สังคม

ผอ.สำนักพระพุทธฯ ยันในเบื้องต้นยังไม่พบว่าพระไม่ปาราชิก

โดย kanyapak_w

29 มี.ค. 2566

160 views

ผอ.สำนักพระพุทธฯยันในเบื้องต้นยังไม่พบว่าพระไม่ปาราชิก คณะสงฆ์จะเชิญมาพูดคุยในเบื้องต้น



ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า จากกรณีที่พระภูมิพัด (หลวงโม่ง) พระสำนักสงฆ์บ้านยางยายขลุย ม.6 ต.ร่มเมือง อ.เมืองพัทลุง ทำการรักษานางวิไลวรรณ อายุ 53 ปี อยู่ ต.ลำสินธุ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ที่เป็นโรคอัมพฤกษ์จนเป็นแผลผุพองเกือบทั้งตัว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2566 ณ สำนักสงฆ์ดังกล่าว และถูกญาติๆนำตัวเข้ารักษาใน รพ.ศรีนครินทร์ ในวันที่ 21 มีนาคม 2566 จนเป็นข่าวฉาวโฉ่ และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเมื่อประมาณเวลา 10.30 น. ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันที่ 28 มีนาคม 2566 นางสมศรี อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวของนางวิไลวรรณ ฯ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง และข้อหาที่ตรวจพบต่อ ร.ต.อ.ศุภชัย หมื่นอักษร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง ตามข่าวที่แจ้งมาแล้วแล้วนั้น



ทางด้าน นายเสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพัทลุง เผยว่า เรื่องดังกล่าวไม่เข้าข่ายหรือในกรอบของปาราชิก ในวันนี้ทางคณะสงฆ์จะได้นิมนต์พระรูปดังกล่าวพูดคุยกันเพื่อว่ากล่าวตักเตือน แต่ยังไม่สามารถระบุวัน เวลา และสถานที่ในการพูดคุยดังกล่าวได้ เรื่องดังกล่าวจะต้องให้คณะสงฆ์เป็นหลักในการพูดคุย ว่ากล่าวตักเตือนกับพระรูปดังกล่าวเพราะเป็นเรื่องของวินัยของคณะสงฆ์ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอเมืองพัทลุง และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้(ที่ 28) พบว่าการจัดตั้งสำนักสงฆ์ยังไม่ดำเนินการให้ถูกต้องคามระเบียบกฎหมาย ซึ่งในเบื้องต้นก็ต้องดูว่าพระรูปดังกล่าวได้ขออนุญาตเจ้าคณะปกครองพื้นที่ดังกล่าวแล้วหรือยัง



ในส่วนของการเข้าแจ้งความของพี่สาวของผู้เสียหายนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของขั้นตอนในการสืบสวนสอบสวนของตำรวจว่าญาติเข้าแจ้งความในฐานความผิดอะไร ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ว่ากันไปตามระเบียบของคณะสงฆ์ พระสังฆาธิการ เรื่องที่เกิดขึ้นจะต้องแยกกันให้ออกว่าเป็นเรื่องอะไร หากเรื่องวินัยก็เป็นเรื่องของระเบียบวินัยของคณะสงฆ์ และการสอดส่องดูแลของพระสังฆาธิการ การว่ากล่าวตักเตือนตามลักษณะของการกระทำ จะดำเนินการอย่างไรก็ต่องดูที่กรอบและองค์ประกอบต่างๆ ส่วนการแจ้งความของผู้เดือดร้อนหรือผู้ที่ได้รับความเสียหายก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของตำรวจ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องจะต้องแยกออกจากกัน จะนำเรื่อง 2 เรื่องมารวมกันไม่ได้



แท็กที่เกี่ยวข้อง  พัทลุง ,สำนักพุทธ ,พระ

คุณอาจสนใจ

Related News