สังคม

"ชูวิทย์" ลั่น มีทนายหิวแสงจะปิดปากผม พร้อมสู้ไม่กลัว บอกสื่ออย่าไปหลงกล ไม่ได้จะบุกไปสำนักงานทนายตั้ม

โดย kanyapak_w

27 มี.ค. 2566

119 views

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 มี.ค.66  ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง พร้อมทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม



โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า การใช้สื่อเป็นเครื่องมือ เมื่อมีอาชีพทนายก็ต้องใช้กฎหมาย เมื่อมีคนเดือดร้อนเงินเขาถ้าไปคิดเงินเขาตอนแถลงข่าว 3 แสนบาท มันไม่มีโจทก์ไม่มี มันไม่มีโจทก์ไม่มีจำเลย ตัวเองก็ไม่มีหลักฐานนั่นแปลว่าคุณพูดฝ่ายเดียวหรือไม่ ตนไม่คิดว่าทนายความจะคิดเงินค่าแถลงข่าว ดังนั้นสมาคมทนายความหรือสื่อมวลชนควรจะพิจารณา



นายชูวิทย์ ยังระบุว่า เป็นทนายความต้องใช้ความสามารถ ต้องใช้หลักฐาน ใช้พยานแต่ปรากฏว่าฝ่ายอีกฝ่ายใช้การแถลงข่าว นั่นไม่ใช่วิถีของทนายความ โดยอย่างยิ่งบอกว่าตัวเองเป็นทนายประชาชน ส่วนเงินบริจาคจำนวน 6 ล้านบาท ที่ทางโรงพยาบาลคืนมา อยากให้ติดตามว่าวันพรุ่งนี้จะเอาไปให้ใคร



“ตอนนี้มีกระบวนการพยายามที่จะมาปิดปากผม มีทั้งทนาย พวกหิวแสง นักร้องเรียน ใครฟ้องมาผมก็จะฟ้องกลับ จะสู้ในทางกฎหมาย ผมพร้อมสู้ทุกทางเวลาสู้ก็จะไม่ค่อยเหมือนกัน ฝากไปบอกหมาลอบกัด ผมพร้อมจะกัดตอบ กูไม่กลัวมึง“




ด้าน ทนายอันนตชัย  บอกว่า กรณีที่ ทนายตั้ม ออกมาแถลงเรื่องการรับเงินสีเทา กับสื่อนั้น เข้าข่ายหมิ่นประมาท  ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางนายชูวิทย์ได้โทรฯมาขอร้องให้ตนเองทำคดีทนายตั้งได้มาปรึกษาว่าสิ่งที่ทนายตั้มโพสต์นั้นเจ้าข่ายความผิดไรบ้าง จากการพิจารณาเบิ้องต้น จะพิจารณา ใน 3 ประเด็น คือ



1.พฤติกรรมดังกล่าวจะความผิดฐานหมื่นประมาทด้วยการโฆษณาหรือมไม่ จะต้อดูที่พฤติกรรม อย่าง ตอนนี้ นายชูวิทย์ กำลังเปิดโปงขบวนการ คอรัปชั่น และ ทุนจีนสีเทา แต่กลับถูกออกมาแฉ มองว่ามีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ ทั้งที่ไม่มีประจักษ์พยาน เป็นเพียงแค่พยานที่กล่าวอ้างเท่านั้น / และการที่ทนายตั้ม เอารูปที่ถ่ายแค่ถุงเงินมานั้น เป็นการแบล็คเมล์ แต่กลับไม่มีรูปชูวิทย์รับเงิน ส่วนจำนวนเงินที่บอกว่า 10 ล้านนั้น ก็ไม่มีใครรู้ว่าจำนวนเงินที่แท้จริงเท่าไหร่อาจจะถูกดึงไประหว่างทาง แต่ยันว่ามาถึงชูวิทย์เพียงแค่ 6 ล้าน ซึ่งตอนนั้นชูวิทย์ก็ปฏิเสธไปแล้วแต่ก็ไม่รับคืนจึงเอาไปทำบุญ



ส่วน ข้อ 2 พฤติกรรมของทนายตั้ม มีผิดมรรยาททนายความ มีการแถลงข่าวที่คลาดเคลื่อน ไม่มีหลักฐาน แต่เป็นการยกข้อมูลขึ้นมาลอยๆ ซึ่งนายชูวิทย์ ไปแจ้งร้องสภาทนายความให้ตรวจสอบ



ส่วนข้อ 3 ทางทนายความ ได้พูดถึง กรณีที่ พันตำรวจเอกศิริวัฒน์  ดีพอ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ผู้บริหาร ปปง. ที่ออกมา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าการนำเงินของนายชูวิทย์ไปบริจาคอาจเข้าข่ายการฟอกเงิน ซึ่งตนมองว่า ไม่ควรให้สัมภาษณ์ในลักษณะชี้นำแบบนั้น ควรจะให้สัมภาษณ์ว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบหรือรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดม. 157 และ ม.200



ทนายอนันตชัย ยังบอกอีกว่า หลังจากนี้จะไม่ให้นายชูวิทย์ พูดถึงกรณีทนายตั้มอีกแล้วกับ สื่อมวลชน เพื่อจะได้ไม่เสียรูปคดี และขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขบวนการยุติธรรม / ส่วนหากทนายตั้ม มีการพูดพาดพิง ก็จะฟ้อง กรรมละ 100 ล้านบาท พร้อมพูดว่า ใช้สติจะมีปัญหา ทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่าทำในสิ่งที่ถูกใจ




ต่อมา ทนายตั้มได้ออกมาโพสต์ ระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ว่า ได้ข่าวว่าพี่ชูวิทย์จะมาสำนักงาน Sittra Law Firm ตอนผมแถลงข่าววันนี้ ฝ่ายอาคารสอบถามว่าจะอนุญาตให้ขึ้นมาไหม ผมตอบไปว่าให้ขึ้นมาได้เลย Sittra Law Firm ยินดีต้อนรับ แต่อย่ามาท้าตีท้าต่อยกัน พูดกันด้วยเหตุผลนะครับพี่ชูวิทย์ และ เรื่องเงิน 300,000 บาท วันนี้ผมจะตอบนะครับ ลองฟังเหตุผลของผมบ้าง




และล่าสุด ชูวิทย์ ออกมารีโพสต์ ข้อความดังกล่าวของทนายตั้ม ระบุข้อความว่า เที่ยวนี้ไม่มีค่าแถลงข่าวใช่ไหม? ถึงต้องอ้างว่าผมจะไปบุก เพื่อเรียกสื่อ ผมอยู่ที่ศาล คดีสันธนะ ผู้สื่อข่าวทุกคนอย่าไปหลงกลครับ











แท็กที่เกี่ยวข้อง  ชูวิทย์ ,ทนายตั้ม ,ทนายษิทรา

คุณอาจสนใจ