุที่รับมาเพราะแม่ของตนอ้างว่าสงสาร เลยเอามาอยู่ด้วยช่วยดูแล โดยญาติฝั่งผู้ป่วยจะส่งเงินมาให้เป็นค่าดูแลเดือนละ 8,000 บาท แต่จริง ๆ แล้ว แม่ของตนรับเงินมาเพื่อใช้จ่ายส่วนตัวอย่างเดียว แทบไม่ได้นำมาใช้ดูแลผู้ป่วยเลย


ที่ผ่านมาแม่ของตนไม่เคยดูแลผู้ป่วยเลย เอาอาหารซึ่งเป็นอาหารที่ไม่มีคุณภาพมาให้ผู้ป่วยกิน ทั้งข้าวคลุกซอสถั่วเหลือง หรือคลุกน้ำก๋วยเตี๋ยวมาให้กิน ส่วนใหญ่มักจะให้กินแค่ถ้วยเดียวแบ่งกินเช้ายันเย็นจนอาหารเน่าบูดเสียแทบทุกวัน จนผู้ป่วยมีอาการท้องเสียอยู่บ่อยครั้ง ให้อุจจาระทิ้งไว้คาเตียง แต่แม่ (แม่ผู้โพสต์) ก็ไม่เคยมาเช็ดทำความสะอาดเลยแม้แต่น้อย กลับปล่อยให้ผู้ป่วยท้องเสียตามยถากรรม หนำซ้ำยังทุบตีทำร้ายร่างกายเนื่องจากไม่พอใจที่ผู้ป่วยท้องเสียอีก


ผู้ป่วยซึ่งไม่สามารถพูดสื่อสารอะไรได้ จึงพยายามจะฆ่าตัวตายถึง 2 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยการลงจากเตียงและลากสังขารตัวเองเพื่อลงคลองที่อยู่หลังบ้าน แต่ก็สามารถช่วยไว้ได้ทัน ที่ผ่านมาแม่จะเป็นคนดูแลผู้ป่วยเป็นหลัก


ส่วนตนเองจะไป ๆ มา ๆ และคอยแวะช่วยตามอัตภาพบ้าง เท่าที่พอจะช่วยได้ บางทีก็จะซื้อข้าวจากข้างนอก อาทิ ก๋วยเตี๋ยวมาให้ผู้ป่วยกิน ซึ่งผู้ป่วยก็ดีใจเพราะตัวผู้ป่วยเองแทบไม่เคยได้กินอาหารแบบนี้เลย ที่ตนตัดสินใจโพสต์ลงเฟซบุ๊ก เพราะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของแม่ ที่ชอบทุบตีและดูแลผู้ป่วยอย่างไร้มนุษยธรรม


จนตอนนี้ถูกญาติฝั่งแม่ต่อว่าและตัดขาดกันแล้ว ตนอยากจะขอความช่วยเหลือให้หน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยเหลือและดูแลผู้ป่วย อยากให้เขามีชีวิตที่ดีกว่านี้ อีกทั้งญาติฝั่งผู้ป่วยก็แทบไม่เคยมาเหลียวแลหรือดูแลผู้ป่วยเลยแม้แต่น้อย


ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางอ้อม อายุ 50 ปี แม่ของเจ้าของโพสต์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าทุบตีผู้ป่วย กล่าวว่า ตนได้รับค่าจ้างในการดูแลผู้ป่วยเดือนละ 6,000 บาท (กลางเดือน 3,000 บาท สิ้นเดือน 3,000 บาท) ซึ่งเงินจำนวนนี้ ตนต้องนำไปซื้ออาหาร และใช้ในการดูแลผู้ป่วยด้วย ส่วนแพมเพิร์ส ญาติของผู้ป่วยจะนำมาให้เอง ตนไม่ได้ร้อนเงินไม่ได้มีภาระอะไร โดยรถจักรยานยนต์ของตนหายไปตั้งแต่ 4 เดือนก่อนแล้ว ตนได้หยุดผ่อนชำระไปแล้ว


ทั้งนี้ ผู้ป่วยไม่ได้ติดเตียงถึงขั้นทำอะไรเองไม่ได้ ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำเองได้ และพอจะเคลื่อนไหวร่างกายได้บ้าง ซึ่งตนก็พยายามดูแลผู้ป่วยอย่างดีเท่าที่จะทำได้ ขอยืนยันว่าตนไม่เคยตบตีหรือทำร้ายอะไรผู้ป่วย แต่ยอมรับว่าอาจจะมีด่าทอบ้าง เนื่องจากผู้ป่วยไม่ยอมทำกายภาพบำบัด ส่วนที่ชาวบ้านแจ้งว่าผู้ป่วยกระโดดน้ำตาย ตนขอชี้แจงว่า ในวันเกิดเหตุ ตนออกไปทำธุระ ตนไม่อยู่บ้าน ผู้ป่วยได้พาตัวเองออกมานั่งเล่นริมคลอง แต่พลาดตกน้ำ


โดยขณะที่ทีมข่าวกำลังพูดคุยกับนางอ้อม อยู่นั้น นางอ้อมก็ได้พูดขึ้นว่า นางสาวแสตมป์ (ลูกสาว) ไม่ชอบตน อีกทั้งอีกฝ่ายยังเคยตีตนด้วย ทำให้นางสาวแสตมป์ที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก เดินเข้ามาพูดแทรกแล้วโต้เถียงกับนางอ้อม จนทีมข่าวต้องเข้าไปห้ามปรามให้ทั้งคู่ใจเย็น ๆ


ด้าน นางสาวแสตมป์ บอกว่า ตนถูกแม่ถีบท้อง ทั้ง ๆ ที่ตนกำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ ตนจึงต้องป้องกันตัว โดยประเด็นของนายเอก ผู้ป่วย ตนเคยแจ้งแม่แล้วหลายครั้งแล้วว่าหากดูแลไม่ได้ดี ก็ควรปล่อยให้คนอื่นมาดูแลแทน


ส่วนนางอ้อม บอกว่า ขอยืนยันว่าตนดูแลผู้ป่วยดีพอ แต่นายเอก ผู้ป่วย ไม่ยอมทำกายภาพบำบัด ตนไม่ได้เห็นแก่เงินตนไม่ได้ได้รับดูแลผู้ป่วยเพราะเงิน ตนมีเงินใช้ของตัวเอง สามีของตนให้เงินตนเดือนละ 1,800 บาท ลูกชายของตนให้เงินตนใช้เดือนละ 1,000 บาท และตนก็มีดอกเบี้ยจากเงินที่คนอื่นกู้ไปอีกเดือนละ 1,300 บาท (รวม 4,100 บาท)


โดยหากมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับตัวนายเอก ผู้ป่วย ไปดูแล ตนก็ยินดี ไม่ขัดขวาง ตนไม่ได้โกรธที่นางสาวแสตมป์ ลูกสาว แจ้งสื่อกับหน่วยงานต่าง ๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับนางสาวแสตมป์ ลูกสาว จากนี้ตนขอให้ต่างคนต่างอยู่ เนื่องจากปัญหาที่สะสมมา


ด้าน นายสำราญ ดวงดี ประธานชุมชนพรหมสัมฤทธิ์ กล่าวว่า ผู้ป่วยมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ปีกว่าแล้ว มีการถูกตีจริง ๆ โดยฝีมือของแม่ผู้ร้องเรียน อีกทั้งถูกปล่อยให้อยู่ตามอัตภาพไม่ได้รับการดูแลอย่างดี ทั้งแม่ลูกในบ้านหลังดังกล่าวไม่ได้มีอาชีพอะไร อยู่อย่างยากจน และทะเลาะเบาะแว้งไม่ค่อยถูกกันมานานแล้ว  


ที่ผ่านมาตนเองเห็นพฤติกรรมหลายครั้งของผู้เป็นแม่ที่ลูกออกมาเปิดเผยข้อมูล ยอมรับว่าเป็นไปตามที่ลูกสาวออกมาโพสต์ทุกอย่าง ซึ่งตนเองเคยเห็นและได้ยินเสียงแม่ที่ดูแลผู้ป่วยได้มีการขับไล่ให้ผู้ป่วยออกจากบ้านหลายครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่บ้านเพียงลำพัง หลายครั้ง และเคยคิดฆ่าตัวตายจนมีคนเข้าช่วยเหลือมาแล้ว


ส่วนสาเหตุปัญหามาจากเรื่องของทางครอบครัวของบ้าน ซึ่งผู้เป็นแม่ที่ดูแลคนป่วยก็เป็นโรคมะเร็ง และรายได้ภายในครอบครัวก็ไม่เพียงพอ จึงมีปากเสียงกับลูกอยู่เป็นประจำ จึงอยากให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับผู้ป่วยไปดูแล ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ หรือหากญาติของผู้ป่วยทราบพฤติกรรมแล้วควรที่จะมารับผู้ป่วยไปดูแลเองหรือไปจ้างผู้ที่ดูแลให้ดีกว่านี้


อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือแล้ว นำตัวนายเอก ไปดูแลที่สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อไป


ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง จะเดินทางเข้ามาให้ความช่วยเหลือและนำตัวผู้ป่วยไปรักษาตัว แต่พอทางญาติได้ติดต่อให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้ามารับตัวผู้ป่วยแล้ว จึงยกเลิกการเดินทางเข้ามาที่ดอนเมือง



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/U8JnGSnQkVc


คุณอาจสนใจ