อาชญากรรม

'นิกกี้' เครียด ถูกลูกแฉทำร้าย-ขู่รีดเงินพ่อเปย์หนุ่มบาร์โฮส เหยื่อโผล่อีก ถูกเบี้ยวเงินคลินิก 5 แสน

โดย paweena_c

10 ม.ค. 2567

237 views

นิกกี้ขยี้ข่าว อ่วมหนัก เหยื่อโผล่เพียบ ถูกนิกกี้เรียกเก็บเงินค่าการตลาดและขายคอร์สเสริมความงามเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ขณะที่ ลูกสาวทั้งสองคนร้องเพจเป็นหนึ่ง แฉพฤติกรรม นิ๊กกี้ทำร้ายร่างกายบังคับรีดเงินจากพ่อที่อยู่ต่างประเทศ เพื่อเอาเงินไปเลี้ยงหนุ่มบาร์โฮส

นางสาวชลิดา พะละมาตย์ หรือคุณต้นอ้อ จากมูลนิธิเป็นหนึ่งพร้อมด้วยนางพิศพรรณ ศรีไชย เจ้าของโรงพยาบาลเลอลักษณ์ พานางสาว เอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี และเด็กหญิงบี (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ลูกสาวของนางศรินทิพย์ หรือ 'นิกกี้ ขยี้ข่าว' มาแจ้งความดำเนินคดีกับแม่ตัวเองที่ สน.ประชาชื่น หลังลูกทั้ง 2 อ้างว่าถูก นิ๊กกี้ ผู้เป็นแม่ทำร้ายร่างกาย ใช้เป็นที่รองรับอารมณ์ อีกทั้งยังใช้ลูกทั้ง 2 ในการข่มขู่สามีเพื่อเรียกเงินค่าดูแลหลักหลายแสนบาทต่อเดือน

ทั้งยังอ้างอีกว่าถูกบังคับให้วิดีโอคอลหาพ่อแล้วแม่ใช้ปืนจี้หัว มีดจี้คอ เพื่อขูดรีดเงินจากสามีที่อยู่ต่างประเทศ

โดย นางสาวเอ บอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อนหน้านี้ แม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเธอและน้องสาววัย 14 ปี มาโดยตลอด มากน้อยแล้วแต่อารมณ์ของแม่ ช่วงที่โดนหนักๆ ก็จะเป็นช่วงที่แม่ต้องการเงินจากพ่อที่อยู่ต่างประเทศ แต่ละครั้งจะมีทั้งแม่ขอตรงๆปกติธรรมดา หรือ บางครั้งบังคับ ข่มขู่ให้เธอและน้องสาวโทรฯขอเงินจากพ่อ

ซึ่งมีครั้งหนึ่งแม่ทำลายพาสปอร์ตของเธอทิ้ง และได้พูดคุยกับพ่อว่าให้โอนเงินมาหากต้องการให้พาสปอร์ตกลับมาเป็นปกติ ซึ่งแต่ละครั้งในการขอเงินนั้นมีจำนวนมากกว่าหลักแสน

ตลอดเวลาที่ผ่านมา พ่อได้ส่งเงินค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเธอและน้องสาวมาตลอดจนถึงปัจจุบัน จนได้เปลี่ยนมาโอนให้เธอโดยตรง จากเมื่อก่อนที่จะต้องโอนผ่านแม่ เธอเคยถามแม่เหมือนกันว่าเอาเงินไปทำอะไรคำตอบที่ได้ แม่บอกว่าเอาไปทำธุรกิจ แล้วก็ใช้จ่ายต่างๆซึ่งเธอก็ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

จึงที่ตัดสินใจมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิเป็นหนึ่ง เพราะเธอรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยจากแม่และรู้สึกว่าแม่ยังคิดไม่ได้ กลัวว่าในอนาคตจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ซึ่งปัจจุบันแม่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายแล้ว แต่เป็นการใช้คำพูดที่รุนแรงเท่านั้น

ขณะที่ คุณต้นอ้อ กล่าวว่า ตนไม่ได้ปั่นหัวเด็ก ตามที่คุณนิ๊กกี้ กล่าวหาว่าไปปั่นเด็ก ตนไม่ได้รู้จักกับเด็กเป็นการส่วนตัว และเมื่อเด็กรู้สึกว่าถึงจุดหนึ่งที่อยากจะออกจากตรงนั้น มันเป็นโอกาสเพราะที่ผ่านมาไม่รู้จะให้ใครช่วยเหลือ เพราะพ่อไปอยู่ต่างประเทศ ก็จะต้องมีการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ว่าจะสามารถช่วยเหลือเด็กอย่างไรได้บ้าง เพราะหากกลับไปจะต้องโดนหนักกว่าเดิมอย่างแน่นอน

ซึ่งเด็กเองจะประสานไปหาพ่อที่อยู่ต่างประเทศ เเละตอนนี้เด็กก็เป็นห่วงเรื่องพาสปอร์ตที่แม่ได้ฉีกทิ้งไป ในเรื่องนั้นก็จะต้องพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เพื่อหาทางแก้ปัญหาอีกที ส่วนระหว่างนี้เด็กจะต้องอยู่ในความดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ด้านคุณนิกกี้ บอกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องมาทั้งหมดเธอเครียดจนกินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับและอาเจียนเป็นเลือด ตอนนี้มีญาติพี่น้องและคนในครอบครัวเดินทางมาให้กำลังใจยังไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์อะไรมากนัก

คุณนิกกี้ บอกว่า ส่วนปัญหาระหว่างเธอและลูกอยู่ระหว่างปรึกษาทนายความ ยังไม่อยากให้รายละเอียดอะไร กลัวว่าจะกระทบรูปคดี ตอนนี้เป็นห่วงสภาพจิตใจของลูกมากกว่า ก่อนที่ลูกจะไปร้องกับทางเพจเป็นหนึ่ง ช่วงเย็นวันที่ 8 ม.ค.เธอกับลูกทั้งสองคนก็ยังพูดคุยกันและกอดให้กำลังใจกันปกติ ซึ่งเธอเองก็งงมากๆ จู่ๆ วันรุ่งขึ้นมาเกิดเรื่องนี้อีก

ส่วน เหตุการณ์ที่ลูกให้ข่าวไปนั้น เกิดขึ้นตอนปี 2562 ซึ่งคุณนิ๊กกี้ก็ไม่ได้ยืนยันว่า มีการทำร้ายร่างกายลูกหรือบังคับให้ลูกไปขอเงินจากทางสามี

แต่นิกกี้ บอกว่า ตนเองและสามี ตัดสินใจแยกกันอยู่นานแล้ว แต่ว่ายังติดต่อส่งเสียค่าเลี้ยงดูมาให้และยังมีทะเบียนสมรสกันอยู่ ซึ่งตอนปี 2562 เธอเจอกับมรสุมหลายด้าน ทั้งสูญเสียคุณแม่ และเธอเองก็ป่วยเป็นภาวะซึมเศร้า และเครียดถึงขั้นทำร้ายตัวเอง

สำหรับประเด็นหนุ่มบาร์โฮส ทางนิกกี้บอกว่า ไม่มี ส่วนภาพที่ชาวเน็ตขุดขึ้นมา ส่วนใหญ่ก็เป็นน้อง ๆ และเพื่อน ๆ เท่านั้น

ล่าสุดทีมข่าวเที่ยงวัน ทันเหตุการณ์ ได้รับการติดต่อจากนางสาวเอ เจ้าของคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งที่ตกเป็นผู้เสียหายของนิกกี้อีกราย โดยคุณเอบอกว่า เธอเปิดคลินิกเสริมความงาม ตอนปี 2562 และติดต่อไปทางเพจสวยสยอง ซึ่งเป็นเพจของนิกกี้ ก่อนที่จะมาทำเพจนิกกี้ขยี้ข่าว

ซึ่งเพจสวยสยองเป็นลักษณะกลุ่มปิดมีสมาชิกหลักแสนคน ทางคุณเอ จึงติดต่อไปหานิกกี้เพื่อขอเข้ากลุ่ม มีเงื่อนไขว่า ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดือนละ 4 แสนบาท เป็นค่าการตลาด

โดยทางนิกกี้มาทำการไลฟ์สด เพื่อโปรโมทคลินิกและขายคอร์สเสริมความงามให้ ซึ่งก็ดูเป็นวิธีการการทำการตลาดปกติ แต่ปัญหาคือพอลูกค้าที่ซื้อคอร์สเสริมความงามผ่านไลฟ์สดของนิกกี้จะมีการโอนเงินเข้าบัญชีของทีมงานและโอนต่อไปที่นิกกี้

ทำให้ทางคลินิกไม่ได้รับเงินในส่วนนี้ มูลค่ากว่า 500,000 บาท แต่พอลูกค้ามาใช้บริการและแสดงสลิปการโอนเงินให้ดูจึงพบว่าเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลอื่นไม่ใช่บัญชีของทางคลินิก แต่ทางคลินิกต้องรับผิดชอบด้วยการให้บริการลูกค้าตามคอร์สที่ซื้อมา


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/aWidXVUpnNg

คุณอาจสนใจ

Related News